คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 585 อย่าหนี
เวินซิ่วอี๋มองนางด้วยความตกใจ “เหตุใดท่านถึงรู้วิชาลับของสำนักเรา นี่คือการเลี้ยงพิษกู่ และพวกเราไม่เคยเผยแพร่ออกไปที่ใดมาก่อน!”
หมิงเวยพูดอย่างเฉยเมย “สำนักหมอผีไม่ได้มีแค่สายของพวกท่านเสียหน่อย ใต้หล้านี้ไม่ใช่แค่สำนักหมอผีที่สามารถใช้วิชาพิษกู่ได้”
ปรมาจารย์รุ่นใดเป็นผู้เรียนรู้วิชานี้หมิงเวยก็จำไม่ได้แล้วจำได้แค่ว่าดูเหมือนว่าจะมาจากเผ่าอื่นในเทือกเขาลึกทางตอนใต้ เผ่านี้ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับโลกภายนอก ดังนั้นจึงรักษา ประเพณีโบราณไว้มากมาย
แม้ว่าวิชาพิษกู่ของพวกเขาจะเทียบไม่ได้กับวิชาพิษกู่ของสำนักหมอผี แต่เมื่อพูดถึงรากฐานแล้วมีความใกล้ชิดกับวิชาหมอผีโบราณมากกว่าสำนักหมอผี มีปรมาจารย์แห่งชีวิตรุ่นหนึ่งได้ เรียนรู้วิชานี้ และทำการปรับปรุงเพื่อให้สามารถขับไล่งูโดยไม่จำเป็นต้องใช้ยา อย่างไรก็ตามวิชางูค่อนข้างน่ากลัว และไม่สะดวกต่อการฝึกจึงไม่นิยมใช้
หากไม่ใช่เพราะเวินซิ่วอี๋ต้องการใช้พิษกู่กับนางหมิงเวยก็ไม่คิดจะใช้ เพราะมัน…น่าขยะแขยงจริงๆ!
หลังจากกลืนพวกมันเข้าไปแล้วงูขาวก็เลื้อยกลับมาที่ต้นเหมย และแลบลิ้นออกมา จากนั้นก็ขอคำชมจากนาง “นายท่าน ข้ากินหมดแล้วเจ้าค่ะ”
“อืม ทำดีมาก” หมิงเวยสะบัดแขนเสื้อด้วยความรังเกียจเล็กน้อยเป็นการห้ามไม่ให้มันกลับมา “ย่อยเสร็จแล้วค่อยกลับมา”
“เจ้าค่ะ…” งูขาวที่รู้สึกเหมือนไม่ได้รับความเป็นธรรมทำได้เพียงเลื้อยขดตัวอยู่บนกิ่งไม้ และพยายามย่อยหนอนกู่ในท้องของมัน
แม้ว่าสิ่งนี้จะน่าขยะแขยง แต่ก็เป็นส่วนเสริมที่ยอดเยี่ยมสำหรับมัน ใบหน้าของเวินซิ่วอี๋ซีดด้วยความโกรธ นางพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง “ข้าไม่เชื่อ!”
นางหยิบขวดกระเบื้องออกมาแล้วดึงจุกออก “ไป!”
พิษกู่ขนาดเท่าผึ้งบินออกมาจากขวดล้อมรอบหมิงเวย ควันสีเขียวบางๆ เล็ดลอดออกมาจากตัวของพวกมัน
“ค่อนข้างแข็งแกร่งนะ!” หมิงเวยสนใจมาก “พิษกู่พวกนี้ดูน่าสนใจถ้าโดนควันพวกนี้ก็จะตายทันทีใช่หรือไม่”
เวินซิ่วอี๋ยิ้มเยาะ “นี่เป็นพิษกู่ลับของอาจารย์ของพวกเรา พิษของมันไม่มีทางรักษามาดูกันว่าท่านจะหนีไปไหนได้!”
“อ้อ ไม่มียารักษาจริงๆ หรือ ก่อนหน้านี้ท่านยังพูดว่ายาลับของท่านทรงพลังมาก ข้าทานไปแล้วไม่เห็นเป็นอะไรเลย!”
“ท่าน!” เวินซิ่วอี๋โกรธมาก “เช่นนั้นท่านก็ลองดู ผู้ที่ถูกมันกัดไม่มีทางมีชีวิตรอด”
หมิงเวยพยักหน้าแล้วถอนหายใจ “เป็นของดีจริงๆ!”
