คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 589 แรงกระตุ้น
หยางชูเพิ่งได้ทราบสถานการณ์ในตอนค่ำ
“อะไรนะ เป็นอัมพาตงั้นหรือ”
หมิงเวยเหลือบมองออกไปข้างนอก “เบาเสียงลงหน่อยเจ้าค่ะ ท่านไม่กลัวคนอื่นได้ยินหรือ”
ที่นี่คือจวนตระกูลจี้เรือนจึงมีขนาดใหญ่ หยางชูตื่นเต้นมากจนต้องเดินวนไปวนมาในห้องกว่าจะยอมหยุดเดินไม่ง่ายเลยเขาถามขึ้นว่า “มีโอกาสหายหรือไม่”
หมิงเวยพูด “อาการไม่ดีเท่าไรนักเจ้าค่ะ ท่านเองก็รู้ว่าเขามีโรคเก่า”
หยางชูถือพัดไว้ในมือแน่นเขายังอยู่ในอารมณ์สับสนมึนงง
หมิงเวยถอนหายใจแล้วพูดเสียงอ่อนว่า “ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย พอรู้ว่าเขาล้มไปเช่นนั้นก็ตกใจดูเหมือนว่านี่จะเป็นชะตากรรมของเขาเจ้าค่ะ”
หยางชูหลับตา ถอนหายใจ และพยายามสงบสติอารมณ์ลง
“เขาจะมีชีวิตอยู่ได้อีกเท่าไร”
หมิงเวยพูด “หากรักษาดีๆ ก็อาจจะอีกสองสามปีเจ้าค่ะ”
หยางชูพยักหน้า “คงตามเวลาที่ท่านบอกมา”
หลังปีใหม่นี้ก็เป็นศักราชหย่งเจียปีที่ยี่สิบสอง หมิงเวยเคยบอกว่าเหวินตี้ทรงครองราชย์มายี่สิบห้าปี ดังนั้นจึงเหลือเวลาอีกสามปี หยางชูไม่พูดอะไรเป็นเวลานาน
หมิงเวยเองก็ไม่คิดรบกวนเขา
หลังจากนั่งเงียบอยู่สักพักเขาก็พูดขึ้นว่า “จู่ๆ ข้าก็ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร มันรู้สึกงงงวยมาก ก่อนหน้านี้พยายามอย่างมากเพื่อเอาชนะเขา แต่ตอนนี้แม้ข้าจะไม่ได้ทำอะไรเลยเป้าหมายนี้ก็เกือบจะสำเร็จแล้ว”
หมิงเวยพูดเบาๆ “ข้าเข้าใจอารมณ์ของท่าน แต่ยิ่งถึงเวลานั้นมากเท่าไรยิ่งผิดพลาดไม่ได้เจ้าค่ะ กุ้ยเฟยเหนียงเหนียงทรมานมากกว่าท่านมิใช่หรือ แต่ตั้งแต่ฮ่องเต้หกล้มก็ไปไหนไม่ได้เลยดูแลฝ่าบาทตลอดทาง ต้องเอาใจใส่มากกว่าใครๆ”
หัวใจของหยางชูหนักอึ้ง “ข้า…รู้สึกผิดต่อนาง”
หมิงเวยถอนหายใจนางลุกขึ้นกอดปลอบเขา “ท่านอย่าคิดเช่นนั้น เหนียงเหนียงทำเพื่อท่านก็จริง แต่ก็เพื่อตัวนางเองด้วย การทำลายชีวิตคนจนต้องสูญเสียคนรัก นางต้องการแก้แค้น และต้องการช่วยให้บรรลุผลสมความปรารถนา บางทีคนชั่วต้องถูกฆ่าเท่านั้นจิตใจของนางจึงจะสงบลงเจ้าค่ะ”
หยางชูตอบรับ พยายามบอกตนเองให้ใจสงบลง
……………
ปีนี้ผ่านไปอย่างไม่ปกติ
เทศกาลเสี่ยวเหนียนฮ่องเต้ไม่ปรากฏตัวจนกระทั่งเทศกาลหยวนตั้น[1]ถึงปรากฏตัวครั้งหนึ่ง แม้ว่าข่าวจะถูกปิด และบอกเพียงว่าฮ่องเต้ต้องการพักผ่อน แต่บรรยากาศไม่สงบได้กระจายไปทั่วเมืองหลวง
ทุกคนไม่ได้โง่ตลอดเวลานี้ไม่ได้ว่าราชกิจเป็นที่ชัดเจนว่าอาการป่วยไม่ทุเลาลง
เมื่อซูถูได้รับข่าวนี้เขาไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือกังวลดี เขาวางแผนที่จะกลับไปที่ทุ่งหญ้าเมื่อสองเดือนก่อนต่อมาพบว่าองค์ชายรองมีการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ คิดว่าจะต้องมีเรื่องเกิดขึ้นจึงคอยดูสถานการณ์ต่อไป
และดูจนถึงตอนนี้…
ซูถูรู้สึกเสียดายมาก หากเขามีกำลังมากพอจะต้องเข้าไปมีส่วนร่วมในเรื่องนี้อย่างแน่นอน ไม่แน่ว่าบางทีอาจทำให้แคว้นฉีโกลาหลได้ แต่เมื่อฝ่ายตนมีกำลังไม่พอจึงทำได้แค่มองดู แต่เรื่องนี้ทำให้เขาตระหนักว่าจวนเยวี่ยอ๋องไม่ธรรมดาเลย
