คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 582 สลายวงล้อม
หยางชูยืนอยู่หน้าโต๊ะทรงอักษร และถามพวกเขาว่า “ยังอยากสู้ต่ออีกหรือไม่”
องค์ชายรองตกตะลึง เขาต่อสู้ได้ถึงขนาดนี้ได้อย่างไร หยางซานที่ต่างบอกว่าเป็นคุณชายเสเพลเนี่ยนะ เขารู้ว่าเด็กคนนี้เป็นวรยุทธ์ แต่ด้วยท่าทางเจ้าสำอางของเขา เป็นไปได้อย่ างไรที่จะอุตสาหะในการฝึกฝนวรยุทธ์ที่หนักหน่วงเพียงนั้น เขาน่าจะยกได้แค่น้ำครึ่งถัง!
ความสำเร็จจากสงครามที่ซีเป่ยอะไรนั่นต้องเป็นฝีมือผู้อื่นแน่นอน แต่ความเป็นจริงในตอนนี้ได้ยืนยันว่าสิ่งที่เขาคิดนั้นผิด
องค์ชายรองหันไปหาอาจารย์หงอีกครั้ง อาจารย์หงยังคงสงบนิ่ง และพูดว่า
“องค์ชายอย่ากังวลไปเขาไม่กล้าทำอะไรท่านหรอก ตราบใดที่คนของเราที่อยู่ด้านนอกชนะก็…”
ยังไม่ทันพูดจบก็มีเงาแวบเข้ามาอย่างรวดเร็ว เมื่อรู้สึกตัวก็มีกระบี่พาดอยู่บนคออาจารย์หงแล้ว
เสียงอึมครึมของหยางชูดังขึ้นข้างหู “ข้าไม่กล้าแตะต้องเขา แต่กล้าแตะต้องเจ้า! เจ้าเป็นกุนซือของคนโง่ผู้นี้หรือ ข้าก็ว่ามันแปลกด้วยความสามารถเพียงเล็กน้อยของเขาจะสามารถคิ ดใช้ประโยชน์จากการที่ฝ่าบาทเสด็จประพาสนอกวังวิ่งเข้ามายึดวังหลวงได้อย่างไรเป็นเจ้าที่กระตุ้นเขานี่เอง”
กระบี่อันเย็นเยียบทำเอาอาจารย์หงรู้สึกหนาวเขาไม่คิดว่าการเคลื่อนไหวของหยางชูจะเร็วเพียงนี้ เห็นได้ชัดว่าข้างหน้ายังมีทหารอีกสองสามนาย แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งเขาไว้ได้
เขาชะงักครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ท่านฆ่าข้าแล้วอย่างไรชีวิตของข้าต้อยต่ำ ตายก็ตายไป”
“อ้อ เจ้าดูไม่ยี่หระต่อความตายใดๆ ทั้งสิ้น!” หยางชูกล่าวด้วยความชื่นชม และถามองค์ชายรองว่า “คนของท่านอยู่ในมือของข้าแล้วจะยอมแพ้ได้หรือยัง”
องค์ชายรองได้ยินเสียงฆ่าฟันจากด้านนอก ทหารที่อยู่ตรงหน้าก็หยุดอีกฝ่ายไว้ไม่ได้เขากัดฟันพูดว่า “อาจารย์ เปิ่นหวางจะดูแลครอบครัวของท่านเป็นอย่างดี”
พอได้ยินคำพูดนี้อาจารย์หงก็รู้สึกหนาวเหน็บในหัวใจ เขารู้อยู่แล้วว่าองค์ชายรองเป็นคนเปราะบาง เมื่อเห็นว่าชีวิตตนตกอยู่ในอันตรายเขาจะมายอมแพ้เพื่อตนได้อย่างไร แต่ในทางกลั บกันเขาดูใจเย็นมาก
ทันทีที่เขาก้าวเข้าสู่หยุนจิงเขาคิดไว้แล้วว่าวันนี้จะมาถึงหากสามารถ…เป็นไปไม่ได้ที่จะชดใช้ด้วยชีวิต ดังนั้นเขาจึงทำเป็นปลอบใจ “เพื่อองค์ชาย กระหม่อมตายโดยไม่เสียใจ”
อาจารย์หงเต็มใจทำตามคำพูดของเขาซึ่งทำให้องค์ชายรองถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ในขณะที่กำลังคิดคำพูดสวยหรูก็ได้ยินหยางชูพูดว่า “เหอะๆ ความผูกพันธ์นี้ช่างน่าประทับใจเสียจริง! อาจารย์ผู้นี้…ข้าเห็นว่าเจ้าฉลาดมากสามารถจัดการก่อกบฏได้เป็นอย่างดีขนาดนี้ อดไม่ได้ที่จะทำให้ข้าสับสน ไม่ทราบว่าช่วยแก้ไขความสับสนของข้าได้หรือไม่”
กระบี่ที่คอส่องประกายอาจารย์หงไม่กล้าขยับ แต่ปากก็พูดออกไปว่า “เยวี่ยอ๋อง หากท่านต้องการฆ่าข้าก็รีบจัดการเถิด ข้าตกอยู่ในมือของท่านแล้วไม่มีอะไรจะพูด”
หยางชูแค่นหัวเราะ “ข้าอยากถามอะไรยังไม่ทันพูดเลย เจ้ารู้แต่ไม่อยากตอบมากกว่า” เขาหยุดไปครู่หนึ่งแล้วถามเสียงต่ำว่า “เจ้าเป็นใครมาจากไหนกันแน่!”
