คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 580 ล้อมรอบ
อันอ๋องถูกขังอยู่ในทางลับเขาทั้งหนาวทั้งหิว เขาทำได้แค่เอาเสื้อผ้าที่หยางชูยัดใส่มาสวมเข้าไปหลายๆ ชั้นจากนั้นก็ยัดขนมเข้าไปในปาก
ในวันที่หิมะตกกับขนมที่เย็นชืดแล้วจะหาอาหารร้อนๆ จากห้องเครื่องได้ที่ไหนกัน
อันอ๋องทานไปก่นด่าไป “ไอหนูนั่น! ปกติเรียกท่านอาสามๆ แกล้งมาทำดีด้วยแล้วฉวยโอกาสกลั่นแกล้งข้าเช่นนี้หรือ! รอเปิ่นหวางออกไปจากที่นี่ได้ก่อนเถอะ หากไม่ได้สั่งสอนเจ้าก็ไม่ใช่แซ่เจียงแล้ว!”
เขารู้ไม่เท่าทันจึงไม่คิดว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงกับตนเองและไม่สามารถเอาเรื่องในอดีตมาเปรียบเทียบได้ ในอดีตหยางชูที่กลั่นแกล้งเขา ตอนนี้ต้องเอาอกเอาใจเขาต่างหากถึงจะถูก จู่ๆ เกิดเรื่องผิดปกติอย่างกะทันหัน เขาไม่ได้กังวลเกี่ยวกับชีวิตของตนเอง แต่คิดว่าหยางชูจงใจลงโทษเขาไม่มีความตื่นตัวในฐานะผู้สืบทอดบัลลังก์เลยแม้แต่น้อย
พอทานขนมไปได้ครึ่งหนึ่งเขาก็อิ่มในที่สุด อันอ๋องรู้สึกง่วงเล็กน้อยศีรษะของเขาค่อยๆ ตกลง เขาเพิ่งผล็อยหลับไปแล้วจู่ๆ ก็สะดุ้งตื่นขึ้นมามองรอบกายที่มีแต่ความมืดก็กลัวจนแทบร้องไห้แล้วก่นด่าหยางชูอีกครั้ง
ในตอนนั้นเองเขาได้ยินเสียงจากอีกฟากหนึ่งของกำแพง
“ท่านอ๋อง” เสียงหลิวกงกงใช่หรือไม่
อันอ๋องดีใจเขาตบกำแพง และตะโกนว่า “หลิวกงกง รีบช่วยเปิ่นหวางออกไปเร็ว!”
แต่หลิวกงกงดูเหมือนจะไม่ได้ยิน และยังคงคุยกับหยางชู “เรื่องที่ท่านอ๋องสั่งมา บ่าวจัดการเรียบร้อยแล้วขอรับ”
หยางชูขานรับแล้วพูดว่า “เจ้าถอยออกไปเถอะหาที่หลบซ่อนให้ดี อย่าให้ผู้ใดหาเจ้าเจอ”
เอ๋…อันอ๋องฟังดูแปลกๆ
หลิวกงกงตอบกลับว่า “ที่นี่มีท่านอ๋องตัวคนเดียว บ่าวไม่วางใจให้บ่าวอยู่ช่วยปิดประตูให้ดีหรือไม่ขอรับ”
หยางชูตอบ “ถึงตอนนั้นจะอันตรายมากข้าเกรงว่าจะปกป้องเจ้าไม่ได้”
หลิวกงกงกลับหัวเราะ “ท่านอ๋องวางใจเถอะ บ่าวอยู่ในหวงเฉิงซือมาหลายปี พอรู้วิธีปกป้องตัวเอง”
ไม่รู้ว่าทางหลิวกงกงกำลังทำอะไรอยู่หลังจากนั้นหยางชูก็พูดขึ้นว่า “ได้ แต่หากเกิดอะไรขึ้นมาเจ้าปกป้องอันอ๋องด้วย”
“ขอรับ” อีกด้านหนึ่งของกำแพงเงียบอีกครั้ง อันอ๋องได้ยินก็รู้สึกสับสน ตอนนี้เขารู้สึกถึงความผิดปกติ ไอหนูคนนั้นขังเขาไว้ในนี้แล้วขอให้หลิวกงกงปกป้องเขางั้นหรือ หลิวกงกงไม่รู้สึกแปลกใจเลยหรืออย่างไร
มีเรื่องราวภายในอะไรที่เขาไม่รู้หรือไม่
อันอ๋องรอไม่นานด้านนอกท้องพระโรงก็มีการเคลื่อนไหว
เขาได้ยินหลิวกงกงรายงานว่า “ท่านอ๋อง พวกเขามาแล้วขอรับ”
หยางชูพูด “เจ้าออกไปบอกให้เขาเข้ามา”
“ขอรับ”
หลังจากนั้นเสียงเล็กแหลมของหลิวกงกงก็ลอยเข้ามาในหูของเขาอย่างคลุมเครือ อันอ๋องตกตะลึง
พี่รองก่อกบฏงั้นหรือ
………….
