คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 588 อาการกำเริบ
ในวันที่สามของการปราบปรามกลุ่มกบฏมีข่าวดี และข่าวร้ายจากเขาซิ่วชาน
ข่าวดีก็คือ กบฏทำไม่สำเร็จ และฮ่องเต้ยังมีชีวิตอยู่
ข่าวร้ายก็คือ ฮ่องเต้หกล้มบาดเจ็บขณะหลบหนีการลอบสังหาร
จวนอันอ๋องที่เดิมทีคึกคักมากอยู่แล้วก็เริ่มคึกคักมากขึ้นไปอีก มีคนส่งของขวัญปลอบใจมาไม่ขาดสาย
ก่อนหน้านี้ที่อันอ๋องได้รับตำแหน่งมีคนจำนวนไม่น้อยรอที่จะหัวเราะเขา
คนทั้งเมืองหลวงมีผู้ใดไม่รู้บ้างว่าเขาไม่มีความรู้ หรือทักษะใดๆ เพียงแค่โชคดีที่พี่ชายทั้งสองหาเรื่องใส่ตัวทำให้เขากลายเป็นผู้สืบทอดอันดับหนึ่ง ส่วนคุณธรรมของเขา บางทีเมื่อ อฮ่องเต้ทนไม่ไหวก็คงเตะเขาออกไปเองท้ายที่สุดแล้วก็ยังมีองค์ชายอีกสองพระองค์ไม่ใช่หรือ อาจเด็กไปเสียหน่อย แต่ก็สามารถปลูกฝังได้!
อันอ๋องเหลวไหลอยู่ครึ่งปีกว่าองค์ชายรองก็ดันมาหาเรื่องตายอีก
ฮ่องเต้ไม่อยู่อันอ๋องที่อยู่ดูแลแทนได้ทำลายแผนการยึดพระราชวังขององค์ชายรองได้อย่างง่ายดาย แม้กระทั่งซื่อเซียงจางถาน หรือฝูอ๋องไม่ได้ยื่นมือเข้าไปช่วย
นอกจากนี้ฮ่องเต้ได้รับบาดเจ็บตำแหน่งรัชทายาทจะหนีไปจากอันอ๋องได้อย่างไร ฮ่องเต้ทรงชราภาพมากแล้วบางทีอันอ๋องไม่จำเป็นต้องทำอะไรก็ได้ตำแหน่งรัชทายาทแล้ว ได้ขึ้นไปอยู่จุดสูงสุด ดอย่างง่ายดาย
หากตอนนี้ไม่ประจบประแจงเขาแล้วต้องรอเมื่อไรล่ะ อย่างไรก็ตามอันอ๋องที่ได้รับการยกย่องสรรเสริญเวลานี้กำลังร้องทุกข์มิรู้วาย
สามวันมานี้เขานอนไม่ถึงสามชั่วยามเลย ในที่สุดอันอ๋องอาศัยโอกาสที่ได้กลับจวนมาผิงไฟ และระบายความทุกข์กับหยางชู
“…ข้าเพิ่งได้ออกจากวัง จางถานก็วิ่งมาถามว่าวันรุ่งขึ้นฝ่าบาทจะเสด็จกลับวัง ข้าเตรียมตัวแล้วหรือยัง มารดาเถอะ! ข้าต้องเตรียมตัวอะไร ทุกวันนี้นอนยามสามตื่นยามห้า ตาแทบลืม มไม่ขึ้นยังต้องเตรียมตัวอะไรอีกไม่มีตากันรึไงนะ” พูดถึงตรงนี้เขาก็หันหน้าไปอีกทาง “เสี่ยวถง ย่างเนื้ออีกสองชิ้น!”
“เพคะ!”