…………
ด้วยความช่วยเหลือของเสวียนเฟย ทหารจากค่ายจูเชว่สามารถยึด แต่ละด่านคืนมาได้อย่างรวดเร็ว หนีจุ้นรีบไปที่ท้องพระโรงได้ทันเวลา และได้บุกขนาบโจมตีร่วมกับเหล่าราชองครักษ์ทำให้ สถานการณ์กลับมามั่นคงอย่างรวดเร็ว
จนกระทั่งกลางดึกการต่อสู้สิ้นสุดลงชั่วคราว
หัวหน้าราชองครักษ์ทหารซึ่งเต็มไปด้วยเลือดเข้ามาขอบคุณเขา “โชคดีที่ท่านมาทันเวลาไม่ทราบว่าพวกท่านมาจากกองไหนหรือ”
หนีจุ้นตอบ “ข้ามาจากค่ายจูเชว่ขอรับ”
หัวหน้าราชองครักษ์ทหารพยักหน้า “ข้าจะจำไว้” ยศทหารของเขาสูงกว่าหนีจุ้น และเป็นขุนนางใกล้ชิดของฮ่องเต้อีกฝ่ายพูดเช่นนี้หมายความว่าจะมอบความดีความชอบให้เขา
หนีจุ้นดีใจมาก ที่แท้พี่ตี๋ฝานไม่ได้หลอกเขา!
“แล้วทางประตูวัง…”
หนีจุ้นรีบตอบว่า “ใต้เท้าโปรดรอสักครู่ สหายของข้ากำลังไปจัดการจะต้องได้รับข่าวดีในไม่ช้าแน่นอน”
ทันทีที่พูดจบ เหล่าอวี๋ และเสี่ยวช่ายก็รีบวิ่งมาทางนี้
“ท่านราชครูน่าทึ่งมาก ในตอนที่พวกเราบุกเข้าไปพวกเขาไม่รู้ตัวเลย”
ทั้งสองคนยิ้มแย้มแจ่มใสรู้สึกว่าการต่อสู้เป็นไปอย่างสนุกสนาน
สีหน้าของหัวหน้าราชองครักษ์ทหารดูไม่น่ามองเล็กน้อย เขตพระราชวังถูกยึดกลับคืนมาได้แล้วเช่นนั้นปัญหาที่เหลือก็คือ…
เขาหันไปมองท้องพระโรงที่ถูกปิดอยู่ หากไม่ใช่เพราะว่าท่านอ๋องหลอกให้หัวหน้าราชองครักษ์กบฏเข้าไปขังไว้การต่อสู้ครั้งนี้คงไม่จบลงง่ายๆ
ตอนนี้ได้แต่หวังว่าท่านอ๋องจะยังมีชีวิตอยู่ดีไม่อย่างนั้นหากฝ่าบาทเสด็จกลับมาเขาคงไม่รู้จะอธิบายอย่างไร!
“ทหาร เปิดประตูท้องพระโรง!”
ทันทีที่ออกคำสั่งก็มีการเคลื่อนไหวจากประตูท้องพระโรง หัวหน้าราชองครักษ์ทหารยกมือขึ้นสั่งหยุดชั่วคราว
หนีจุ้น และคนอื่นๆ หยุด และมองอย่างประหม่า พระราชวังถูกยึดกลับคืนมาแล้ว แต่หากเกิดอะไรขึ้นกับอันอ๋อง พวกเขาจะมีหน้าไปขอความดีความชอบได้อย่างไร
การปราบกบฏจะสำเร็จหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับว่าอันอ๋องยังมีชีวิตอยู่หรือไม่
ท่ามกลางสายตาประหม่าของทุกคน ท้องพระโรงเปิดกว้างหลิวกงกงก้าวออกมา
“กบฏยอมจำนน ท่านอ๋องมีคำสั่งให้แม่ทัพทุกท่านเข้าไปในท้องพระโรง!”