พูดจบนางก็ก้มหน้ามองงูขาวที่อยู่ตรงเท้า “ได้ยินแล้วหรือไม่ ของดีเช่นนี้ยังไม่กินให้เรียบอีก”
“เจ้าค่ะ!” งูขาวตัวเล็กกระโดดออกมา อ้าปากกว้างเผยให้เห็นปากงูที่ดุร้าย ไม่มีความน่ารักเลยแม้แต่น้อย
พิษกู่สองสามตัวได้รวมกลุ่มต่อสู้กับมันอย่างรวดเร็ว เวินซิ่วอี๋มีความมั่นใจมาก พิษกู่ลับพวกนี้นางใช้เพียงไม่กี่ครั้ง และพวกมันสามารถล้มผู้อาวุโสที่มีฝีมือเก่งกาจมาได้ทุ กครั้ง นางไม่เชื่อว่าจะไม่สามารถจัดการกับสตรีที่ไม่ทราบที่มาผู้นี้ได้
อย่างไรก็ตามเมื่องูขาวตัวเล็กกลืนแมลงพิษตัวแรกสีหน้าของนางก็ค่อยๆ ตกใจ
“เป็นไปได้อย่างไร”
แมลงพิษเหล่านี้ถูกเลี้ยงด้วยเลือดของนางเมื่องูขาวตัวน้อยกินเข้าไปการเชื่อมโยงกับนางก็ถูกตัดขาด แต่งูขาวตัวเล็กนั้นไม่แสดงอาการเป็นพิษเลย และยังคงดุร้ายอย่างที่สุดอีกด้ว วย
หมิงเวยพูดอย่างเกียจคร้าน “เพราะมันเป็นวิญญาณ! ในเมื่อไม่มีเลือดเนื้อจะถูกพิษได้อย่างไร”
นางยิ้ม และมองดูท่าทางที่กล้าหาญของงูขาวตัวเล็กที่ต่อสู้กับพิษกู่ จากนั้นก็พูดว่า “กินพวกมันเสร็จแล้ว เดี๋ยวคืนนี้ข้าจะให้เลือดเจ้าสามหยด”
“เจ้าค่ะ นายท่าน!” งูขาวดีใจมากมันดูมีความกล้าหาญมากขึ้น
วันนี้ถือว่ากินอิ่มแล้ว ตอนแรกเพิ่งกินพิษกู่ไปหนึ่งตัวยังไม่ทันย่อยเสร็จก็มาทานพิษกู่ลับพวกนี้อีก หากได้ดื่มเลือดจากนายท่านสามหยดมันก็จะโตขึ้นมาก!
เมื่อเห็นว่าแมลงพิษถูกงูขาวกินไปอีกหนึ่งตัวเวินซิ่วอี๋ก็ไม่กล้าส่งพิษกู่ลับไปตายอีกแล้วจึงรีบเรียกพวกมันกลับมา แต่มีหรือที่งูขาวจะปล่อยไป มันไล่ตาม และจับกินอีกสอง ตัว แต่ก็ถือว่าสายเกินไปจึงทำได้เพียงมองสองตัวสุดท้ายที่ถูกอีกฝ่ายเรียกกลับไปแล้วแลบลิ้นอย่างน่าสงสาร
“นายท่าน ข้าทำภารกิจไม่สำเร็จเจ้าค่ะ” มันเลื้อยกลับมา และรายงานกับหมิงเวยอย่างน่าสงสาร
หมิงเวยยิ้ม และลูบหัวของมัน “ช่างเถอะ พิษกู่พวกนี้ถูกเลี้ยงด้วยเลือดของมนุษย์ เจ้ากินไปมากเช่นนี้มันจะใช้เวลานานในการย่อย รางวัลตอบแทนผลงานเมื่อครู่ข้าจะให้เลือดเจ้า”
“ขอบคุณเจ้าค่ะนายท่าน!” งูขาวย้ายตัวไปอยู่ที่กิ่งไม้ข้างๆ นางด้วยความภาคภูมิใจแล้วแลบลิ้นใส่เวินซิ่วอี๋
เวินซิ่วอี๋โกรธจัด การสูญเสียพิษกู่ที่เลี้ยงด้วยเลือดทำให้นางใจเต้นไม่หยุด ทักษะของนางได้รับผลกระทบอย่างมาก
หมิงเวยยังคงถามนาง “คุณหนูเวิน จะต่อหรือไม่ ข้าอย่างไรก็ได้เพราะเสี่ยวไป๋ของข้ายังกินได้อีก”
หึ! ช่างน่าไม่อายคิดว่านางจะใช้วิชาชำนาญของตนป้อนเป็นอาหารให้มันอีกหรืออย่างไร
ในเมื่อพิษกู่ทำอะไรนางไม่ได้ เวินซิ่วอี๋ก็ไม่คิดโต้เถียงกับนาง “ถึงท่านจะสามารถจัดการกับพิษกู่ได้แล้วอย่างไร ข้าขังท่านไว้ที่นี่ก็เพียงพอแล้ว ข้าไม่เชื่อว่าท่านจะทำล ลายค่ายกลหมอกพิษนี้ได้”
หมิงเวยพยักหน้า “ค่ายกลหมอกพิษนี้ข้าคิดว่ามันยากที่จะทำลาย แต่ขณะเดียวกันท่านเองก็ใช่ว่าจะออกไปได้ง่ายๆ ในเมื่อพวกเราไม่อยากให้ต่างฝ่ายต่างหนีไปได้ เช่นนั้นก็อยู่ด้ว วยกันที่นี่นั่นแหละ!”
