คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 594 นัดเที่ยว
เนื่องจากมีความดีความชอบในคดีกบฏจึงยกเลิกการกักบริเวณเสวียนเฟย
หมิงเวยเดินทางไปเยี่ยมเขาที่เสวียนตูกวัน
ทั้งสองกำลังเล่นหมากล้อมที่ศาลาของหอดูดาว
“จะว่าไปพวกเรายังไม่ได้คุยรายละเอียดเรื่องของพวกกลุ่มดาวเลย” เสวียนเฟยพูด
หมิงเวยยิ้ม “ท่านราชครูกำลังจะบอกข้าเรื่องที่มาของพวกเขาหรือเจ้าคะ”
“ข้าถามท่าน” เสวียนเฟยเหลือบมองนาง “ท่านกับคนพวกนั้นมีความสัมพันธ์อะไรกันแน่”
“ความสัมพันธ์อะไรหรือเจ้าคะ” หมิงเวยวางหมาก
“ข้าไม่ได้ตาบอด” เสวียนเฟยพูดอย่างไม่เกรงใจ “เคล็ดวิชาของคนผู้นั้น เห็นได้ชัดว่ามีที่มาเดียวกันกับท่าน อีกอย่างเขาบอกว่าชื่อหมิงเซียวซึ่งคนแซ่นี้หาได้ยาก”
หมิงเวยทำได้เพียงแต่ยิ้ม
“ปรมาจารย์แห่งชีวิตไม่ได้สืบทอดกันสายเดียวหรอกหรือ เหตุใดถึงรู้สึกว่ามีอยู่ทุกที่”
“ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไรเจ้าค่ะ” หมิงเวยพูด “ปริศนานี้อาจจะแก้ไม่ได้จนกว่าพวกเราจะเก็บกวาดสำนักดวงดาวได้”
เสวียนเฟยส่ายหน้า “แต่ท่านกับพวกเขาดูเหมือนจะทำสิ่งเดียวกัน”
“อย่างไรเจ้าคะ”
“ท่านค้นพบดาวตี้ชิงที่ซ่อนอยู่ และวางแผนที่จะสนับสนุนเขาเพื่อหลีกเลี่ยงความวุ่นวายที่อาจเกิดขึ้น แต่คนที่พวกเขาตามหาคือข้า”
หมิงเวยวางหมากล้อมเงียบๆ พลางคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้
“เป็นเรื่องที่น่าสนใจที่พวกท่านทุกคนสละอำนาจราชวงศ์ แต่พวกท่านไม่คิดหรือว่าการเลือกองค์ชายคนใดคนหนึ่งที่มีอยู่ตอนนี้จะง่ายกว่านี้มาก”
ไม่รอให้นางพูดต่อเสวียนเฟยพูดขัดขึ้นมาว่า “อย่าบอกข้าว่าองค์ชายทั้งสามไม่ดี ถึงแม้ว่าองค์ชายใหญ่ และองค์ชายรองจะเป็นคนไม่ดี แต่ก็ไม่ใช่ว่าอันอ๋องจะสอนไม่ได้ ท่านบอก กข้าได้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใดกัน”
หมิงเวยยิ้ม และพูดหลีกเลี่ยงปัญหาสำคัญ “อาจเป็นเพราะพวกเราทุกคนต่างทราบกันดีว่านั่นเป็นทางเลือกที่ผิด ทางเลือกของข้าพูดได้ว่าเขาเป็นทายาทที่แท้จริง แต่พวกเขาเลือกท่า าน…ราชวงศ์ที่ถูกโค่นล้มซึ่งดูเหมือนจะยังไม่มีแบบอย่างก่อนหน้าที่ว่าแย่งแผ่นดินกลับคืนมาใช่หรือไม่เจ้าคะ”
“ราชวงศ์ฮั่น…อ้อ จริงสิ สถานการณ์ไม่เหมือนกัน ราชวงศ์ใหม่ปกครองแผ่นดินมาสิบกว่าปี ราชวงศ์ก่อนจึงคิดช่วงชิงบัลลังก์กลับมาซึ่งโดยพื้นฐานแล้วเป็นเพียงแค่ฝันกลางวันเท่านั้น” เสวียน เฟยพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของนาง
“ดังนั้นข้าจึงอดไม่ได้ที่จะสงสัยในเจตนาของพวกเขาเจ้าค่ะ” หมิงเวยพูด
เสวียนเฟยค่อยๆ ปิดกั้นหมากสำคัญที่มุมของนางอย่างเงียบๆ และพูดว่า “แน่นอนว่าการเก็บไว้ในมือตนเองย่อมอุ่นใจกว่า”
หมิงเวยใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวนางครุ่นคิดต่อไปว่า “พวกเขาไม่สามารถเปิดทางออกให้กับท่านได้ก็ควรเปลี่ยนเป้าหมาย แล้วจะไปหาผู้ใดกันล่ะเจ้าคะ”
เสวียนเฟยพูด “ข้าคิดว่าอาจเป็นทางใต้”
“ทางใต้งั้นหรือเจ้าคะ”
