คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 596 คำใบ้บนโคมไฟ
เมื่อเทียบกับเสวียนตูกวันแล้วบรรยากาศของวัดฉางเซิงคึกคักกว่าเยอะ
เนื่องจากมีคนแวะเวียนมาอย่างท่วมท้นหน้าประตูวัดจึงมีการขยายถนน ร้านชา ร้านขายเครื่องหอม ร้านขนมจึงมารวมอยู่ด้วยกันซึ่งดูคึกคักมีชีวิตชีวามาก
เมื่อถึงเทศกาลโคมไฟ และเทศกาลไหว้พระจันทร์ วัดฉางเซิงจะจัดกลุ่มกวีนิพนธ์ด้วยซึ่งเหล่าบัณฑิตจะมารวมตัวกัน
แม้เสวียนตูกวันจะกินเสบียงหลวง และถึงจะหยิ่งเพียงใดก็ยังเป็นที่โปรดปรานของราชวงศ์อยู่ ถ้าวัดฉางเซิงไม่ฉลาดพอจะไปแข่งขันด้วยได้อย่างไร
หมิงเวย และหยางชูหยุดดูโคมไฟบนถนน และเดินตามฝูงชนเข้าไปในวัด มีคนคุยเสียงดังอยู่ข้างๆ เขา
“ได้ยินมาว่างานทายปริศนาโคมไฟปีนี้วันฉางเซิงได้สร้างด่านทั้งหมดแปดสิบเอ็ดด่าน ผู้ที่ผ่านด่านทั้งหมดสามารถไปพบเจ้าอาวาสฝ่าหมิงได้”
“เจ้าอาวาสฝ่าหมิงที่ทำนายคู่ชะตาได้แม่นผู้นั้นน่ะหรือ”
“ใช่ๆๆ ว่ากันว่าเจ้าอาวาสฝ่าหมิงคือผู้เฒ่าจันทรา[1]กลับชาติมาเกิด หากเจ้าได้รับพรจากเขา โชคชะตาจะถูกกำหนดไว้ให้คู่กันถึงสามชาติภพ อยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่า”
“เช่นนั้นจะรออะไรล่ะ พวกเรารีบไปเร็ว!”
“ไปๆๆ!”
หยางชูได้ยินก็คล้อยตาม “พวกเรา…”
หมิงเวยหลุดหัวเราะออกมา “ผู้เฒ่าจันทราเป็นเทพบนสวรรค์ ดูเหมือนจะไม่ได้อยู่เส้นทางเดียวกับพระพุทธศาสนาไม่รู้ว่าจะกลับชาติมาเกิดได้อย่างไร”
“…” นางพูดเช่นนั้นหากตนจะพูดเรื่องนี้ขึ้นอีกรอบก็ดูงี่เง่าไปแล้ว
หมิงเวยเหลือบมองเขา และรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่จึงอดหัวเราะไม่ได้แล้วพูดว่า “แต่ปริศนาโคมไฟแปดสิบเอ็ดด่านฟังดูน่าสนใจดีจะไปดูหรือไม่”
หยางชูรู้สึกดีใจ แต่ก็แสร้งทำเป็นขรึม “ได้!”
ปริศนาโคมไฟของวัดฉางเซิง แบ่งออกเป็นเก้าลาน เมื่อเข้ามาจากประตูวัด ลานหนึ่งเชื่อมต่อกับอีกลานหนึ่ง และยาวไปจนถึงห้องโถงใหญ่
หากไขปริศนาได้ถึงตรงนั้นก็จะสามารถเข้าไปพบเจ้าอาวาสฝ่าหมิงได้ พวกเขาเข้าไปในลานแรก ไม่ไกลจากประตูวัดมีหอที่ประดับไปด้วยโคมไฟแห่งหนึ่งตั้งอยู่
สตรีในชุดคลุมสีแดงหยุดอยู่หน้าโคมไฟ และเงยหน้าขึ้นมอง ตะเกียงสว่างไสวส่องใบหน้าที่งดงามทว่าเงียบขรึมของนางเล็กน้อย
เด็กหนุ่มในชุดต๋วนต่า[2]เดินเข้ามาหานาง ท่าทีทำเป็นดูโคมไฟแล้วพูดว่า
“พวกเขาเข้าไปแล้ว”
ดวงตาของหญิงสาวมองตามโคมแล้วก็หัวเราะเบาๆ “ข้ารู้ว่าพวกเขาหลีกเลี่ยงธรรมเนียมนี้ไม่ได้”
อีกฝ่ายมีสีหน้าลังเลเขาเอ่ยถามว่า “ซิ่วอี๋ ที่นี่คือในเขตชานเมืองหยุนจิง เคล็ดวิชา และวรยุทธ์ของพวกเขาไม่ได้ด้อยเลย เช่นนี้ไม่เสี่ยงไปหน่อยหรือ”
คุณหนูผู้นี้มีหน้าตาเหมือนเวินซิ่วอี๋ แต่นางไม่ได้แซ่เวิน
นางพูดอย่างเย็นชา “หลังจากสูญเสียครั้งใหญ่เช่นนั้นไปจะให้ข้าไม่ทำอะไรเลยแล้วกลับไปอย่างสิ้นหวังหรือ เจ้าคิดว่าข้าจะไปอธิบายกับศิษย์พี่อย่างไร”
เด็กหนุ่มพูดว่า “คุณชายรองต้องเข้าใจ แม้แต่เจ้าสำนักเสวียนตูกวันก็ลงมือแล้ว”
“แล้วอย่างไร สำนักหมอผีของพวกเราเทียบกับเสวียนตูกวันไม่ได้หรือ”
“ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น…”
“อย่ารอช้าเลย อย่างที่เจ้าพูดที่นี่คือชานเมืองหยุนจิง พวกเราไม่มีเวลามาก ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่พวกเราต้องจากไปในคืนนี้”
“…ได้”
………….
