คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 578 ปราบปราม
“อื้อๆ!” ผู้บัญชาการแห่งค่ายจูเชว่ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เขาประสบพบเจอ
เขาผู้เป็นผู้บัญชาการกองทหารรักษาพระองค์แห่งค่ายจูเชว่ถูกผู้ตรวจการผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเองลักพาตัว
นี่มันสถานการณ์อะไรกัน เหตุใดเขาถึงได้ทำเรื่องอุกอาจเช่นนี้แม้จะเลี่ยงไม่ได้ที่จะไม่แสดงความกตัญญูเพื่อได้ผลประโยชน์ แต่นี่ก็เป็นธรรมเนียม! ตนเองก็เคยทานเนื้อ และนั่งดื่ม มด้วยกันกับพวกเขาไม่ใช่หรืออย่างไร
ผู้บัญชาการจ้องมองด้วยความโกรธพยายามอย่างยิ่งที่จะหลุดพ้นจากเชือก
ไม่ง่ายเลยกว่าจะปิดปากอีกฝ่ายได้หนีจุ้นหายใจหอบ และล้มลงกับพื้นพร้อมกับเหล่าอวี๋ และเสี่ยวช่าย
“มารดาเถอะ” เหล่าอวี๋ผู้มีหนวดเคราเต็มใบหน้าใช้สองมือยันพื้น “เหล่าจุ้นอาเหล่าจุ้น ครั้งนี้ข้าถูกฆ่าแน่ๆ! นี่มันเป็นการทำร้ายผู้เป็นนาย!”
“ฆ่าอะไรกัน!” หนีจุ้นเตะ “ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือหากเขาไม่ห้ามพวกเราก็ช่างไป”
เหล่าอวี๋แค่นหัวเราะ “ท่านก็พูดได้! ข้าจะบอกท่านให้หากเรื่องนี้เกิดปัญหา หัวหลุดออกจากบ่าแน่ พวกเราเชื่อใจท่านถึงได้มอบชีวิตของทุกคนในครอบครัวไว้ที่ท่าน ท่านอย่าทำร้ ายพี่สะใภ้ และหลานของท่านเด็ดขาด!”
เสี่ยวช่ายเองก็พูดว่า “ใช่ ข้ายังมีแม่ที่ต้องเลี้ยงดูต้องมีชีวิตกลับไปให้ได้!”
หนีจุ้นตบพวกเขา “น้องรัก ข้าจะเก็บพวกเจ้าไว้ในใจตลอดไป!”
“อื้อๆ!” ในขณะที่เหล่าพี่น้องแสดงความรักใคร่ต่อกัน ผู้บัญชาการโกรธมากจนอยากจะฆ่าพวกเขา
หนีจุ้นลุกขึ้นตบมือปัดฝุ่นแล้วพูดกับผู้บัญชาการว่า “ท่านแม่ทัพ ข้าไม่ต้องการทำร้ายท่านเพียงแต่เวลาล่าช้าไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว ท่านรู้สึกไม่เป็นธรรมสักครู่เดี๋ยววันรุ่งขึ้นทุกอ อย่างก็จะดีเอง” พูดจบเขาก็เรียกใครบางคนเข้ามา
ทหารทั้งสามที่เฝ้าอยู่ด้านนอกเข้ามาดู และมองหน้ากัน
นี่มันเกิดอะไรขึ้น กบฏหรือ
หนีจุ้นพูดด้วยสีหน้าปกติ “หลิวต้า หลิวเอ้อร์ จัดการคนเรียบร้อยหรือยัง”
เขาหมายถึงทหารข้างกายผู้บัญชาการ
หลิวต้าตอบกลับว่า “เรียนผู้ตรวจการทั้งหมดถูกมอมสุรา และจัดการมัดเรียบร้อยแล้วขอรับ”
หนีจุ้นพยักหน้า “พวกเจ้าอยู่เฝ้าท่านแม่ทัพจำไว้ว่าต้องเฝ้าอย่างใกล้ชิดห้ามคลาดสายตา อย่าปล่อยให้ท่านแม่ทัพก่อเรื่อง”
คำพูดนี้มีอยู่สองความหมาย หนึ่งคือการปกป้องความปลอดภัยของผู้บัญชาการ และอีกประการหนึ่งคือเฝ้าระวังห้ามปล่อยให้เขาหนีไปได้
“ขอรับ!”
หนีจุ้นก็เป็นแม่ทัพเช่นกัน ทหารใกล้ชิดสองนายเขาพามาจากจวนจึงเชื่อฟังเพียงแค่คำสั่งจากเขาเท่านั้น
เหล่าอวี๋ และเสี่ยวช่ายมองหน้ากัน และเลือกทหารสองสามคนเพื่อปฏิบัติตามคำสั่งด้วยเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดใดๆ มาถึงจุดนี้แล้วหากเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นมาหัวขาดแน่!
