คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 60 ประชุม
ศพถูกนำออกมา งานไว้อาลัยกลายเป็นการสอบสวนคดี
เจี่ยงเหวินเฟิงขอยืมห้องหนึ่งในเรือนตระกูลหมิงเพื่อเคลื่อนย้ายกระดูกผู้ตายมาไว้ที่นี่แล้วเชิญหมิงเวยเพื่อทำการสอบถามเพิ่มเติม
นางเป็นคนรายงานคดีนี้ด้วยวิธีนี้ผู้ใดจะมาจับผิดได้
เมื่อนางขอคำแนะนำจากตนอย่างตรงไปตรงมา นายท่านสองจึงทำได้แค่กลืนความขมขื่น และพยักหน้าเห็นด้วย
ทางด้านฉีตงจวิ้นอ๋องได้ส่งคนมาบอกลาอย่างรวดเร็ว นายท่านสองจึงไม่มีทางเลือก ได้แต่ให้ทุกคนในบ้านออกไปส่งเขาด้วยความเคารพ
เจ้าหน้าที่ทุกคนที่มาแสดงความเสียใจล้วนเดินทางกลับไปทีละคน
นายท่านสองเกรงว่าพวกเขาจะนำเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ไปพูดต่อโดยบิดเบือนความจริงจึงมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้แต่ละคนอย่างเงียบๆ
แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่เหล่าเจ้าหน้าที่จะไม่พูดถึงเรื่องนี้เลย หวังว่าของขวัญที่เขามอบให้ไปนั้นจะทำให้พวกเขามีความเมตตาให้กันสักนิด…
หลังส่งแขกคนสุดท้ายเสร็จ หัวของนายท่านสองแทบจะระเบิด
ฮูหยินสองถามเขาอีกครั้ง “ท่านพี่ เรื่องของใต้เท้าเจี่ยงจะทำอย่างไรเจ้าคะ”
นายท่านสองอารมณ์ไม่ดี “ก็ต้องไหลไปตามน้ำ ยังทำอย่างไรได้อีกเล่า”
ท่าทางของฮูหยินสองดูเคร่งขรึม “ท่านพี่จะโมโหอันใดเจ้าคะ ตอนที่พวกท่านก่อเรื่องนี้ขึ้น ไม่คิดว่าวันนี้จะมาถึงเลยหรือ”
ได้ยินอย่างนั้นนายท่านสองก็ชะงักแล้วมองนางอย่างสงสัย “เจ้าไปรู้เรื่องอันใดมา”
“ข้าจะไปรู้เรื่องอันใดได้เจ้าคะ” ฮูหยินสองหัวเราะเยาะตนเอง “ตอนท่านทำ ท่านเคยถามข้าหรือ”
“แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับพวกเรา”
น้ำเสียงของฮูหยินสองดูใจจืดใจดำ “หากไม่ใช่พวกท่านพี่น้องทำแล้วผู้ใดจะทำกันเล่า พวกท่านเป็นเช่นนี้มาโดยตลอดมิใช่หรือ ตอนทำไม่พูดอันใดออกมาสักคำ พอเรื่องแดงขึ้นมาก็ให้พวกเรามาปกปิดความผิดนี้ หากวันใดพวกเราทุกคนได้ตกนรก ทั้งหมดก็เป็นเพราะพวกท่าน!”
นายท่านสองหมดความอดทน “ข้าทำเพื่อตัวเองหรืออย่างไร ข้าทำเพื่อพวกเจ้า! เพื่อตระกูลของเรา!”