จากเรื่องที่ว่าหมิงเวย และหยางชูติดตามคุณหนูเวินแล้วมองออกจนทราบถึงแผนการขององค์ชายรอง อย่างไรก็ตามทุกคนต่างชื่นชมอันอ๋อง และไม่มีผู้ใดรู้เลยว่าเยวี่ยอ๋องมีบทบาทอย่างไรในเรื่องนี้
ซูถูรู้สึกมีความสุขเมื่อเกิดเรื่องขึ้นกับฮ่องเต้แคว้นฉี เมื่อสูญเสียฮ่องเต้ผู้ชราภาพ ฮ่องเต้องค์ใหม่อาจไม่เข้าใจทิศทางของบ้านเมืองซึ่งเป็นประโยชน์ต่อเผ่าหูอย่างมาก แต่เมื่อเขาค้นพบการเปลี่ยนแปลงในจวนเยวี่ยอ๋อง ถึงรู้ว่านี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดของเขาเช่นกัน
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าบัลลังก์ตกไปอยู่ในมือของเยวี่ยอ๋องนั่นเป็นข่าวร้ายที่ใหญ่มาก หลังจากต่อสู้กันที่ซีเป่ยเป็นเวลานาน ซูถูไม่คิดเหมือนคนในเมืองหลวงที่ว่าเขาเป็นคนเสเพล
คนผู้นี้กล้าได้กล้าเสียมากกว่าฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ซูถูลองคิดว่าหากตนกลายเป็นฮ่องเต้แคว้นฉี เขาจะไม่ต้องการที่จะขยายอาณาเขตหรือ เมื่อถึงตอนนั้น เกรงว่าเผ่าหูคงจบสิ้นแน่!
ด้านนอกมีเสียงประทัดซูถูอารมณ์ไม่ดีจึงออกไปเดินเล่น เผ่าหูไม่มีเทศกาลปีใหม่ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นความคึกคักเช่นนี้
ตอนนี้เขาอาศัยอยู่ใกล้สระฉางเล่อ และหลังจากได้ยินสิ่งที่อาหว่านพูดครั้งล่าสุด เขารู้สึกว่าการพักในโรงเตี๊ยมนั้นไม่เหมือนนักท่องเที่ยวทั่วไปเขาจึงตัดสินใจเช่าห้อง แต่สองเดือนนี้พวกเราไม่ได้เจอกันเลย
ซูถูรู้ว่าเขาไม่ควรพบกับสตรีจงหยวนผู้นี้อีก เขามาที่นี่เพื่อสืบข้อมูลไม่ใช่เพื่อ…
แต่เมื่อเขายืนอยู่บนถนนใหญ่ที่สระฉางเล่อก็ได้พบนางอีกครั้ง…
“คุณชายซู” อาหว่านประหลาดใจอย่างมาก “ท่านยังอยู่ที่นี่หรือเจ้าคะ!”
ซูถูยิ้มให้นางด้วยความรู้สึกสับสน “ที่แท้เป็นแม่นางอาหว่านไม่เจอกันเสียนานเลย”
“ใช่! สองเดือนได้หรือไม่ คุณชายซูยังไม่กลับบ้านหรือเจ้าคะ ฉลองปีใหม่ที่แดนไกลฟังดูเดียวดายมาก!”
ซูถูพูด “ข้าเหลือน้องชายคนหนึ่งเขาเองก็ไม่ได้อยู่บ้านเลยไม่เป็นไรหากไม่ได้กลับบ้าน”
น่าซูน่าจะอยู่ที่เคอหลาน คนเคอหลานรวยแต่อ่อนแอ เป็นเป้าหมายที่ดีสำหรับการปล้น เมื่อทะเลเหนือกลายเป็นน้ำแข็งจำเป็นต้องพึ่งพวกเขาเพื่อผ่านพ้นฤดูหนาวไป
“เช่นนั้นหรือ ต้องขออภัยด้วยจริงๆ เจ้าค่ะ” อาหว่านคิดว่าตนสัมผัสได้ถึงความเศร้าจากอีกฝ่ายจึงกล่าวขอโทษ
“ไม่เป็นไร” แน่นอนว่าซูถูไม่คิดอธิบายเมื่อมองดูตะกร้าที่นางถืออยู่ก็ถามว่า
“แม่นางเล่า ออกมาทำอะไรหรือ”
อาหว่านยิ้ม “จู่ๆ ท่านอ๋องก็อยากทานน้ำแกงแกะ ข้าเลยออกมาซื้อ เฮ้อ…ผู้ใดยังเปิดร้านช่วงเทศกาลปีใหม่อยู่บ้าง ข้าต้องชักแม่น้ำทั้งห้าพวกเขาถึงยอมแบ่งจากหม้อมาให้สักชามเจ้าค่ะ”
“ลำบากแม่นางเลย” ซูถูพูดอย่างจริงใจ และเขายิ่งรู้สึกไม่พอใจเยวี่ยอ๋อง
“เป็นบ่าวรับใช้นี่ถือว่าเรื่องเล็กน้อยเจ้าค่ะ” อาหว่านพูดอย่างไม่ใส่ใจ
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งในที่สุดซูถูก็พูดว่า “ข้าคิดจะไปดูดอกไม้ไฟฝั่งนู้น ในเมื่อพวกเราบังเอิญเจอกันแม่นางไปดูด้วยกันดีหรือไม่”
อาหว่านตกลงทันที “ได้สิเจ้าคะ!”