เวลาผ่านไปทีละน้อย ในที่สุดบนสะพานหมิงเยวี่ยก็ไร้ผู้คน ซูถูยืนตัวชาอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งนักดนตรีหูเหรินหยุดอยู่ข้างๆ เขาโดยไม่ได้ตั้งใจ
“คุณชาย พอเถอะขอรับ” ซูถูไม่ขยับ
นักดนตรีหูเหรินพูดเสียงเบา “ข้าน้อยเตรียมพาหนะเรียบร้อยแล้วขอรับ พวกเราจะช้าไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว”
ซูถูพูด “เทศกาลโคมไฟยังไม่จบ”
นักดนตรีหูเหรินกังวลเล็กน้อย “คุณชาย! ท่านรับปากแล้วว่าจะรอจนถึงเทศกาลโคมไฟ”
“อย่างที่บอก เทศกาลโคมไฟยังไม่จบ”
นักดนตรีหูเหรินไม่สามารถเถียงเขาได้จึงทำได้เพียงถอยมาหนึ่งก้าว “ขอรับ ข้าน้อยจะบอกให้พวกเขารออีกหน่อย”
หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่งเขาก็อดไม่ได้ที่จะโน้มน้าวใจอีกครั้ง “แค่สาวใช้คนหนึ่ง หากท่านต้องการข้าน้อยสามารถซื้อสาวงามจำนวนมากกลับไปได้นะขอรับ แบบนี้ดูไม่คุ้มเสียเท่าไร”
ในที่สุดซูถูก็หันมามองเขาอย่างเย็นชา ภายใต้สายตาของเขานักดนตรีหูเหรินอดไม่ได้ที่จะย่นคอ
“ข้ารู้ว่าพวกเจ้าคิดอะไรอยู่ ท่านย่าของข้าเป็นคนจงหยวน มารดาของข้าก็เป็นคนจงหยวน หากข้าแต่งกับสตรีจงหยวนสายเลือดแห่งทุ่งหญ้าจะยังคงอยู่หรือ”
น้ำเสียงอันเยือกเย็นของเขาเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายความโหดเหี้ยม “แต่ข้าจะบอกเจ้าไม่ว่าแม่ของลูกข้าจะเป็นผู้ใด เขาจะต้องแข็งแกร่งที่สุดเพื่อที่จะเป็นเจ้าแห่งทุ่งหญ้า”
นักดนตรีหูเหรินอ้าปากค้าง แต่ก็ถูกรัศมีของอีกฝ่ายกดดันจึงตอบได้คำเดียวว่า “ขอรับ”
ซูถูมองดูโคมในแม่น้ำที่ค่อยๆ ลดน้อยลง หลับตาลงด้วยความรู้สึกผิดหวังอย่างสุดจะอธิบายได้
เวลานี้แล้วนางคงไม่มาแล้วล่ะ พวกเขาไม่มีวาสนากันจริงๆ หรือ
“งานทายปริศนาโคมไฟในวัด คนบุกเข้าไปในลานที่เก้า!”