หลังจากจัดการทุกอย่างแล้วทั้งสามคนก็ออกมาจากกระโจมใหญ่
“ว่าอย่างไร” ตี๋ฝานเข้ามาถาม
หนีจุ้นดึงผ้าคลุมออก เพราะต้องการเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วสง่างาม แต่พายุหิมะแรงเกินทำให้ผ้าคลุมพัดปิดไปครึ่งหน้าเขาดึงลงอย่างหดหู่แล้วตอบด้วยเสียงอ่อนแรง “เรียบร้อย พวกเ เราจะส่งทหารออกจากค่ายทันที”
ตี๋ฝานถอนหายใจด้วยความโล่งอก การเคลื่อนทัพออกไปอย่างราบรื่นถือว่าสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง
ทั้งสามคนกลับไปสั่งกองทหาร พวกเขาโกหกด้วยสีหน้าจริงจังว่าผู้บัญชาการมีคำสั่งให้เคลื่อนทัพ เหล่าทหารค่ายจูเชว่เห็นว่าก่อนหน้านี้พวกเขาไปที่กระโจมกลางแล้วกลับมาพร้อมกับคำสั่ง จึงไม่มีผู้ใดคิดว่ามันจะเป็นคำสั่งปลอม
เป็นผลให้พวกเขาทั้งสามรีบมุ่งหน้าไปที่พระราชวังพร้อมกับกองทหารรักษาพระองค์หลายพันคนที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี
ในเวลานี้เหลยหงที่เร่งเดินทางได้นำกองทหารจากซิ่งโจวเข้าใกล้หยุนจิงแล้ว
………….
กัวสวี่รับฟังอย่างเงียบๆ ภายในห้องเกิดเสียงเซ็งแซ่
“พวกเจ้ามาจากค่ายไหน”
“จะทำอะไร”
“หยุดนะ! ยกอาวุธในเขตพระราชวังพวกเจ้าอยากตายหรือ”
“เฮ้!” ตอนแรกเป็นเสียงโกรธเกรี้ยว จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นเสียงการต่อสู้ และสุดท้ายก็เงียบลง รอยยิ้มบนใบหน้าของกัวสวี่เริ่มจางลงเรื่อยๆ
ฉื่อฉวินเดินออกมา และประสานมือ “องค์ชาย ปฏิบัติภารกิจลุล่วงพ่ะย่ะค่ะ!”
องค์ชายรองถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วหันไปหากัวสวี่ เมื่อเห็นว่าใบหน้าอีกฝ่ายไร้รอยยิ้มแล้วก็อดรู้สึกดีไม่ได้ แน่นอนว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผน
ตอนนี้ทหารระดับสูงที่กองทหารรักษาพระองค์ล้วนถูกฆ่าตายหมดแล้วที่เหลือเป็นเพียงทหารระดับกลาง และระดับล่างเท่านั้น แม้ร่องรอยของพวกเขาจะถูกค้นพบ แต่กลุ่มมังกรที่ขาดหัว[1]เ เป็นเรื่องยากที่จะโต้กลับอย่างมีประสิทธิภาพ
สวรรค์อยู่ข้างเขาแน่นอน!
กองทหารรักษาพระองค์เหล่านี้ไม่ได้น่ากลัวเพียงนั้น!
ฉื่อฉวินยังคงเคลื่อนทัพต่อไปเขาแบ่งกำลังคนให้เข้ามาแทนที่ทหารหน้าที่สำคัญต่างๆ
องค์ชายรองมองไปที่เขาด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม “ผู้อาวุโสกัว ตอนนี้ท่านเห็นแล้วหรือไม่ เขตพระราชฐานนี้กำลังจะตกอยู่ในมือของเปิ่นหวาง ตามลำดับอาวุโสแล้วท่านอยู่ด้านล่างสุ ดของราชสำนัก หลู่เซียงน่าจะเกษียณตัวเองออกในอีกสองปี สำหรับท่านแล้วเวลากระชั้นชิดไปหากอยากได้ตำแหน่งโส่วเซี่ยงจำต้องใจแข็งหน่อย แต่จางเซียงอายุหกสิบจนกว่าเขาจะเกษียณท่านจ จะอายุเท่าไรกัน”
“แล้วอย่างไร” กัวสวี่สอดมือเข้าไปในแขนเสื้อแล้วถามช้าๆ “องค์ชายพากระหม่อมมาดูว่าท่านยึดวังอย่างไรเพียงเพื่อให้กระหม่อมเป็นพยานว่าองค์ชายต่อต้านอย่างไรงั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“แน่นอนว่าไม่ใช่” องค์ชายรองตอบอย่างลำพอง “ไม่คิดว่ามันคุ้มต่อผู้อาวุโสกัวหรอกหรือ”