นางคิดว่าในเทศกาลปีใหม่นี้ยังคิดใช้นางออกมาซื้อของเช่นนั้นก็ปล่อยให้เขาทนหิวไปก่อนละกัน!
อาหว่านจึงพกความแค้นเฝ้าดูดอกไม้ไฟอย่างมีความสุข ซูถูรู้สึกคับข้องใจ คิดจะพูดอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้พูดออกไปสักที อาหว่านเดินไปพลางพูดคุยกับเขาว่า “คุณชายซู หลังจากนี้ท่านจะอาศัยอยู่ในเมืองหลวงหรือไม่เจ้าคะ”
“คงไม่” ซูถูตอบ “ยังมีกิจการที่บ้านไม่ช้าก็เร็วก็ต้องกลับไป”
“อ้อ น่าเสียดายจริง! ข้าเห็นคุณชายมีความสามารถมาก หากอยู่ที่เมืองหลวง จะต้องสร้างอาชีพได้อย่างแน่นอนเจ้าค่ะ!”
ซูถูหัวเราะ “น้องชายของข้าโตแล้ว ถึงเวลาที่ต้องกลับไปจัดงานแต่งงานให้เขาเสียที”
“แล้วคุณชายเล่าเจ้าคะ” อาหว่านถามด้วยรอยยิ้ม “ท่านเองก็ยังไม่แต่งงาน ใช่หรือไม่”
“…ใช่”
“ตามลำดับผู้อาวุโส ควรเป็นท่านที่ต้องแต่งก่อนไม่ใช่หรือเจ้าคะ”
ผ่านไปนานกว่าซูถูจะตอบว่า “ข้ายังไม่เจอสตรีที่ถูกใจไม่รู้ว่าจะแต่งงานกับผู้ใด”
แววตาของอาหว่านดูจริงใจ “คุณชายที่มีความคิดเช่นนี้หายากจริงๆ มีบุรุษไม่มากนักที่แต่งงานเพราะชอบ แต่แต่งเพื่อสืบสกุล”
ซูถูเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “อันที่จริงก่อนหน้านี้ข้าคิดจะแต่งงานกับสตรีผู้หนึ่ง ในใจก็ไม่ได้ชอบนางถึงเพียงนั้นเพียงแต่เห็นว่านางเก่งมากคงช่วยสนับสนุนครอบครัวข้าได้…”
“แล้วเหตุใดคุณชายไม่แต่งงานเล่าเจ้าคะ”
ซูถูยิ้มอย่างผิดหวัง “นางไม่ชอบข้า”
“อา!” อาหว่านยิ้มตามด้วยความรู้สึกยินดีปรีดากับความโชคร้ายของผู้อื่นเล็กน้อย “นางคงมีวิสัยทัศน์ที่สูงมากขนาดคนเช่นคุณชายซูยังไม่มองเลย”
ซูถูพูด “เพราะนางมีคนที่ชอบอยู่แล้ว ตอนนั้นข้ายังไม่เข้าใจว่าชอบหรือไม่ชอบมันสำคัญตรงไหนกัน เห็นได้ชัดว่าข้าสามารถให้นางได้มากกว่านั้น แต่หลังจากนั้น…”
“หลังจากนั้นทำไมหรือเจ้าคะ”
“หลังจากนั้นข้าก็ได้พบแม่นางผู้หนึ่งในที่สุดข้าก็ได้เข้าใจความรู้สึกนั้น”
ซูถูมองดูดอกไม้ไฟที่บานสะพรั่ง ความงามในช่วงเวลานั้นช่างทำให้คนรู้สึกปลาบปลื้มยินดี
จู่ๆ เขาก็มีแรงกระตุ้น อาจเป็นแรงกระตุ้นเพียงครั้งเดียวในชีวิตเท่านั้น
หากพลาดครั้งนี้ไปเมื่อกลับไปที่ทุ่งหญ้าเขาจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว
ดังนั้นเขาจึงพูดว่า “แม่นางอาหว่าน! หาก...ข้าขอร้องท่าน ท่านยินดีจะไปกับข้าหรือไม่ ไปจากที่นี่ ท่านไม่จำเป็นต้องเป็นบ่าวรับใช้ผู้อื่น ท่านสามารถใช้ชีวิตอย่างอิสระ และมีความสุข และทำทุกอย่างที่ท่านต้องการได้”
“อะไรนะเจ้าคะ” อาหว่านอึ้งไป
……………
[1] หยวนตั้น : วันปีใหม่