คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 581 กำลังเสริม
อันอ๋องที่อยู่อีกฝั่งของกำแพงน้ำตาแทบไหล ฮือๆ เขาไม่รู้ผิดชอบชั่วดี เขาเข้าใจเด็กคนนั้นผิดไป นี่ไม่ใช่การจงใจกลั่นแกล้งเขา แต่เป็นการซ่อนเขาไว้ในที่ที่ปลอดภัย และตนเอ องออกไปรับความเสี่ยงแทน
หากสามารถผ่านทุกอย่างไปได้อย่างปลอดภัย เขาจะยกย่องให้เกียรติหลานชายคนโตอย่างแน่นอน! ด้านนอกรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวภายในท้องพระโรงแล้ว
แม่ทัพหนุ่มที่องค์ชายรองพามาตัดสินใจเด็ดขาดเขาตะโกนขึ้นว่า “เกิดเรื่องด้านใน รีบไปสนับสนุนองค์ชาย!”
เหล่าราชองค์รักษ์จะปล่อยให้ผ่านไปได้ง่ายๆ ได้อย่างไร หัวหน้าราชองค์รักษ์โบกมือออกคำสั่ง “หยุดพวกเขาซะ!”
ภายในท้องพระโรงสีหน้าขององค์ชายรองซีดเผือด “หยางซาน อย่าชะล่าใจไป! พวกเขาต้องรีบบุกเข้ามาแน่ ทั้งพระราชวังอยู่ในมือของข้าแล้วถึงจะไม่สามารถเปิดได้สักพัก แต่จะปิดได้นานเ เพียงใดกัน”
หยางชูยิ้มอย่างดูถูก “ท่านมั่นใจเสียจริง! แน่ใจหรือว่าวังอยู่ในมือของท่าน”
“หมายความว่าอย่างไร”
หยางชูพูด “กองทัพซิ่งโจวกำลังรีบมุ่งหน้ามาที่เมืองหลวง ท่านไม่ทราบหรือ ค่ายจูเชว่ตอนนี้ก็น่าจะมาถึงพระราชวังแล้วท่านเองก็ไม่ทราบหรือ อีกอย่าง ใต้เท้าเจี่ยงได้จัดการให้ตระก กูลมีอำนาจต่างๆ ป้องกันตนเอง พวกท่านก็ไม่ทราบหรือ”
ทุกประโยคที่เขาพูดออกมาองค์ชายรองเกิดความกลัวขึ้นในใจ และอดไม่ได้ที่จะหันไปหาอาจารย์หง
อาจารย์หงเองก็ตกใจเช่นกันเขาไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน!
ก็ต้องไม่ได้ยินแน่นอนเพื่อป้องกันไม่ให้ข่าวรั่วไหล พวกเขาจึงต้องทำเรื่องเหล่านี้ทั้งหมดภายในวันนี้ ถึงสายของอาจารย์หงจะพบความผิดปกติก็ไปแจ้งให้ทราบไม่ทัน เพราะพวกเขาได้เข้าไป ปในวังแล้ว!
องค์ชายรองไม่เชื่อ และโต้เถียงอย่างหนักแน่น “เจ้าพูดอะไรน่ะ”
“ไม่เชื่อพวกท่านก็รอดูสิ!” หยางชูปักร่มกับพื้นทำท่าราวกับว่ากำลังรอ
ตอนแรกองค์ชายรองก็คิดว่าจะรอ เขาไม่เชื่อว่าแผนการของเขาจะถูกคนอื่นมองออกจนทะลุปรุโปร่ง
ในขณะที่กำลังพูดก็รู้สึกได้ว่ามันไม่ถูกต้อง
“หยางซาน! เหตุใดพวกข้าต้องรอด้วยเจ้าคิดจะถ่วงเวลาหรือ”
หยางชูทำสีหน้าเสียดาย “ไอหยา ท่านอารองมองออกเสียแล้ว! ข้าอุตส่าห์คิดว่าไม่จำเป็นต้องลงมืออากาศหนาวเช่นนี้ไม่เหมาะที่จะต่อสู้เลย”
อาจารย์หงสงบสติอารมณ์ และขยิบตาให้องค์ชายรอง
องค์ชายรองเข้าใจในทันที เอื้อมมือออกไป และตะโกนว่า “จับเขาซะ!”
เหล่าทหารตอบรับเสียงดัง “ขอรับ!” แล้วพุ่งเข้าไปล้อมเขาไว้
หยางชูส่ายหัว และชักกระบี่ออกมา “ช่างน่าเป็นห่วงจริงๆ!”