เมื่อได้ยินเสี่ยวถงตอบรับอันอ๋องก็เอนหลังสัมผัสขนสัตว์อุ่นๆ ที่อยู้ใต้ร่างแล้วหลับตาด้วยความสบาย “เจ้าอยู่ที่นี่ช่างดีเสียจริงแค่ใช้ชีวิตผ่านไปวันๆ”
หยางชูกัดน้ำตาลแล้วพูดว่า “ท่านอย่าทำอะไรไร้ประโยชน์เลย จางถานให้ความคาดหวังกับท่านมากหวังว่าท่านจะมีพฤติกรรมที่ดีขึ้น”
อันอ๋องโบกมือ “ขอบใจ แต่เปิ่นหวางไม่อยากทำเลยนี่!”
หยางชูรู้สึกขบขันแล้วถามว่า “เช่นนั้นลองคิดดูหากท่านอารองทำสำเร็จ เป็นท่านที่ต้องหนีออกจากเมืองหลวงโดยที่ไม่ได้พาฮูหยิน และบุตรไปด้วย ตอนนี้ท่านจะทำอย่างไร”
อันอ๋องตกใจแล้วพูดว่า “พี่รองเป็นคนจิตใจคับแคบหากเขาทำสำเร็จ ครอบครัวข้าคงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว!”
หยางชูพยักหน้าในใจคิดว่าเขารู้จักองค์ชายรองดีทีเดียว
“มันต้องแก้แค้น! ถึงหวางเฟยของข้าจะดุไปหน่อยอย่างไรก็มีลูก…”
“อยากแก้แค้นต้องเคลื่อนไหวด้วยอาวุธ อีกนัยหนึ่งคือท่านต้องหาวิธีจัดหาทหารให้เพียงพอเพื่อนำคนกลับมายังเมืองหลวงซึ่งเหนื่อยมากกว่าที่เป็นอยู่ถึงสิบเท่า”
“นั่นไม่เหมือนกัน” อันอ๋องโบกมือ “ถูกบังคับให้ไปอยู่จุดนั้นไม่ทำก็ต้องทำ แต่ตอนนี้…”
หยางชูเตะเขา “ท่านนี่จะขี้เกียจไปไหนกัน ขยับนิดขยับหน่อย หากไม่จำเป็นก็ไม่ขยับ ไม่น่าแปลกใจเลยที่ท่านอารองเกลียดท่านมากเขาคิดถึงมันมาทั้งชีวิต แต่ท่านฉกฉวยเอาไปได้ แต่ กลับไม่เห็นค่าของมัน”
อันอ๋องไม่สนใจเขายิ้ม “ใช่ ข้าไม่มีแรงจูงใจแล้วจะทำไมกัน”
เมื่อเนื้อย่างเสร็จแล้วเสี่ยวถงก็ยกมันมาให้ “อันอ๋อง คำพูดเมื่อครู่ท่านพูดที่นี่ได้ แต่กลับไปอย่าให้ผู้อื่นได้ยินเชียวนะเพคะ ท่านจะโดนฝ่าบาทตำหนิเอาได้”
“เจ้าคิดว่าข้าโง่หรือ ออกจากจวนนี้ไปข้าก็ทำไม่ได้แล้ว” อันอ๋องหยิบเนื้อเสียบไม้มาทาน เขาพูดเสียงงึมงำว่า “ฝีมือย่างเนื้อของเจ้าดีมากเปิ่นหวางไม่อยากกลับไปเลย…”
…………
ฮ่องเต้เสด็จกลับก่อนเทศกาลเสี่ยวเหนียน[1] อันอ๋องเดินทางออกจากเมืองหลวงเพื่อต้อนรับ เพราะอากาศที่หนาวเกินไปจึงมีเพียงว่านต้าเป่าที่ส่งข้อความมาบอกว่าขบวนเสด็จจะเดินทางกลับว วังเงียบๆ
เดิมทีหยางชูต้องการคุยกับเผยกุ้ยเฟยน่าเสียดายที่ไม่มีโอกาส เพราะเผยกุ้ยเฟยให้คนส่งข้อความมาบอกว่าตนรู้สึกเหนื่อยมากให้เขากลับจวนไปก่อน
หยางชูรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่เขาไม่สามารถถามอะไรเพิ่มเติมได้จึงทำได้เพียงกลับไปเพื่อรอข่าว ขุนนางคนอื่นเองก็แยกย้ายกันไป และในท้ายที่สุดคนที่ตามฮ่องเต้ไปยังตำหนักบ บรรทมจึงมีเพียงอันอ๋อง ฝูอ๋อง และผู้อาวุโสสองสามคน
พวกเขารอไม่นานก็ถูกเรียกเข้าไป ครั้งนี้เผยกุ้ยเฟยไม่ได้หลบออกไป แต่นั่งเฝ้าอยู่หน้าเตียงบรรทม
เมื่อม่านเตียงถูกเปิดออก อันอ๋อง และคนอื่นๆ ก็ตกใจเมื่อเห็นสภาพปัจจุบันของฮ่องเต้
“เสด็จพ่อ!”
