คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 595 พรสามข้อ
หยางชูมองกระจกซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เสี่ยวถงทนไม่ไหว “ท่านอ๋อง ท่านงามแล้วเจ้าค่ะ ไม่ต้องมองแล้ว!”
“จริงหรือ” หยางชูลูบเครื่องประดับที่เอว “ทองชิ้นนี้ธรรมดาเกินไปหรือเปล่า เปลี่ยนเป็นหยกแทนดีหรือไม่”
เสี่ยวถงไม่มีทางเลือกนอกจากนำกล่องที่ใส่เครื่องประดับหยกมา และให้เขาเลือกเอง “ท่านชอบอันไหนเจ้าคะ”
“อืม…”
มีให้เลือกเยอะแยะลายตาไปหมดในท้ายที่สุดเสี่ยวถงก็หยิบขึ้นมาหนึ่งอันแล้วแขวนให้เขา
“ไปกันเถอะเจ้าค่ะ! สายแล้ว!” เสี่ยวถงผลักเขาออกไป
เมื่อทั้งสองเดินไปที่ทางแยกก็เห็นอาหว่านที่แต่งตัวเสร็จกำลังเดินออกไปข้างนอก
“พี่อาหว่าน!” เสี่ยวถงกวักมือเรียก “พี่เองก็จะออกไปด้วยหรือ”
“อา” อาหว่านตกใจแล้วพูดคลุมเครือ “อืม จะออกไปเดินเล่นหน่อย”
“เช่นนั้นพวกเราก็ไปด้วยกันเถอะ!”
“ไม่…” ทันทีที่พูดออกไปอาหว่านก็ตระหนักได้ว่าตนเองปฏิเสธเร็วเกินไป ท่ามกลางสายตาสงสัยของหยางชู และเสี่ยวถง นางจึงพยักหน้า “ได้สิ ประหยัดรถดี”
ดังนั้นทั้งสามจึงขึ้นรถ และเดินทางไปที่วัดฉางเซิง เทศกาลหยวนเซียว[1]ในวันนี้ รถม้า และฝูงชนเนืองแน่นเต็มท้องถนน พวกเขาออกไปในตอนเย็น และเมื่อไปถึงวัดฉางเซิงก็มืดแล้ว
หยางชูเดินทางไปพบหมิงเวย และตระกูลจี้ตามสถานที่ที่นัดเอาไว้ ทุกคนมากันครบยกเว้นนายท่านจี้ และจี้ฮูหยิน จี้หลิงทำความเคารพเขาทั้งสองพูดคุยกันอย่างกระอักกระอ่วน
หลังจากพูดคุยกันครู่หนึ่งสะใภ้ต่งฟังต่อไปไม่ไหวจึงดึงแขนเสื้อของจี้หลิง
“ท่านอ๋อง พวกเราขอตัวพาเด็กๆ ไปเล่นกันก่อนขออภัยด้วยเพคะ”
หยางชูแทบรอไม่ไหวจึงรีบพูดออกไปว่า “เชิญทั้งสองตามสบาย”
จี้เสียวอู่กลอกตา และจากไป “ยามซวีเจอกันที่นี่อย่าผิดเวลาล่ะ”
“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะพี่ห้า”
หยางชูหันไปถาม “แล้วพวกเจ้าล่ะ”
เสี่ยวถงชี้ไปที่ร้านค้าแถวๆ ริมถนน “ข้าจะไปหาของกิน! พี่อาหว่านไปด้วยกันหรือไม่”
อาหว่านตอบ “ข้าจะไปเดินเล่นก่อนอีกประเดี๋ยวจะไปหาเจ้า”
“ได้ อย่างไรข้าก็อยู่แถวนี้อย่างไรท่านก็หาเจอ”
“อืม”
หลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันไปแล้ว หยางชูแทบรอไม่ไหวที่จะถามหมิงเวยว่าจะไปที่ไหนกันดี แต่เมื่อเขาหันศีรษะไปเห็นนางจ้องมองที่แผ่นหลังของอาหว่านอย่างครุ่นคิด
“ทำไมหรือ”
“ท่านไม่คิดว่าอาหว่านดูแปลกไปหรือ” หมิงเวยถามเขา
หยางชูคิดแล้วส่ายหน้า “ไม่นะ! ปกตินางก็เป็นเช่นนี้อยู่แล้วคิดนู่นคิดนี่ไปเรื่อย”
“งั้นหรือ”
“อย่าคิดถึงนางเลย มีช่วงเวลาดีๆ ให้ออกมาเช่นนี้ไม่บ่อยหรอกนะ อาหว่านไม่เป็นอะไรหรอก”