เสียงกระบี่กระทบแล้วเขาก็หายไปอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาสั้นๆ
กัวสวี่ที่อยู่ด้านหลังค่อยๆ ถอยหลังอย่างระมัดระวังทีละก้าวเมื่อเขาไปถึงม่านก็รีบหันกลับมา และซ่อนตัวอยู่ที่มุมห้อง
…………
ที่ประตูวังทหารค่ายเสวียนอู่สูดอากาศเย็น และพูดด้วยเสียงต่ำ “อากาศเลวร้ายจริงๆ!”
ค่ำคืนนั้นมืดมิด แต่หิมะกลับตกยิ่งกว่าเดิม หิมะตกไม่ขาดสาย และเท่าที่ตามองเห็นนอกจากสีดำก็มีสีขาว เขามองเข้าไปในเขตพระราชวังอย่างกังวลใจ
พวกทหารที่เชื่อฟังคำสั่งไม่รู้เรื่องราวภายใน แต่ทหารระดับเช่นเขารู้ความจริงบางส่วนอยู่แล้ว สิ่งที่พวกเขาทำนั้นเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย หากเจ้านายทำสำเร็จ พวกระดับล่างก็พลอยได้ ดีไปด้วย อนาคตจะเจริญรุ่งเรือง และร่ำรวยมหาศาล แต่หากพ่ายแพ้ล่ะก็…
“พี่ใหญ่ นั่นอะไรน่ะ” จู่ๆ ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาก็ถามขึ้น ทหารผู้นี้มองไปในทิศทางที่อีกฝ่ายชี้ไป และสิ่งที่เขาเห็นคือหิมะ…
“จะไปมีอะไรได้อย่างไรแล้วเจ้าตะโกนทำไมกัน ข้าตกใจหมด!”
คนของเขาแก้ตัว “มีจริงๆ! เมื่อครู่ข้าเห็นจริงๆ!”
“เหตุใดข้าไม่…” ยังไม่ทันพูดจบมีบางอย่างแวบอยู่ที่หางตาของเขา ทหารผู้นั้นอ้าปากค้าง “อ้า!”
เขามองอีกครั้ง แต่ก็ไม่มีอะไร
“เกิดอะไรขึ้น” เขาขนลุกไปทั้งตัว “ผีหรือ” พอโพล่งคำว่าผีออกมา เหล่าทหารที่เกือบจะแข็งตายอดสั่นสะท้านไม่ได้
ไม่จริงใช่หรือไม่ ไม่ต้องพูดถึงความน่าเกรงขามของเขตพระราชฐาน คงไม่มีเรื่องเช่นนี้จริงๆ หรอกใช่หรือไม่ แต่พอคิดเช่นนั้นพวกเขารู้สึกเหมือนเห็นอะไรบางอย่าง ทุกคนก็ตะโกนออกมาว่ า “มีบางอย่างจริงๆ!”
มือของทหารกดกระบี่ข้างเอวในขณะที่เขากำลังจะชักมันออกมา จู่ๆ ลำคอของเขาก็รู้สึกเย็น เส้นประสาทแข็งตัวจนไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวด และลมหายใจก็หยุดลง
ดวงตาของเขาเบิกกว้างในตอนที่เผชิญหน้ากับความตายเขาก็อยากจะรู้ว่ามันคืออะไร ซึ่งความหวังของเขาก็เป็นจริง ร่างของบุรุษชุดขาวสะท้อนเข้ามาในรูม่านตาของเขา สีหน้าของเขาดู เฉยเมยมีกู่ฉินสะพายอยู่ที่หลัง ในมือถือกระบี่อ่อน หลังจากที่ฆ่าเขาแล้วก็เหลือบมองไปยังคนอื่น
ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะนึกได้ว่าต้องตะโกนเรียก “ทหา…”
ยังไม่ทันได้พูดคำนั้นออกมาก็เกิดบาดแผลที่ลำคอของเขาด้วย สายตาของเขาก้มลงมองอย่างยากลำบาก
ความมั่งคั่ง…หลังทำสำเร็จ…
ในที่สุดคนอื่นๆ ก็รู้ตัว ขณะที่กำลังตั้งท่าป้องกันคนผู้นั้นก็พุ่งเข้ามาเสียแล้ว
ชุดสีขาวพลิ้วไหว และผสานเข้ากับเกล็ดหิมะ เมื่อพุ่งผ่านคนไปก็มีเลือดกระเซ็น มีเสียงร้องดังขึ้นในบางครั้ง