“ฝ่าบาท!”
สภาพของอีกฝ่ายในตอนนี้ไม่เพียงแค่ไม่ดี แต่ไม่ดีเอามากๆ! ใบหน้าอีกฝ่ายแข็งตึง และในขณะที่นอนอยู่ก็มีอาการสั่นเล็กน้อย
การล้มครั้งนั้นมีปัญหาแล้ว!
สีหน้าของจางถานเปลี่ยนไปเขาหันไปหาหลู่เซียง
ผู้อาวุโสถอนหายใจแล้วพูดเสียงแผ่วเบา “ในตอนที่คนร้ายมาอาการของฝ่าบาทกำเริบพอดี…”
จางถานตกใจในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าเหตุใดฮ่องเต้ถึงไม่พูดอะไรตั้งแต่ต้นยันจบ
ผ่านไปสักพักเขาถึงหาเสียงของตนเองเจอ “หมอหลวงเล่า”
หลู่เซียงมองหน้าเขาแล้วหันไปถาม “ว่านกงกง หมอหลวงหวงมาถึงหรือยัง”
หมอหลวงหวงออกเดินทางนานแล้วไม่นานหลังจากนั้นเขาก็นำหมอหลวงสองคนเข้ามา และตรวจชีพจรของฮ่องเต้
รอจนฝังเข็มเสร็จเผยกุ้ยเฟยอดไม่ได้ที่จะถามว่า “ว่าอย่างไรบ้าง”
หมอหลวงหวงตอบกลับว่า “เหนียงเหนียงโปรดวางใจ ตลอดการเดินทางฝ่าบาทได้รับการดูแลเป็นอย่างดีพักผ่อนอีกสักหน่อยอาการจะดีขึ้นพ่ะย่ะค่ะ”
จางถานได้ยินเช่นนั้นไม่วางใจเลยแม้แต่น้อย เขาอาศัยช่วงที่อีกฝ่ายเขียนใบสั่งยาอยู่ห้องข้างๆ เข้าไปถามว่า “หมอหลวงหวงสรุปแล้วฝ่าบาทเป็นอะไรไปหรือ แล้วเมื่อไรจะอาการดีขึ้น”
หมอหลวงหวงขมวดคิ้วแน่น และตอบว่า “จางเซียง เรื่องนี้ข้าไม่สามารถตอบได้”
จางถานตกใจเขาถามอีกว่า “หมายความว่าอย่างไร ท่านรักษาไม่ได้หรือ”
หมอหลวงหวงตอบว่า “ฝ่าบาททรงพระประชวรหลายโรคอยู่ในสถานการณ์ที่ซับซ้อนมาก พวกเราทำทุกอยางเท่าที่จะทำได้อย่างสุดกำลังความสามารถถึงระงับอาการได้ หากค่อยๆ บำรุงอาจจะฟื้นตัว วได้”
“อาจจะ ท่านหมายความว่าไม่แน่นอนงั้นหรือ ท่านบอกความจริงมาเถิดฝ่าบาทต้องใช้เวลาเท่าไรในการบำรุงร่างกาย สามารถฟื้นตัวได้มากน้อยเพียงใด”
หมอหลวงหวงส่ายหน้า “ข้าก็บอกไม่ได้ ต้องคอยดูอาการแล้วค่อยว่ากัน หากฟื้นตัวละก็…ผ่านไปสองสามวันอาจสามารถบอกได้ แต่ตอนเดินอาจต้องให้คนช่วยประคอง”