“อา เป็นไปไม่ได้เลยที่จะได้เห็นเจ้าอาวาสฝ่าหมิงทันที”
“ใช่! น่าอิจฉาจริงได้ยินมาว่าเจ้าอาวาสฝ่าหมิงเป็นผู้เฒ่าจันทรา และสามารถช่วยผูกโชคชะตาให้นำคู่รักให้มาพบกัน”
“ไป พวกเรารีบไปกันเถอะ” ซูถูมองขึ้นไปที่วัด
“ผูกโชคชะตา…” เขาพึมพำจากนั้นก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปที่นั่นโดยไม่รู้ตัว
……………
หมิงเวย และหยางชูเดินฝ่าปริศนาไปตลอดทาง ลานทั้งเก้าแห่ง แต่ละแห่งมีปริศนาโคมไฟเก้าอัน
ในตอนแรกก็เป็นปริศนาปกติคนที่เรียนหนังสือมาไม่กี่ปีก็สามารถตอบได้
แต่ยิ่งผ่านไปปริศนายิ่งลึกขึ้นคนที่ผ่านด่านค่อยๆ ลดน้อยลง
เมื่อมาถึงลานที่ห้าปริศนาที่ออกมานั้นช่างเหลือเชื่อ ผู้คนที่มีพรสวรรค์มากมายที่ชำนาญในบทกวีต่างนิ่งงันเช่นกัน
“ในทะเลจีนตะวันออกมีสัตว์ร้ายที่กินคนได้เป็นสัตว์ชนิดใด” บัณฑิตที่หยิบปริศนานี้ขึ้นมาอ่านออกเสียงแล้วจ้องไปที่พระผู้เฝ้าโคมไฟ “นี่มันคำถามอะไรกัน ท่านคงไม่ได้ตั้งใจจะ ะทำให้คนอื่นลำบากหรอกนะ”
ตามกฎแล้วเมื่อทุกคนจับปริศนาขึ้นมาตนเองทำได้แค่เดา แต่ไม่สามารถพูดออกมาได้ แต่เพราะคนที่มาถึงด่านนี้มีจำนวนมากเกินไป ผู้คนอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่ามีคำตอบสำหรับปริศนานี้หร รือไม่ซึ่งพระผู้เฝ้าโคมไปก็อ่านความคิดของอีกฝ่ายออก
“โยม ปริศนานี้มีคำตอบจริงๆ” พระผู้เฝ้าโคมตอบ
“เช่นนั้นท่านตอบมาหนึ่งอย่าง!” บรรดาผู้ถูกดูหมิ่นก็ตะโกนว่า “ผู้ใดจะไปรู้ล่ะว่าพวกท่านจงใจสร้างปริศนาที่ไม่มีคำตอบหรือไม่ เพราะไม่ต้องการให้พวกเราได้พบเจ้าอาวาสฝ่าหมิง”
พระผู้ดูแลโคมไฟยิ้มแย้มในตอนแรก แต่เมื่อผู้คนส่งเสียงกันมากขึ้นเรื่อยๆ เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกลำบากใจ
“โยม…”
“เป็นชื่อเจี่ยว” จู่ๆ ก็มีเสียงหวานใสดังขึ้น พระผู้ดูแลโคมไฟมองต้นเสียงด้วยความประหลาดใจ
ฝูงชนเปิดทางให้บุรุษรูปงาม ‘ชั้นเลิศ’ เดินออกมาก่อนเขายื่นมือออกมากั้น เปิดทางให้สตรีที่อยู่ข้างหลังเขา
ภายใต้แสงไฟแม่นางผู้นั้นพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา และสงบ “ในบันทึกภูมิศาสตร์มีเมฆ ทะเลฝั่งตะวันออกมีสัตว์ร้าย ใบหน้ามนุษย์ ร่างกายเป็นหมู มีเกล็ด มีเสียงเหมือนสุนัขที่เรียกว่าชื อเจี่ยว ในคัมภีร์หนานฉุ่ยกล่าวถึงอีกว่ามันเจ้าเล่ห์ดุร้าย และกินคนได้ ดังนั้นสัตว์กินคนในทะเลจีนตะวันออกจึงถูกเรียกว่าชื่อเจี่ยว”
ผู้ชมตกตะลึงครู่หนึ่ง และบัณฑิตผู้ตั้งคำถามนึกชื่อหนังสือในหัวของเขา แต่ก็ไม่พบหนังสือสองเล่มนี้ เขาคิดว่าตนเองมีความรู้กว้างขวาง แม้ว่าจะไม่เคยอ่านแต่ก็น่าจะได้ยินมาบ้ างเขาถามออกไปว่า “นั่นคือหนังสืออะไรกัน เหตุใดข้าถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน”
“บันทึกภูมิศาสตร์เป็นบันทึกการเดินทางสมัยโบราณ ส่วนคัมภีร์หนานฉุ่ยเป็นหนังสือคานอวี๋[3]” อีกฝ่ายตอบเสียงเรียบ “หนังสือสองเล่มนี้ไม่มีประโยชน์สำหรับการสอบ ท่านไม่เคยได้ยิน มาก่อนดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติ”
…………….
[1] ผู้เฒ่าจันทรา : เทพผู้บันดาลรักและการแต่งงานตามความเชื่อของชาวจีน
[2] ต๋วนต่า : ชุดสำหรับฝึกการต่อสู้
[3] คานอวี๋ เป็นชื่อเรียกแรกดั้งเดิมของศาสตร์ฮวงจุ้ย