คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 583 จัดการปัญหาภายหลัง
เรื่องที่เหลือเป็นเรื่องหยุมหยิม อันอ๋องมอบหน้าที่ติดตามสืบสวนให้แก่เจี่ยงเหวินเฟิงตามคำแนะนำของหยางชู เรื่องจับกุมก็มอบให้หัวหน้าราชองครักษ์รับผิดชอบ จากนั้นก็สั่งให้ค่ายจ จูเชว่ป้องกันพระราชวังเป็นการชั่วคราว และให้กัวสวี่อยู่ภายใต้การคุ้มกันของกองทัพซิ่งโจว และจัดการกับกองทหารรักษาพระองค์…
ออกคำสั่งทีละเรื่อง การจัดการแก้ปัญหาเป็นไปอย่างเป็นระเบียบ
จนกระทั่งฟ้าสางทุกคนก็แยกย้ายกันไปอันอ๋องนั่งตัวแข็งอยู่บนเก้าอี้ และปาดเหงื่อจากหน้าผาก “สวรรค์! ข้ากลัวแทบตาย!”
ในท้องพระโรงเหลือเพียงสามคน
เขา หยางชูแล้วก็หลิวกงกง
หยางชูเหลือบมองเขา และพูดอย่างเกียจคร้านว่า “ดูความคืบหน้าของท่านสิ! คนก็จับกุมได้แล้วยังมีอะไรให้กลัวอีก”
อันอ๋องคว้ามือของเขา และกล่าวอย่างซาบซึ้ง “หลานชาย ครั้งนี้ต้องขอบใจเจ้าไม่อย่างนั้นข้าตายแน่!”
หยางชูรู้สึกขยะแขยงเขาชักมือตนเองกลับ “จะพูดก็พูดมา อย่ามาดึงมือ บุรุษสองคนจับมือกันมันน่าสะอิดสะเอียน!”
“ได้ๆๆ อย่างไรก็ต้องขอบใจเจ้า!”
เมื่อครู่เขาฟังอยู่ในทางลับเป็นเวลานาน หลังจากที่หยางชูจัดการจับกุมคนได้แล้ว เขาก็เปิดทางลับ และดึงเขาออกมา จากนั้นก็พูดว่า “อีกสักครู่ประตูท้องพระโรงจะเปิด ท่านอย่าพูดอ อะไรมากแค่บอกว่าเรื่องพวกนี้ท่านเป็นคนจัดการ”
อันอ๋องตกใจแล้วถามเขา “เห็นได้ชัดว่าเป็นฝีมือของเจ้า เหตุใดต้องผลักมาให้ข้าด้วย”
หยางชูพูด “ฝ่าบาทเสด็จไปพระราชวังนอกเมืองหลวง ท่านที่เป็นองค์ชายผู้รั้งตำแหน่งสำเร็จราชการแทนไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้วให้ข้าที่เป็นอ๋องว่างงานปราบกบฏแทน ท่านคิดว่ าคนอื่นจะคิดอย่างไรฝ่าบาทจะคิดอย่างไร”
“แต่ว่า…”
หยางชูถอนหายใจ และพูดกับเขาอย่างจริงจังว่า “ท่านอาสาม เป็นเพราะมิตรภาพของพวกเราข้าถึงพูดต่อหน้าท่านอย่างตรงไปตรงมาท่านต้องรู้ว่าตอนนี้ชีวิตของหลานชายอยู่ในมือของท่าน!”