หัวใจของจางถานแข็งค้าง หมอหลวงหวงพูดเสียไพเราะ แต่ในความเป็นจริง คนที่เกือบไร้ค่า บริหารบ้านเมืองไม่ได้แค่ว่าราชกิจก็เป็นปัญหาแล้ว
อันอ๋องยังไม่ได้รับการสั่งสอนเลย หรือว่าฝ่าบาท…
เขากลับไปยังห้องบรรทม หลู่เซียงพูดคุยกับเผยกุ้ยเฟยสอบถามเรื่องกิจวัตรประจำวันตลอดทางของฝ่าบาท
เมื่อเห็นเขากลับมาก็พูดขึ้นว่า “จางเซียง เรื่องมาถึงจุดนี้แล้วพวกเราทำได้แต่มองในแง่ดี รอให้ผ่านไปสักสองสามวันไว้ฝ่าบาทอาการดีขึ้นค่อยว่ากัน”
จางถานจะพูดอะไรได้นอกจากพยักหน้า ราชสำนักมีธุระรัดตัวมากมาย เหล่าผู้อาวุโสต้องรีบกลับมาจัดการงานราชการ
ว่านต้าเป่าถามกุ้ยเฟย “เหนียงเหนียง ท่านเหนื่อยมาตลอดทางแล้วกลับไปพักผ่อนดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ที่นี่มีบ่าวรับใช้อยู่รับรองว่าจะดูแลฝ่าบาทเป็นอย่างดี”
เผยกุ้ยเฟยส่ายหน้า “ในเวลานี้เปิ่นกงจะมีใจกลับไปอีกหรือให้พวกนางนำเสื้อผ้ามา เปิ่นกงจะอยู่ที่นี่จนกว่าฝ่าบาทจะดีขึ้น”
“นั่น…”
เผยกุ้ยเฟยไม่เปลี่ยนใจ “ไปเถอะ”
ว่านต้าเป่าทำได้เพียงตอบรับ ฮ่องเต้ที่นอนอยู่บนเตียงเห็นเหตุการณ์นั้น แววตาเฉื่อยชาสั่นไหวเล็กน้อย
…………….
[1] เทศกาลเสี่ยวเหนียน : ตรงกับวันที่ 23 หรือ 24 เดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคติของจีน วันตรุษจีนเล็ก ตามความเชื่อของคนจีนตั้งแต่สมัยโบราณ เป็นวันที่ “เทพเจ้าแห่งเตา” ซึ่งทำหน้าที่ พิทักษ์เตาไฟในครัวและดูแลทุกคนในครอบครัว จะกลับสวรรค์ไปรายงานเรื่องราวของแต่ละครัวเรือนให้เง็กเซียนฮ่องเต้ โดยความเชื่อเรื่องเทพเจ้าแห่งเตา ยังสามารถสะท้อนถึงวิถีชีวิตคนจี นในสมัยก่อน ที่เกี่ยวข้องกับเตาไฟ ทำข้าวปลาอาหารกินที่บ้านพร้อมหน้าพร้อมตา ดังนั้น คนจีนจึงบูชา “เทพเจ้าแห่งเตา” มีนัยว่าขอให้เทพเจ้าแห่งเตารายงานแต่สิ่งดีดีให้เง็กเซียนฮ ฮ่องเต้ทราบ