หมิงเวยคิดตามก็เห็นด้วยวรยุทธ์ของอาหว่านนั้นดีมากพวกคนไม่ดีทำอะไรนางไม่ได้หรอก
“เทศกาลโคมไฟ แน่นอนต้องดูโคมไฟก่อนไปที่นั่นกัน”
เมื่อพวกเขาจากไปอาหว่านก็ออกจากมุมนางยืนครู่หนึ่งแล้วเดินไปทางริมแม่น้ำ คนเยอะมากโดยเฉพาะริมแม่น้ำ ผู้คนที่อยากลอยโคมเดินพลุกพล่าน ทางวัดฉางเซิงก็กลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุจึงมัดเชือกป่านหนาๆ ตามต้นไม้เพื่อไม่ให้ผู้ใดล้ม
เนื่องจากมีผู้คนจำนวนมากแสงไฟจึงติดๆ ดับๆ เพียงอาหว่านปราดตามองก็เห็นคนบนสะพานหมิงเยวี่ย
วันนี้เขาแต่งตัวดูดีเป็นพิเศษโดยสวมชุดสีดำใหม่เอี่ยม เขาเอามือข้างหนึ่งไพล่หลังแล้วก้มหน้ามองโคมที่ลอยเหนือผิวน้ำ จนถึงตอนนี้อาหว่านยังรู้สึกเหมือนอยู่ในความฝัน
คุณชายซูผู้นั้นแอบชอบนาง นางรู้ตัวดี นางรู้มาตลอดว่าตนมีเสน่ห์ดึงดูดเพศตรงข้าม คนพวกนั้นไม่รู้ว่านางเป็นคนอารมณ์ร้อนไม่รู้ว่านางพูดจาโหดร้าย แค่ดูจากรูปลักษณ์ภายนอกก็คิดว่านางเป็นสตรีที่เข้าอกเข้าใจผู้อื่น งดงาม และอ่อนโยน
แต่นางคิดว่าคุณชายซูคงไม่พูดออกไปเช่นนั้น
คุณชายผู้มั่งคั่ง ฉลาดมีความรู้ความสามารถอีกทั้งยังมีรูปร่างหน้าตาที่ดีเช่นเขา เพียงแค่พูดชื่นชมสิ่งที่เขาต้องทำมีข้อจำกัดมากเกินไป
อาหว่านจำสิ่งที่เขาพูดในวันนั้นได้นางคิดอยู่นาน และถามเขาว่า “คุณชายซู ท่านหมายความว่าอะไร ต้องการช่วยไถ่ตัวข้าหรือเจ้าคะ”
ซูถูมองนาง “ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่เงินทำไม่ได้ การไถ่ตัวนางในที่ขึ้นทะเบียนในวังแม้จะเป็นเรื่องยาก แต่ตราบใดที่มีเงินเพียงพอก็สามารถซื้อผ่านด่านทีละชั้น เพียงแค่รายงานอาการป่วยของท่านไปก็สามารถปล่อยออกมาได้ เมื่อถึงตอนนั้นข้าจะพาท่านไปจากที่นี่ ไปที่บ้านเกิดของข้าแล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง”
“หลังจากนั้นล่ะเจ้าคะ” อาหว่านทำท่าทีบีบคั้นเขา
นางโกรธมากตั้งแต่นางได้พบกับคุณชายซูผู้นี้ทั้งสองก็ได้พบกันหลายครั้งและพวกเขาก็มีความรู้สึกว่ารู้จักกัน นางคิดว่าถึงแม้โชคชะตากำหนดให้พบกันเพียงไม่กี่ครั้ง แต่ในที่สุดทั้งสองก็จะกลายเป็นคนแปลกหน้า แต่ถ้าหากทั้งสองใจตรงกันมันจะเป็นความทรงจำที่ดีในอนาคต
แต่ตอนนี้เขาต้องการทำอะไร โลภมากไม่รู้จักพอ อยากเปลี่ยนการพบกันที่ดีให้มันแย่ลงหรือ นางคิดว่าตนเองตั้งคำถามซูถูกลับไม่ได้คิดอะไรมากมาย
เมื่อได้ยินนางถามเช่นนี้เขาก้มศีรษะลงเล็กน้อยอย่างลังเล แก้มแดงเล็กน้อยแล้วพูดเบาๆ ว่า “หลังจากนั้นท่านอยากทำอะไร หากท่านชอบเด็ก พวกเราก็เลี้ยงลูกสักสองสามคน หากท่านไม่ชอบก็ไม่เป็นไร ข้ามีน้องชายเขาสามารถมีได้อีกหลายคน”