อันอ๋องสับสน “เจ้าหมายความว่าอะไร การปราบกบฏเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่! เสด็จพ่อต้องให้รางวัลอย่างยิ่งใหญ่”
จนถึงตอนนี้หยางชูต้องเอ่ยเตือนเขา “ท่านอาสาม หากไม่เกิดอุบัติเหตุอะไร ท่านจะกลายเป็นรัชทายาทคนใหม่ เป็นว่าที่ฮ่องเต้แห่งต้าฉีในอนาคต ท่านลองเอาตนเองไปอยู่ในตำแหน่งนั้นดู ตัวตนของข้าเป็นสิ่งต้องห้ามหรือไม่”
อันอ๋องเงียบแล้วพยักหน้า
เขาเป็นคนไม่ชอบคิดเยอะ แต่ก็ไม่ใช่คนโง่จึงเข้าใจดีว่าตัวตนของหยางชูมันน่าอึดอัดแค่ไหน “ฝ่าบาทปฏิบัติต่อข้าเป็นอย่างดี แต่ท่านคิดหรือว่าเขาจะเชื่อใจข้าอย่างเต็มเปี่ยม”
ช่วงนี้อันอ๋องได้รับการปลูกฝังเส้นทางการเป็นฮ่องเต้ไปไม่น้อย เขาเรียนประวัติศาสตร์มามากมายจึงมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ “เจ้าคิดว่าเสด็จพ่อระแวงเจ้าหรือ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นเพียงแต่อย่างที่ท่านรู้ ปู่ของข้าคือซือฮว๋ายไท่จื่อ ท่านคือคนที่ควรนั่งอยู่บนบัลลังก์ ถึงแม้ว่าตำแหน่งฮ่องเต้จะถูกส่งต่อไปอยู่ในมือสายตระกูลของพวกท่านแล้ว ว แต่เขาค่อนข้าง…ท่านเข้าใจหรือไม่”
อันอ๋องพูดว่า “อย่างเช่นราชวงศ์ซ่งกับไท่จู่หรือ”
หยางชูพยักหน้า “แม้ว่าสถานการณ์จะต่างกัน แต่ก็เป็นเช่นนั้น”
อารมณ์ของอันอ๋องค่อนข้างซับซ้อนเขาพูดกับอีกฝ่ายว่า “เจ้ากล้าพูดเรื่องนี้ ไม่กลัวข้าไปบอกเสด็จพ่อหรือ”
หยางชูยิ้ม “เพราะข้ารู้ว่าท่านอาสามไม่มีทางทำเช่นนั้น! แม้ท่านจะดูเหลวไหลไปหน่อย แต่ลึกๆ แล้วท่านเป็นคนที่ดีมาก ในสมัยเด็กข้าอาจกลั่นแกล้งท่าน หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นต้องแ แก้แค้นคืนแน่นอนใช่ไหมล่ะ แต่ท่านไม่ทำเพราะท่านเป็นคนใจกว้าง ท่านอาสามปฏิบัติต่อข้าเช่นนี้ แน่นอนว่าข้าต้องปฏิบัติต่อท่านด้วยความจริงใจ ไม่อย่างนั้นจะคู่ควรกับความรักความเ เมตตาของท่านอาสามได้อย่างไร”
อันอ๋องถูกเขาพูดชื่นชมจนตัวลอย “เจ้าเป็นเด็กมีมโนธรรม รู้จักผิดชอบชั่วดีจริงๆ!”
หยางชูพูดต่อว่า “เพราะอย่างนั้นข้าไม่ควรทำตัวโดดเด่นเกินไป หากความสำเร็จอันยิ่งใหญ่นี้ตกมาอยู่ที่ข้าต้องเป็นหายนะแน่ไม่ใช่เรื่องที่ดี”
อันอ๋องเข้าใจแล้ว “เจ้าว่าเช่นนั้นข้าพอจะเข้าใจแล้ว ตามเหตุผลแล้วเจ้ามีความดีความชอบอย่างใหญ่หลวงจากเหตุการณ์ที่ซีเป่ยกลับมาได้รับแต่งตั้งให้เป็นอ๋องก็ควรได้ตำแหน่งทางการทหา ารด้วยเพื่อไม่ให้เสียเปล่า แต่เสด็จพ่อ…”
หยางชูยิ้ม “เรื่องนั้นไม่มีอะไรไม่ดี ข้าเองก็ไม่อยากไปเป่าทรายที่ชายแดน ตอนนี้ยังไม่ทันได้แต่งภรรยาข้าก็ไม่อยากสร้างปัญหาใหญ่ให้ตนเอง”
“ดังนั้นเจ้าเลยยกความดีความชอบให้แก่ข้าหรือ”
“ไม่อย่างนั้นข้าจะอธิบายการกระทำของข้าอย่างไร ท่านอาสามลองคิดดู ข้าในฐานะองค์ชายที่ไม่มีหน้าที่ใดๆ ซึ่งไม่รู้เรื่องนี้ด้วยซ้ำ แต่กลับได้เตรียมการล่วงหน้าไว้แล้วในสายตาของผ ผู้อื่นดูอย่างไรก็มีเจตนาแอบแฝง”
“จริงด้วย!” อันอ๋องถามอีกครั้ง “แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไร”
“ใต้เท้าเจี่ยงบอกข้า” หยางชูพูดอย่างไม่อาย “ท่านก็ทราบดีว่าใต้เท้าเจี่ยงเคยร่วมงานกับข้า พวกเรามีมิตรภาพที่ดีต่อกัน เขาดูแลเมืองหลวงทั้งหมด หากมีความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติก ก็ไม่มีทางหนีพ้นหูตาของเขาได้หรอก เขาคิดว่าทางฝั่งองค์ชายรองน่าจะมีปัญหา แต่ไม่มีหลักฐานจึงไม่กล้ารบกวนท่านเลยมาบอกกับข้าแทน ให้ข้าปกป้องท่านให้ดีๆ”
อันอ๋องก็นึกขึ้นได้ทันใด “มิน่าสองวันนี้เจ้าถึงดูเซ้าซี้ติดตามข้าทั้งวัน”
“ใช่สิ! ไม่อย่างนั้นข้าจะทนได้อย่างไร” หยางชูพูดโกหกโดยไม่กะพริบตา
“ท่านก็เห็นว่ากองทัพซิ่งโจวเป็นใต้เท้าเจี่ยงที่เชิญมา ค่ายจูเชว่ใต้เท้าเจี่ยงก็เป็นคนจัดการ เขายังเรียกบรรดาขุนนางผู้มีอิทธิพลให้มาอยู่ด้วยกันเพื่อปิดกั้นเส้นทางหลังขององ งค์ชายรอง และไม่ให้พวกกบฏหนีออกจากวัง เรื่องใหญ่เช่นนี้ขุนนางที่มีความดีความชอบอย่างแท้จริงก็คือเขา!”