“ใช่ สมาชิกราชวงศ์ในแคว้นฉู่มีไม่กี่คน พวกตระกูลใหญ่ๆ ไม่ได้ตกต่ำในช่วงสงคราม ตัวเลือกมีน้อยเกินไป พวกเขาต้องมีพื้นฐานในการคัดเลือกคนใช่หรือไม่ล่ะ”
หมิงเวยพยักหน้าแล้ววางหมากต่อ เมื่อเห็นว่านางไม่สนใจกระดานหมากนี้เสวียนเฟยจึงเคลื่อนไหวหลอกตาอีกฝ่ายแล้วปิดกั้นหมากสำคัญต่อ
“ทางใต้ไม่เหมือนกัน ทางนั้นมีตระกูลชนชั้นสูงไม่น้อย”
หมิงเวยจำกระดาษสีขาวที่นางพบในห้องลับของนายท่านสามตระกูลหมิงได้ ในตอนที่หมิงเซียวพาคนบุกเสวียนตูกวัน คนของเขาได้ทำม้วนหนังแกะตกไว้ ซึ่งเป็นการไขความลับของวงกลมบน กระดาษขาวนั้น
“ไม่ เป้าหมายหลักของพวกเขาน่าจะอยู่ในแคว้นฉีเจ้าค่ะ” จากจุดที่วงกลมบนแผนที่ มีเพียงจุดเดียวอยู่ในแคว้นฉู่ และจุดอื่นๆ ต่างอยู่ในแคว้นฉีหมด
“ทำไมหรือ” เสวียนเฟยแปลกใจ
เพราะลมหายใจของมังกรอยู่ที่แคว้นฉี…หมิงเวยเลิกคิ้ว นางรู้สึกแปลกๆ อีกครั้ง ในแผนที่นั้นเห็นได้ชัดว่าแคว้นฉีมีรายละเอียดมากกว่าแคว้นฉู่ คนเขียนแผนที่เดินผ่านภูเขาแม่น้ำเพียงค ครึ่งทางเท่านั้นหรือ หรืออีกฝ่ายมีความโน้มเอียงไปทางแคว้นฉีมากกว่า
ตอนแรกนางไม่ได้คิดถึงฝั่งแคว้นฉู่เลยเพราะร่องรอยจากความทรงจำในอดีตของนาง เช่นนั้นอีกฝ่ายมีเหตุผลอะไรกัน เป็นไปได้หรือไม่ว่าอีกฝ่ายหนึ่งมีวิสัยทัศน์เหมือนกับอาจารย์
ในขณะที่กำลังคิดเสวียนเฟยกระแอมแล้วชี้ไปที่กระดานหมากล้อม “ท่านจะแพ้แล้ว”
หมิงเวยก้มหน้ามอง และเห็นว่าหมากสำคัญของนางถูกเขากินโดยไม่รู้ตัว เหลือพื้นที่ว่างมากมายบนกระดานหมากล้อม
“อ้อ” นางตอบรับ
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเสวียนเฟยหายากที่จะเอาชนะนางได้ ซึ่งตอนนี้เขารู้สึกสบายใจมาก
ในขณะที่กำลังยกอาวุธสังหารให้กองกำลังของนางพ่ายแพ้ แต่จู่ๆ เขาก็ต้องยิ้มค้าง
หมากสำคัญของนางถูกเขากำจัดไปแล้ว แต่หมากสำคัญของเขาอีกอันหนึ่งเองก็ถูกกักขังไปด้วย หมากเมื่อครู่เชื่อมต่อหมากที่กระจัดกระจายของนาง ปิดกั้นทางหนีของเขา
“ตั้งแต่เมื่อไร…” เสวียนเฟยอุทานด้วยความประหลาดใจ
“ตอนที่ท่านยุ่งกับการฆ่าฝั่งนี้ไงเจ้าคะ!” หมิงเวยชี้
เสวียนเฟยอยากจะถามว่าเมื่อครู่นางใจลอยอยู่ไม่ใช่หรือ เมื่อเห็นสีหน้าที่เหมือนจะยิ้ม แต่ก็ไม่ยิ้มของนาง เขาทำได้เพียงกลืนคำพูดของตนเองกลับอย่างเศร้าโศก
ช่างเถอะ อย่าทำให้ตัวเองอับอายอีกแล้วกัน
“ไม่เล่นต่อแล้ว วันนี้พอแค่นี้แล้วกันเจ้าค่ะ” หมิงเวยหมดความสนใจแล้ววางตัวหมากล้อมในมือกลับเข้าไปในกล่องหมากล้อม “ข้ามารับพี่ชายกลับจวนเจ้าค่ะ”
……………
จี้เสียวอู่นั่งอยู่หน้ารถม้า เขาแคะเมล็ดแตงโมต้มไปพลางพูดกับนางไปว่า
“พ้นปีใหม่นี้เจ้าก็สิบเก้าแล้วทางนั้นยังไม่พูดอะไรอีกหรือ”
หมิงเวยที่อยู่ในรถม้าตอบกลับว่า “พูดอะไรหรือเจ้าคะ”
“อย่ามาแกล้งโง่” จี้เสียวอู่เคี้ยวแล้วคายเปลือกของเมล็ดแตงโมออกมา
“แน่นอนว่าข้าพูดถึงทางด้านจวนเยวี่ยอ๋อง”
“เขาพูดแล้วก็ไม่ว่าอะไรเจ้าค่ะ” หมิงเวยพูด “เหตุใดพี่ห้าถึงสนใจเรื่องนี้ หรือว่าอาลัยอาวรณ์ข้ากัน”
จี้เสียวอู่ร้องออกมาก่อนรีบพูด “ก่อนหน้านี้ถือว่าลืมมันไป ตอนนี้มีครอบครัวแล้วยังทำตัวไร้สาระอยู่เห็นคนก็แอบกินเต้าหู้!”