อาหว่านอึ้งไปครู่หนึ่ง และพบว่าสิ่งที่เขาคิดนั้นดูแตกต่างไปจากที่ตนคิดเอาไว้ นางนึกถึงคำพูดของซูถูซ้ำแล้วซ้ำเล่า และจับอะไรบางอย่างได้
“ท่าน ท่านขอข้าแต่งงานหรือ”
ซูถูพยักหน้า “แน่นอน”
“…”
เมื่อเห็นอาหว่านนิ่งเงียบเขาจึงถามอย่างระมัดระวัง “ไม่ได้หรือ ข้ารู้ว่ามันกะทันหันเกินไป แต่…ข้าต้องรีบกลับไป ไม่รู้ว่าในอนาคตจะมีโอกาสได้พบท่านอีกหรือไม่ ถ้าไม่พูดออกไปอาจกลายเป็นความเสียใจไปตลอดชีวิต”
อาหว่านอยากปฏิเสธ แน่นอนว่านางไม่สามารถไปได้จะไปได้อย่างไร นางไม่สามารถทิ้งท่านอ๋อง ไม่สามารถทิ้งอาสวนแล้วก็ไม่สามารถทิ้งเสี่ยวถงได้ พวกเขาอยู่ด้วยกันเหมือนครอบครัวแล้วนางจะทิ้งพวกเขา และตามบุรุษคนหนึ่งไปได้อย่างไร
แต่นางอ้าปากพูดไม่ออก
ซูถูยิ้ม ความประหม่าของเขาคลายลงเล็กน้อยเขาพูดว่า “แม่นางไม่ต้องรีบให้คำตอบก็ได้ ท่านกลับไปคิดดูการจากบ้านไกลเมืองเป็นเรื่องที่ต้องคิดให้รอบคอบ”
อาหว่านไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนาง แต่นางกลับไปทั้งอย่างนี้จริงๆ
ในช่วงปีใหม่นางอยู่กับความสับสนงุนงงมาหลายวันแล้ว อยู่มาวันหนึ่งในตอนที่นางกำลังออกจากจวนก็มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งรออยู่ตรงหัวมุมถนนจวนอ๋อง เขามอบจดหมายให้นางแล้ววิ่งหนีไป
บนกระดาษเขียนคำอยู่หกคำ ในคืนเทศกาลโคมไฟ สะพานหมิงเยวี่ย
อาหว่านเดาได้ว่าผู้ใดเป็นคนนัดนาง นางถูกนัดหมายโดยไม่รู้ตัว
แน่นอนว่านางต้องปฏิเสธ นางคิดว่าการไปพบครั้งนี้เพื่อบอกปฏิเสธด้วยตนเอง และขอให้เขาตัดใจ แต่พอยืนอยู่ที่นี่นางก็เปลี่ยนใจ
บางทีนางอาจไม่ต้องไปที่นัดหมาย หากเขาไม่พบคนที่รอก็ต้องกลับบ้านเกิดไปเอง
เหตุใดต้องปฏิเสธต่อหน้าให้เกิดความกระอักกระอ่วนใจกันด้วย อาหว่านตัดสินใจอย่างรวดเร็ว และหันหลังเดินจากไป
เทศกาลโคมไฟนี้ทั่วทั้งเมืองหยุนจิง และห่างออกไปหลายสิบลี้ในเขตชานเมืองของเมืองหลวงมีการจุดไฟสว่างไสว ลอยโคมให้ลอยไปตามน้ำพัดพาคำอธิษฐานของผู้คน
อาหว่านซื้อโคมสองสามอันที่แผงขายโดยแต่ละโคมมีความปรารถนาของนางเขียนเอาไว้
หนึ่ง ขอให้ท่านอ๋องสมปรารถนาในทุกๆ เรื่องอยู่กันจนแก่จนเฒ่า
สอง ขอให้ญาติพี่น้องอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน และไม่มีวันพรากจากกันไปตลอดชีวิต
สาม…ขอให้คุณชายซูเดินทางอย่างราบรื่น และชีวิตนี้ไม่จำเป็นต้องพบกันอีก
………………
[1] เทศกาลหยวนเซียว : ใช้เรียกคืนที่พระจันทร์เต็มดวงครั้งแรกในรอบปีหลังผ่านพ้นตรุษจีน สำหรับคืนนี้ มีประเพณีว่า ชาวจีนจะต้องรับประทานบัวลอยกันในครอบครัว และออกไปชมโคมไฟที่จะนำมาประดับประดากันอย่างสวยงาม ดังนั้น จึงมีการเรียกเทศกาลนี้อีกอย่างว่า เทศกาลโคมไฟ