อันอ๋องพยักหน้า “ใช่ๆๆ ใต้เท้าเจี่ยงเก่งกาจมากมิน่าเล่าเสด็จพ่อถึงให้ความสำคัญกับเขามาก”
หยางชูเผยรอยยิ้มเลศนัยแล้วพูดต่อ “ดังนั้นท่านก็ขอความดีความชอบให้เขา ส่วนข้าหากไม่ได้ฟังเรื่องราวจากเขา และเตรียมพร้อมก็คงปกป้องท่านได้ไม่ทันเวลา”
“อย่างนี้นี่เอง!” อันอ๋องพูด “เจ้าวางใจได้เลย ข้าไม่ให้เขาเปลืองแรงโดยเปล่าประโยชน์แน่ ข้าจะอธิบายสถานการณ์ให้เสด็จพ่อฟัง และให้ประทานรางวัลให้เขาอย่างดีเลย”
หยางชูกำชับอีกว่า “งั้นข้าจะให้หลิวกงกงเปิดประตู ท่านอย่าทำตัวมีพิรุธล่ะ! ”
“รู้แล้ว! ข้าไม่ได้โง่ขนาดนั้นนะ!”
…………
อันอ๋องที่ไม่ได้โง่เขลาเพียงนั้นนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ ถึงแม้ว่าเหตุการณ์จะผ่านไปแล้ว แต่ใจก็ยังคงผวาอยู่
เขาถามหยางชู “เจ้าเป็นคนจัดการจริงๆ หรือ ทางฝั่งเสด็จพ่อจะไม่เกิดเรื่องอะไรใช่หรือไม่”
หยางชูตอบโดยสีหน้าไม่เปลี่ยน “เปล่า ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่าท่านอารองจะสติฟั่นเฟือนเพียงนั้น”
“เช่นนั้น…” อันอ๋องตกใจ “นี่! พวกเราต้องแจ้งให้เสด็จพ่อทราบโดยเร็วที่สุด ถ้าหาก...”
“ท่านฟังข้าพูดให้จบก่อนได้หรือไม่” หยางชูดึงเขา “เรื่องคนข้างกายฝ่าบาทข้าไม่ได้จัดการ แต่หากเป็นคนข้างกายกุ้ยเฟยข้าจัดการเรียบร้อยแล้ว!”
อันอ๋องตกใจ “เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
“จำคุณหนูเวินผู้นั้นได้หรือไม่”
อันอ๋องนึกตาม “หลานสาวของฮุ่ยเฟยหรือ”
“ใช่! หลานสาวของนางค่อนข้างแปลกข้ากังวลว่านางจะทำร้ายกุ้ยเฟยเลย…”
“อ้อ!” อันอ๋องเข้าใจแล้ว “มิน่าเล่าเจ้าถึงให้คุณหนูหมิงเดินทางไปด้วย ข้ายังถามเจ้าอยู่เลยว่ายอมอยู่ห่างจากนางนานเช่นนั้นได้หรือ!”
“ใช่! นางเก่งกาจมาก! หากมีนางอยู่ด้วยต้องสังเกตถึงความเคลื่อนไหวแน่นอน ตราบใดที่ฝ่าบาทเตรียมพร้อมท่านคิดว่าท่านอารองจะทำสำเร็จหรือ”
อันอ๋องส่ายหน้าทันที “พี่รองจะเป็นคู่ต่อสู้ของเสด็จพ่อได้อย่างไร”
“นั่นสิ!” หยางชูปลอบเขา “เพราะฉะนั้นท่านอยู่ที่เมืองหลวงรอฝ่าบาทเสด็จกลับมาได้เลย”