ทุกคนถอนหายใจโล่งอก แต่ก็มีรอยยิ้มที่ผ่อนคลาย
สำเร็จแล้วสำเร็จอย่างดงามด้วย! หัวหน้าราชองครักษ์ทหารนำทุกคนเข้าไปข้างใน และได้เห็นความโกลาหล
องครักษ์ขององค์ชายรองบาดเจ็บล้มนอนกับพื้นหมดทุกคน ฉื่อฉวินบาดเจ็บหนักสุด สีหน้าขององค์ชายรองไร้สีเลือดเขาถูกจับมัดอยู่กับอาจารย์หง
อันอ๋องนั่งอยู่ข้างโต๊ะทรงอักษรโดยมีหยางชูยืนอยู่อีกด้านหนึ่งส่วนกัวสวี่ยืนอีกด้านหนึ่ง เหล่าราชองครักษ์รีบเข้าควบคุมสถานการณ์อย่างรวดเร็ว หัวหน้าราชองครักษ์ทหารคุกเข่าค คำนับ “กระหม่อมไร้ความสามารถทำให้ท่านอ๋องตกใจกลัวแล้ว”
อันอ๋องกระสับกระส่ายเล็กน้อย และใบหน้าของเขาดูไม่ค่อยดีนัก แต่เสียงของเขายังคงสงบ เขายกมือขึ้น และพูดว่า “หากไม่มีท่านที่ยืนหยัดต่อสู้ เปิ่นหวางคงไม่ปลอดภัยจนถึงตอนนี้ ไม่ต้องรู้สึกผิดหรอกลุกขึ้นเถอะ!”
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อหัวหน้าราชองครักษ์ทหารถามว่าจะจัดการกับพวกกบฏอย่างไร อันอ๋องโบกมือแล้วพูดว่า “พวกเจ้านำพวกเขาไปขังก่อนรอให้เสด็จพ่อกลับมาจัดการ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
แต่ก็ได้ยินเสียงเยาะเย้ยขององค์ชายรอง “เสด็จพ่อกลับมางั้นหรือ เจ้าคิดว่าเสด็จพ่อจะเสด็จกลับมาได้งั้นหรือ”
อันอ๋องเลิกคิ้ว “พี่รอง ท่านพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร”
เมื่อเห็นว่าตนเองสูญเสียอำนาจแล้วองค์ชายรองก็รู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นจึงพูดออกไปโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
“เสด็จพ่อไม่กลับมาแล้ว ทิวทัศน์ที่เขาซิ่วชานดีมาก มันคงจะดีหากได้ตายที่นั่น” เขามองอันอ๋องด้วยสายตาอิจฉา “น้องสาม เจ้าดีใจหรือไม่ เสด็จพ่อไม่กลับมาแล้ว พี่ใหญ่ถูกปลด ข้ าถูกจับกุมอีกไม่นานเจ้าก็จะได้นั่งบัลลังก์นี้! เจ้าต้องขอบคุณข้านะ หากเสด็จพ่อยังมีชีวิตอยู่คงยากที่จะแน่ใจว่าจะได้นั่งตำแหน่งนั้นหรือไม่ ถือว่าพี่รองช่วยเจ้าแล้วกัน!”
สีหน้าของหัวหน้าราชองครักษ์ทหารเปลี่ยนไปเขาตะโกนขึ้นว่า “พวกท่านส่งคนไปสังหารฝ่าบาทหรือ”
องค์ชายรองอธิบายอย่างดูถูกเขารู้สึกยินดีสามส่วน แต่อีกเจ็ดส่วนก็รู้สึกเสียใจที่ไม่ได้ทำ
เหตุใดเขาถึงขาดคนนะเหลืออีกแค่นิดเดียวก็จะประสบความสำเร็จแล้ว กลายเป็นตัวเองทำแทนน้องสามช่างลำบากเสียเปล่าจริงๆ คนโง่เช่นนี้ได้กลายเป็นใหญ่ในแคว้นต้าฉี เขาไม่ยินดีจริงๆ!
หัวหน้าราชองครักษ์ทหารรีบหันไปหาอันอ๋อง “ท่านอ๋อง!”
อันอ๋องเองก็ตกใจมากเขาเพิ่งถูกหยางชูดึงออกมาจากทางลับ สมองยังรู้สึกสับสนอยู่จะไปคิดมากมายเช่นนั้นได้อย่างไร
“ท่านแม่ทัพไม่ต้องกังวลไป” หยางชูพูดขึ้นในเวลาอันสมควรพอดี “ท่านอาสามได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้จึงได้มีการเตรียมตัวฝ่าบาทจะต้องปลอดภัย”
เขาชำเลืองมองไปยังองค์ชายรอง “ท่านอารองวางใจได้ ฝ่าบาทเป็นคนโชคดีจะไม่ตายต่อหน้าท่านอย่างแน่นอน”
สีหน้าขององค์ชายรองเปลี่ยนไปเล็กน้อยเขากำลังจะพูด แต่ก็มีรายงานจากด้านนอกเสียก่อน “ท่านอ๋อง! กองทัพซิ่งโจวมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ ใต้เท้าเจี่ยง และแม่ทัพเว่ยต้องการเข้าเฝ้า!”
……………