“ท่านพี่อย่าพูดจาสง่าผ่าเผย ทั้งๆ ที่ความจริงไม่ใช่เลยเจ้าค่ะ” ฮูหยินสองหัวเราะเสียงเย็น “พวกเราไม่ได้อยู่ดีกินดีอยู่แล้วหรอกหรือ เหตุใดพวกท่านถึงได้คิดการใหญ่ ต้องการความมั่งคั่ง ยศถาบรรดาศักดิ์ อนาคตที่ดี แต่พวกเราสตรีและเด็กกลับเป็นฝ่ายถูกตำหนิแทน”
วันนี้พบเจออุปสรรคมาทั้งวันใจของนายท่านสองจึงร้อนดั่งไฟ พอฮูหยินสองพูดเช่นนี้ ความโกรธของเขาจึงไม่สามารถยับยั้งได้ “เจ้ารู้แต่งานบ้านงานเรือน! ซานเกออีกไม่นานต้องลงสนามสอบ เจ้าไม่อยากให้เขามีอนาคตที่ดีหรือ ลิ่วเกออีกไม่นานก็เติบใหญ่ เจ้าอยากให้เขาเป็นเหมือนพวกเราหรือ อยู่ที่ตงหนิงไปตลอดชีวิตงั้นหรือ”
“ท่านพี่อย่าหลอกตัวเองเลย” ฮูหยิงสองยังคงนิ่งไม่ไหวติง “ซานเกอจะสอบได้หรือไม่ได้ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเขา หากเขาไม่มีความสามารถพอก็ค่อยซื้อตำแหน่งให้เขาก็ได้ ให้เขาเดินไปข้างหน้าด้วยตนเอง ลิ่วเกอเป็นคนหัวช้าสอบคัดเลือกผ่านก็นับว่าไม่เลว ได้เป็นเจ้าบ้านในอนาคตไม่ดีตรงไหนกัน หากท่านคิดทำเพื่อลูกจริง คงไม่ทำให้ต้าเจียเอ๋อร์ลูกสาวเราต้องลำบากเช่นนี้แต่แรกหรอก!”
พูดถึงเรื่องนี้ฮูหยินสองก็น้ำตาคลอเบ้า
เรื่องนี้อีกแล้ว!
นายท่านสองไม่เพียงแต่ไม่รู้สึกผิด แต่ยังรู้สึกเบื่อหน่ายยิ่งขึ้น พูดเรื่องนี้ซ้ำไปซ้ำมา แม้ในตอนแรกเรื่องนี้จะเป็นความผิดของเขา แต่ผ่านไปนานแล้วความรู้สึกละอายใจของเขาก็หายไปหมดแล้ว
“เรื่องของลูกสาวเรา ข้าเต็มใจงั้นหรือ” นายท่านสองหงุดหงิด “ข้าบอกท่านกี่รอบแล้ว เช่นนี้เป็นการดีที่สุดสำหรับลูกเราแล้ว! เราไม่สามารถทำให้เรื่องวุ่นวายได้ ไม่เช่นนั้นแม้แต่ส่งนางออกเรือนที่แดนไกลก็ไม่สามารถทำได้!”
ดวงตาของฮูหยินสองแดงระเรื่อ “ผู้ใดบอกให้ลูกออกเรือนไปแดนไกลกัน ลูกลำบากเช่นนั้น ท่านในฐานะบิดาไม่คิดที่จะแสวงหาความยุติธรรมให้ลูกเลยหรือ ท่านยังเหมาะสมที่จะเป็นบิดาอยู่อีกหรือไร”
นายท่านสองเดือดจัดจนแทบจะทะเลาะกับฮูหยินสอง ในตอนนั้นเองก็มีสาวใช้เดินเข้ามาขอคำแนะนำจากฮูหยินสอง นายท่านสองจึงจำต้องระงับอารมณ์ของเขาไว้แล้วพูดว่า “ทางนี้ท่านสั่งให้คนดูแลรับใช้ให้ดีๆ พวกเขาต้องการอันใดก็จัดหาให้ซะ พวกเขาเป็นหน่วยลาดตระเวน อย่าทำให้พวกเขาไม่พอใจล่ะ”
แล้วเขาก็เดินจากไปฮูหยินสองมองเขาเดินจากไปอย่างไม่แยแสแล้วหัวเราะเยาะในใจ
นางรู้ว่าเขาจะไปที่ใด คงเป็นเรือนแปลกประหลาดนั่นอีกแล้ว
สิบปีแล้วนอกจากแม่เฒ่าหม่าก็ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้าไป
หึ ปล่อยให้เขาอยู่กับแม่เฒ่าหม่าไปตลอดชีวิตเถอะ!