ภายในท้องพระโรงองค์ชายรองก็ตกตะลึง “หยางซาน!”
เขารู้ว่าช่วงนี้เด็กคนนี้มีความสัมพันธ์อันดีกับน้องสาม และเขาก็รู้ว่าเวลาน้องสามไปว่าราชการก็ชอบพาอีกฝ่ายไปด้วย อย่างไรก็ตามเรื่องที่ทำการยึดพระราชวังเขาจดจ่ออยู่กับการสังหารอันอ๋องจึงไม่ได้สนใจหยางชูเท่าไรนัก เลยเพิกเฉยการมีอยู่ของอีกฝ่ายไป
เมื่อเขาเห็นหยางชูนั่งอยู่ในท้องพระโรง เขาหันไปมองรอบๆ ทันทีแล้วถามว่า “น้องสามเล่าเขาไม่ได้อยากคุยกับข้าหรือ” อาจารย์หงตกตะลึงชั่วขณะหนึ่ง แต่เขาตอบสนองเร็วกว่าองค์ชายรอง
พอได้ยินประโยคนั้นเขาถึงกับกุมหน้าผาก องค์ชายรองผู้นี้ช่าง…ปกติเขาเป็นคนฉลาด เหตุใดตอนนี้ถึงตอบสนองได้ช้าเล่า นี่ยังไม่ชัดเจนอีกหรือว่าท่านอ๋องที่หลิวกงกงพูดเมื่อครู่นี้หมายถึงหยางชูไม่ใช่อันอ๋อง เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่ามีเรื่องที่เขาพลาดไป
แน่นอนว่าหยางชูยิ้ม และพูดว่า “ผู้ที่อยากคุยกับท่านอารองคือข้าเอง! ส่วนท่านอาสามอยู่ที่ไหนน่ะหรือ…” เขายิ้มให้องค์ชายรอง “ท่านลองเดาสิ!”
น้ำเสียงนี้โจมตีอีกฝ่ายอย่างจัง
องค์ชายรองได้สติ และจ้องมาที่เขาอย่างโกรธเคือง “หยางซาน! หากเจ้าไม่อยากดื่มเหล้าลงโทษก็เรียกอาสามออกมาแล้วเปิ่นหวางจะไว้ชีวิตเจ้า!”
“ผิดแล้ว” หยางชูลุกขึ้นยืน และค่อยๆ ถอดเสื้อหมางเผ่าของอันอ๋องออก
“อะไรนะ” องค์ชายรองตกตะลึง
“หลานได้กลับสู่ราชวงศ์ตามพระราชโองการแล้ว เหตุใดท่านอารองยังเรียกหยางซานอยู่เล่า ท่านจะขัดพระราชโองการหรือ อีกอย่างประโยคเมื่อครู่ต้องเป็นข้าพูดต่างหากถึงจะถูก”
เขาหยิบร่มจากใต้โต๊ะแล้วพูดช้าๆ น้ำเสียงของเขาเย็นยิ่งกว่าหิมะข้างนอกเสียอีก “หากพวกท่านยอมแพ้เสียแต่ตอนนี้เปิ่นหวางจะไว้ชีวิตพวกท่าน!”
องค์ชายรองไม่เคยเห็นเขาเป็นเช่นนี้มาก่อนพอได้สบตากับอีกฝ่ายเขาอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น ประโยคเดียวกันแท้ๆ องค์ชายรองพูดอย่างเย่อหยิ่ง พอเปลี่ยนเป็นหยางชูพูดกลับได้กลิ่นคาวเลือดที่รุนแรงจนผู้ฟังรู้สึกขนลุกชัน
ฉื่อฉวินก้าวไปข้างหน้าเพื่อปกป้ององค์ชายรอง เขาที่ได้รับการฝึกฝนในกองทัพจึงคุ้นเคยกับกลิ่นอายจากตัวหยางชูดี
นี่เป็นกลิ่นอายของสนามรบมีเพียงผู้ที่ผ่านสงครามมาอย่างโชกโชนเท่านั้นถึงสามารถทำให้คนตัวสั่นเป็นลูกนกได้ มันทำให้เขาอดคิดเรื่องที่เยวี่ยอ๋องกลับมาเมืองหลวงไม่ได้
ในตอนนั้นชื่อเสียงของเยวี่ยอ๋องได้แผ่ขยายไปทั่วหล้า ว่ากันว่าเขามีส่วนในการสนับสนุนอย่างมากในสงครามที่ซีเป่ย หากไม่มีเขาคงไม่ได้รับชัยชนะอันยิ่งใหญ่นั้น
ฉื่อฉวินไม่เห็นด้วยเขาในฐานะที่เป็นแม่ทัพก็ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในกองทัพ ความดีความชอบไม่เคยรายงานตามความเป็นจริงอยู่แล้ว ต้องมีการแจกจ่ายให้ทุกคน เกรงว่าจงซู่คงเห็นแก่หน้าเขาจึงได้จงใจยกความดีความชอบลำดับแรกให้เขาไป