ท่าทีของนางทำให้เวินซิ่วอี๋สงสัย “ท่านคิดจะทำอะไร”
“ออกไปไม่ได้แล้วข้าจะทำอย่างไรได้” หมิงเวยเหลือบมองนางแล้วยิ้ม จากนั้นก็หยิบ…พลุออกมาจากแขนเสื้อ!
นางจุดพลุต่อหน้าเวินซิ่วอี๋ และโยนมันขึ้นไปในอากาศ พลุระเบิดขึ้นกลางอากาศ การเคลื่อนไหวนี้ไม่ต้องพูดถึงหอสังเกตการณ์ที่อยู่ใกล้ๆ แม้แต่พระราชวังอี๋ชุนที่อยู่ด้านล่างก็สาม มารถมองเห็นได้
สีหน้าของเวินซิ่วอี๋เปลี่ยนไปอย่างมาก “ท่าน...”
นี่คือการจุดพลุเตือน! นางไม่ต้องการพัวพันกับหมิงเวยอีกต่อไปจึงหันหลังกลับ และรีบออกจากป่า
ครั้งนี้หมิงเวยไม่คิดปล่อยนางไปนางตบต้นเหมยข้างๆ และกลีบดอกเหมยก็ลอยขึ้น และโจมตีเวินซิ่วอี๋
“คุณหนูเวินจะไปไหนหรือ ทิวทัศน์สวยงามเช่นนี้พวกเรามาพูดคุยกันดีๆ ชมดอกไม้ชมหิมะ ช่างดูน่าชมดีใช่หรือไม่เล่า”
“หึ! ผู้ใดจะอยากชมดอกไม้ชมหิมะกับท่านกัน” เวินซิ่วอี๋สะบัดมือทำลายกลีบดอกไม้เหล่านั้น น่าเสียดายที่ภายใต้การควบคุมของหมิงเวย กลีบดอกไม้เหล่านั้นล้อมรอบนางอย่างรวดเร็วอีกครั้ง ปิดกั้นนางอีกครั้ง
เนื่องจากพิษกู่ลับของนางถูกกินไปแล้วจึงมีใจจะหลีกหนี แต่กำลังไม่พอ
“คุณหนูเวินช่างโหดเหี้ยมจริงๆ” นางยิ้ม “ท่านแสดงน้ำใจต่อข้าอยู่หลายครั้ง จงใจให้ข้ามาที่นี่ ข้าก็นึกว่าท่านชอบข้าเป็นพิเศษแล้วเหตุใดถึงแตกหักกันในชั่วพริบตาเช่นนี้เล่า”
เวินซิ่วอี๋โกรธมากไม่อยากสนใจนางอีก และพยายามฝ่ากำแพงออกไปอย่างบ้าคลั่ง แต่ไม่ว่านางจะโจมตีเพียงใดกลีบดอกไม้เหล่านั้นก็สามารถกั้นทางออกของนางได้อย่างแน่นหนา
“อย่าเสียแรงเปล่าเลย!” หมิงเวยพูดเสียงเบา “ดูท่านสิ เหงื่อออกมากเช่นนี้มันช่างบีบหัวใจมาก! สู้มานั่งลงพูดคุยกันแล้วรอพวกเขามารับไม่ดีกว่าหรือ”
สิ้นเสียงนั้นกลีบดอกไม้ก็รวมตัวกันก่อให้เกิดแรงปะทะเข้าห่อหุ้มเวินซิ่วอี๋แล้วโยนนางไปที่ต้นไม้ตรงข้ามกับหมิงเวย
หมิงเวยสะบัดแขนเสื้อแล้วนั่งลงแล้วมองเวินซิ่วอี๋ที่โกรธจนหน้าแดงก่ำ จากนั้นก็พูดด้วยความสุขใจ “คุณหนูเวิน ข้าไม่เข้าใจว่าด้วยความสามารถของท่านเหตุใดถึงได้ไปอยู่ฝั่งเดียว วกับองค์ชายรองได้ คนเช่นเขาสามารถรั้งคนอย่างท่านได้ด้วยหรือ”
เวินซิ่วอี๋มองนางอย่างเย็นชา และไม่พูดอะไร
หมิงเวยพูดต่อว่า “เดิมทีข้าคิดว่าท่านอาจจะ…แต่ตอนนี้ข้าคิดว่าข้าคิดผิด สำนักหมอผีไม่มีวันยอมจำนนต่อผู้อื่น ท่านต้องมีเหตุผลอื่นจึงช่วยองค์ชายรอง พอมาคิดดูอีกทีคิดได้อย ย่างเดียวว่าดูเหมือนช่วงไม่กี่ปีมานี้สำนักหมอผีจะติดต่อกับผู้ที่มีอำนาจในแคว้นฉู่ใต้ ท่านมาที่นี่เพื่อสอดแนมใช่หรือไม่”