“งั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ”
อาจารย์หงได้ยินพวกเขาสนทนากันเช่นนี้ก็ไม่รู้ว่าจะพูดไปถึงเมื่อไร เวลาไม่คอยผู้ใดเขาจึงตัดสินใจพูดเองว่า “ผู้อาวุโสกัว องค์ชายของพวกเราหมายความว่า หากท่านประเมินสถานการณ์ดู ย่อมต้องยอมจำนนต่อเขา หลังจากคืนนี้ไป ตำแหน่งนั้นจะไม่ใช่แค่ความคิดลมๆ แล้งๆ อีก”
กัวสวี่ถามอย่างเย็นชา “ข้าถามนามของท่านได้หรือไม่”
อาจารย์หงคารวะ “ข้าแซ่หงขอรับ”
“อ้อ ท่านหง!” น้ำเสียงของกัวสวี่ดูถูกเหยียดหยาม “เป็นแค่สามัญชนธรรมดา แต่พยายามอย่างดีที่สุดเพื่อช่วยองค์ชายรองเช่นนี้ หรือว่าท่านไม่อยากรุ่งเรืองในชั่วพริบตาหรือ”
ยังไม่ทันที่อาจารย์หงจะตอบ องค์ชายรองชิงพูดออกมาก่อนว่า “สิ่งที่อาจารย์ต้องการไม่ได้อยู่ที่เรื่องนี้ ก่อนหน้านี้เปิ่นหวางถูกปลด คนของตนเองต่างกระจัดกระจายเหลือเพียงไม่กี คน อาจารย์ผู้นี้อุทิศตนให้จวนซิ่นอ๋องมาสามปี ไม่มีอะไรโดดเด่น แต่ในช่วงที่เปิ่นหวางตกต่ำที่สุดเขาได้ทุ่มเทวางแผน เปิ่นหวางสัญญาว่าจะตอบแทนเขาอย่างดีที่สุด แต่อาจารย์ห หงกลับตอบเพียงว่าต้องการตอบแทนพระคุณที่ให้ข้าวให้น้ำตลอดสามปีที่ผ่านมาไม่ต้องการสิ่งใดอีก”
“งั้นหรือ” กัวสวี่เหมือนจะยิ้ม แต่ไม่ยิ้ม “ที่แท้เป้าหมายของท่านหงคืออยากเป็นเฝิงเซวียนหรอกหรือ”
เฝิงเซวียนคือผู้ที่อาศัยใต้ร่มเงาของเมิ่งฉางจวินในสมัยจ้านกั๋ว ซึ่งหลังจากอยู่อาศัยมาหลายปีกลับไม่ได้สร้างความดีความชอบอะไรเลย แต่เมื่อเมิ่งฉางจวินถูกปลดก็ได้ติดตาม และช่ว วยเหลือเขาจนได้ตำแหน่งกลับคืน คนผู้นี้มีเมตตาธรรม วิสัยทัศน์กว้างไกลได้รับการยกย่องในทุกยุคสมัย คำพูดของกัวสวี่แฝงไปด้วยคำเสียดสี แต่ก็ใกล้เคียงกับคำพูดของอาจารย์หง
องค์ชายรองไม่ใช่คนงี่เง่าเมื่อได้ยินคำพูดตึงเครียดจากเขา แต่เบี้ยในมือฝั่งตนมีน้อยเกินไป และเมื่อเห็นว่าฟ้ามืดแล้ว เขาก็กล่าวสัญญาอย่างเร่งรีบ “อาจารย์มีพฤติกรรม และคุณธรร รมสูงส่งเทียบได้กับเฝิงเซวียนจริงๆ ดังนั้นผู้อาวุโสกัววางใจได้”
กัวสวี่ยิ้ม “แล้วหากข้าไม่ยินยอมพวกท่านจะฆ่าข้าหรือไม่”
องค์ชายสองชะงัก และไม่ตอบครู่หนึ่ง
อาจารย์หงกลับพูดออกไปอย่างไม่ลังเลว่า “ผู้อาวุโสกัวเชี่ยวชาญเรื่องการเมือง ท่านต้องเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันขององค์ชายเป็นอย่างดี องค์ชายต้องการใครสักคนที่อยู่ในตำแหน่งที่ สูงทำลายสถานการณ์ชะงักงันนี้ หากผู้อาวุโสกัวไม่เต็มใจ เช่นนั้นในฐานะผู้อาวุโส ฆ่าหนึ่งเพื่อเตือนร้อยจึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมมาก”
กัวสวี่เงยหน้าขึ้นหัวเราะ หลังจากหัวเราะเขาก็พูดอย่างเคร่งขรึม “ไม่ใช่ว่าแค่ต้องให้ข้าเขียนพระราชโองการให้พวกท่านหรอกหรือ ได้! หวังว่าองค์ชายจะจำคำพูดนี้ไว้อย่าได้รับผ ผลประโยชน์แล้วถีบหัวส่งแล้วกัน!”
…………….
[1] มังกรขาดหัว : กลุ่มคนที่ขาดผู้ดูแล