ในช่วงเวลาสั้นๆ ทหารด่านนี้ถูกฆ่าตายหมด หลังจากเช็ดกระบี่จนสะอาดแล้ว เขาก็กระโดดขึ้นไปบนหอสังเกตการณ์ และมองไปที่พระราชวัง
ผ่านไปครู่หนึ่งเกล็ดหิมะบนท้องฟ้าก็ดูเหมือนจะถูกปิดกั้น ตัวพระราชวังทั้งหมดก็ดูเหมือนจะมีปราการที่มองไม่เห็นขวางกั้นมากขึ้น
เขาถอนหายใจ รอครู่หนึ่งก็มีร่างหนึ่งปรากฏขึ้นในสายตาของเขา
ชุดนักพรตสีน้ำเงินไม่ต่างจากสีดำในตอนกลางคืน หลังจากกระโดดไม่กี่ครั้งเขาคนนั้นก็มาอยู่ตรงหน้าเขา
“สำเร็จหรือไม่” เขาถาม
เสวียนเฟยพยักหน้า “ค่ายกลใหญ่เสร็จสมบูรณ์แล้ว ประสาทสัมผัสทั้งห้าของพวกเขาจะมองเห็นภาพลวงตาชั่วคราว แต่นี่เป็นแค่ตั้งค่ายกลชั่วคราวเท่านั้น ค่ายกลนี้ค่อนข้างง่ายสามารถอยู่ ได้ไม่เกินครึ่งชั่วยามเท่านั้น”
“แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว” หนิงซิวตอบแล้วหันไปมองนอกประตูวัง
ท่ามกลางหิมะขาวโพลนมีจุดสีดำเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้หลังจากนั้นไม่นาน กองทัพติดอาวุธก็ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา มีคนเดินออกมาจากขบวนกองทัพ เขาถอดหมวกแล้วตะโกนเรียกพวกเขา “สำเร็จหรือ อไม่”
เป็นฟู่จิน หนิงซิวกระโดดลงจากหอสังเกตการณ์
ไม่นานประตูวังก็เปิดออกฟู่จินดีใจมากแล้วหันไปทางพวกหนีจุ้น
พวกเขาโบกมือ “เข้าวัง!”
ค่ายจูเชว่เข้าไปในพระราชวังผู้ตรวจการทั้งสามคุ้นเคยกับการทำงานร่วมกันมาช้านาน พวกเขามอบหมายงานอย่างรวดเร็ว มีเหล่าอวี๋ และเสี่ยวช่ายนำทหารไปยังจุดสำคัญต่างๆ
หนีจุ้นนำกลุ่มทหารที่เหลือ และขอคำแนะนำจากฟู่จิน “อาจารย์ฟู่ พวกเราไปที่ท้องพระโรงหรือ”
ฟู่จินพยักหน้า “ไป!”
ตั๊กแตนไล่จับจักจั่นโดยไม่รู้เลยว่านกขมิ้นอยู่ด้านหลัง ราชองค์รักษ์ที่ทำหน้าที่ปกป้องท้องพระโรงกำลังเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เมื่อเห็นว่าคนฝั่งตนลดน้อยลงเรื่อยๆ ก็รู้สึกกังวลอ อย่างมาก
ทันใดนั้นเสียงกีบม้าก็ดังขึ้นข้างหลังพวกเขา จากนั้นก็มีเสียงโห่ร้องฆ่าฟัน และจำนวนศัตรูที่อยู่รอบตัวพวกเขาอย่างหนาแน่นก็ค่อยๆ ลดลง
“กำลังเสริม!” หัวหน้าราชองค์รักษ์ตะโกนว่า “พี่น้องทั้งหลาย! กำลังเสริมมาแล้ว ลุยเลย!”
เสียงนี้ดังไปถึงในท้องพระโรงสีหน้าขององค์ชายรองเปลี่ยนไปอย่างมาก
“อาจารย์” เขารีบถามอาจารย์หงเพื่อขอความช่วยเหลือ
อาจารย์หงกัดฟันพูดว่า “จับเขาให้ได้ก่อนค่อยว่ากัน!”
องค์ชายรองพยักหน้าอย่างรวดเร็ว และตะโกนว่า “เร็วเข้า จับเขาซะ!”
ไม่ว่าการจับตัวหยางชูจะเป็นประโยชน์หรือไม่อย่างน้อยก็มีตัวประกันอยู่ในมือ!
แต่ชั่วพริบตาทหารทั้งหมดก็ล้มตัวลง