หมิงเวยยิ้ม “ก่อนหน้านี้ข้าเองก็มีสัญญาหมั้นหมายนะเจ้าคะ!”
“ก่อนหน้านี้ข้า…ช่างเถอะ ไม่คุยกับเจ้าแล้ว” จี้เสียวอู่ยื่นมือเข้าไป “เอามาให้ข้าอีก”
หมิงเวยเทถั่วให้เขา จี้เสียวอู่เองก็ไม่ได้ไม่ชอบ ให้อะไรมาเขาก็กินปากเคี้ยวถั่วอย่างเอร็ดอร่อย
“พรุ่งนี้วันฉางเชิงมีลอยโคมเจ้าจะไปหรือไม่”
“พี่ห้าจะนัดหมายข้าหรือเจ้าคะ” หมิงเวยพยักหน้า “จันทร์เฉิดฉายเหนือกิ่งหลิว คนรักนัดพลอดรักกันยามสนธยา หวานซึ้งยิ่งนัก!”
“เจ้านี่มัน…” จี้เสียวอู่กลอกตา “ข้าเคยรับปากจูเอ๋อร์ไว้ว่าจะพานางไปลอยโคมเลยถามเจ้าเฉยๆ”
“อ้อ!”
“…น้ำเสียงเสียดายของเจ้าหมายความว่าอย่างไร”
หมิงเวยพูด “พี่ห้าคืออดีตคู่หมั้นของข้า”
“แล้วอย่างไร”
“สัญญาหมั้นหมายท่านเป็นคนยกเลิกเอง”
“ใช่!”
“ข้าถูกอดีตคู่หมั้นทอดทิ้งช่างน่าน้อยใจยิ่งนัก! หากหลังจากที่พี่ห้าถอนหมั้นท่านยังจำได้ไม่เคยลืม คิดเรื่องนี้ทั้งวันทั้งคืน และเสียใจอย่างสุดซึ้ง ข้าจะมีความสุขมากอย่างแน่น นอน”
“เหอะ!” จี้เสียวอู่พ่ายแพ้ต่อความหน้าหนาของนาง
หมิงเวยหัวเราะ ผ่านไปสักพักจี้เสียวอู่ถามนางว่า “ตกลงจะไปหรือไม่”
หมิงเวยตอบ “แน่นอนว่าไปเจ้าค่ะ”
จี้เสียวอู่พอใจ และหลังจากกินถั่วไปได้ครู่หนึ่งเขาก็นึกปัญหาหนึ่งขึ้นมาได้
“คนผู้นั้นล่ะ เขาไม่ได้นัดพบเจ้าหรือ”
หมิงเวยพูด “พี่ห้าฉลาดจริงๆ เขาไปด้วย”
อารมณ์ของจี้เสียวอู่ที่เพิ่งดีขึ้นกลับตกลงอีกครั้งเขาหน้าตึง “ถ้านัดกันแล้วจะมาด้วยทำไมกัน”
หมิงเวยยิ้ม “ท่านจะออกไป ข้าเองก็จะออกไปประจวบเหมาะพอดี ท่านพูดเองนะเจ้าคะ”
ได้…
จี้เสียวอู่นึกคำพูดของตนเองก็ไม่สามารถโต้เถียงอะไรได้ แต่เขาตั้งใจไว้แล้วว่า เมื่อไปถึงจะแยกกับพวกเขาทันทีจะไม่มองพวกเขาตัวติดกันอย่างแน่นอน!
………………