หลังจากที่หยางชูกลับมาเมืองหลวงเขาก็กลับมาใช้ชีวิตเสเพลแบบเดิมอีกครั้ง นอกจากไปเที่ยวเล่นกับอันอ๋องก็มัวแต่คิดถึงสตรีที่เขาจะแต่งงานด้วย
ผู้คนชื่นชมเขาเพราะชัยชนะที่ซีเป่ยเมื่อมองข้ามเรื่องนี้ไปก็คิดว่าเขาอาศัยความดีความชอบนี้ในการกลับคืนสู่ราชวงศ์ แต่ตอนนี้ฉื่อฉวินเชื่อแล้ว หากไม่ได้เป็นคนที่จมอยู่ในทะเลเลือดคงไม่มีท่าทีเช่นนี้
จู่ๆ พวกเขาก็รู้สึกว่าตนเองประมาทอย่างใหญ่หลวง
“ปกป้ององค์ชาย!” ฉื่อฉวินโพล่งออกมา
“ขอรับ!” กลุ่มทหารรีบก้าวไปข้างหน้าทันทีตั้งท่าป้องกันแล้วหันกระบี่ไปที่หยางชู
สีหน้าของอาจารย์หงดูไม่ได้เขาอารมณ์เสียจนอยากจะพุ่งชนกำแพง
ไม่ใช่ ‘จับเขาไว้’ แต่เป็น ‘ปกป้ององค์ชาย’ นั่นทำให้ความมั่นใจหายไปในทันที คนกลุ่มนี้ไม่สามารถทำเรื่องราวให้สำเร็จลุล่วงได้ยังจะกลับทำให้บกพร่องเสียการ ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังพยายามเรียกกำลังใจ และพยายามไกล่เกลี่ย
“เยวี่ยอ๋อง มือดีไม่สู้สองหมัด สองหมัดยากจะสู้สี่มือ[1] ด้านนอกมีคนของพวกเราอยู่ ไม่ว่าท่านจะกล้าหาญแค่ไหน แต่ก็เป็นแค่มดแดงคิดเขย่าต้นไม้ใหญ่[2] พูดถึงเรื่องนี้ท่านเป็นสายเลือดของซือฮว๋ายไท่จื่อ มีความสัมพันธ์กับอันอ๋องก็เหมือนมีความสัมพันธ์กับองค์ชายของพวกเราเช่นกัน อันอ๋องขึ้นครองบัลลังก์สิ่งที่ท่านได้รับ องค์ชายของพวกเราก็สามารถให้ได้เช่นกัน เหตุใดต้องเสี่ยงเพียงนั้นเพื่อเขาด้วย”
หยางชูหัวเราะเสียงดัง “มือดีไม่สู้สองหมัด สองหมัดยากจะสู้สี่มืองั้นหรือ เพียงแต่คนอ่อนแอเช่นข้าพอใจเช่นนี้ พวกท่านไม่เข้ามาไม่เป็นไร แต่เมื่อเข้ามาแล้วข้าก็คนนำ”
อาจารย์หงตกใจ “ต่อให้หนึ่งต่อสิบท่านสู้ไหว แต่หนึ่งต่อร้อยต่อพันท่านจะไหวหรือ แค่เพียงพวกเราตะโกนออกไป คนด้านนอก…”
หยางชูพูดขัดจังหวะเขาอย่างดูถูก “ท่านก็ลองตะโกนดูสิ! หากพวกท่านเปิดประตูนี้ได้ วันนี้เปิ่นหวางยอมรับความพ่ายแพ้!”
ฉื่อฉวินมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเขามองไปที่ฉื่อฉวิน
ฉื่อฉวินขยิบตา ทหารสองนายก็ก้าวไปข้างหน้า และพยายามเปิดประตูท้องพระโรง
แต่ว่า…. “ท่านแม่ทัพ เปิดไม่ออกขอรับ!”
ฉื่อฉวินไม่อยากเชื่อดังนั้นเขาจึงไปลองด้วยตัวเอง แต่ก็ไม่สามารถเปิดออกได้เช่นกัน
หยางชูยิ้ม “พวกท่านไม่คิดหรือว่า ที่นี่เป็นที่ที่ฝ่าบาททรงว่าราชการแผ่นดิน ก็ไม่ต่างอะไรจากแหล่งที่เต็มไปด้วยอันตรายจะบุกรุกเข้ามาง่ายๆ ได้อย่างไร เอาล่ะ พวกท่านถูกล้อมเอาไว้แล้วรีบยอมแพ้ซะเถอะ!”
………………
[1] มือดีไม่สู้สองหมัด สองหมัดยากจะสู้สี่มือ : อย่าเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง
[2] มดแดงคิดเขย่าต้นไม้ใหญ่ : คนที่มีคสามสามารถน้อยนิด แต่คิดทำการใหญ่ ไปต่อกรกับสิ่งที่เหนือกว่าตนมากมาย