…………
เหลยหงในชุดเครื่องแบบอย่างเป็นทางการเดินออกมาพร้อมกระบี่ในมือ
“คุณหนูเจ็ด ใต้เท้าให้มาเชิญท่านขอรับ”
หมิงเวยย่อกายให้แล้วเดินเข้าไปด้านใน ห้องแห่งนี้อยู่ภายในสวนอวี๋ฟาง เดิมทีคนสวนใช้วางของจิปาถะ มีพื้นที่ไม่ใหญ่มาก และไม่มีสิ่งปลูกสร้างอื่นใดอยู่รอบๆ เลยแม้แต่น้อย
เจี่ยงเหวินเฟิงขอยืมห้องนี้จึงได้ย้ายของใช้จิปาถะทั้งหมดออกไปเหลือเพียงเตียงไม้ไผ่ ส่วนโครงกระดูกได้ถูกวางบนเสื่อแล้วนำไปวางบนเตียงไม้ไผ่อีกที
เมื่อหมิงเวยเดินเข้าไปในห้อง เขาและผู้ใต้บังคับบัญชาหลายคนกำลังทำการชันสูตรพลิกศพแล้วพูดคุยกัน
“คารวะใต้เท้าเจี่ยง”
เจี่ยงเหวินเฟิงทำความสะอาดมือของเขาพลางพูดว่า “คุณหนูเจ็ด สถานการณ์ในตอนนี้มีความซับซ้อน ข้าจึงทำได้เพียงขอให้ท่านมาที่นี่เพื่อพูด เพราะฉะนั้นท่านไม่ต้องแปลกใจ ”
หมิงเวยตอบกลับไป “ข้าน้อยเข้าใจเจ้าค่ะ เมื่อเป็นเช่นนี้จำเป็นต้องพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมา และไม่ให้ผู้อื่นเข้ามาสอดแนม”
เดิมทีเจี่ยงเหวินเฟิงคิดว่า การเรียกสตรีที่ยังไม่ออกเรือนเข้ามาในห้องที่มีศพอาจทำให้ตกใจได้ ผู้ใดจะคิดว่านางพูดออกมาเช่นนี้แล้วยังมองไปที่โครงกระดูกอย่างไม่กลัวเกรง
เจี่ยงเหวินเฟิงนึกในใจแล้วถามไปว่า “คุณหนูเจ็ด ท่านรู้ได้อย่างไรว่าโครงกระดูกถูกฝังอยู่ใต้ต้นหลิวต้นนั้น ท่านฝันเห็นจริงๆ หรือ”
หมิงเวยตอบ “เรื่องที่ข้าน้อยพูดไปก่อนหน้านี้ที่ว่าฝันเห็นวิญญาณร้ายเป็นเรื่องโกหกเจ้าค่ะ”
“อ้อ คุณหนูเจ็ดหมายถึงเห็นภูติผีน่ะหรือ”
หมิงเวยพยักหน้า “ไม่ทราบว่าใต้เท้าเจี่ยงเคยได้ยินข่าวลือของตระกูลเราหรือไม่เจ้าคะ ข้าน้อยเป็นสตรีโง่เขลา เดือนก่อนพบผีจนเกิดอาการป่วยจากนั้นก็หายเป็นปกติ”
เจี่ยงเหวินเฟิงพยักหน้า “เคยได้ยิน”
ทันทีที่เขามาที่ตงหนิงก็ได้ส่งคนออกไปสอบถามเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น และชนชั้นสูงอย่างลับๆ “เรื่องที่เสวียนหนี่เก็บดวงวิญญาณของข้าได้ใต้เท้าเจี่ยงเคยได้ยินหรือไม่เจ้าคะ”
พอเห็นเขาพยักหน้า หมิงเวยจึงพูดออกไปว่า “ดวงชะตาของข้าน้อยพิเศษ จึงได้เห็นในสิ่งที่มนุษย์ไม่ควรเห็น”
เจี่ยงเหวินเฟิงเหลือบมองนาง
นางพูดต่อไปว่า “อย่างเช่นวันนี้ใต้เท้าแขวนอาวุธวิเศษไว้ใต้ต้นไม้เพื่อสกัดสิ่งชั่วร้ายนั่นชั่วคราว เพื่อให้สามารถนำโครงกระดูกออกมาได้อย่างราบรื่น”
ทันทีที่พูดออกมาแม้แต่ขุนนางที่กำลังชันสูตรศพ และเสมียนผู้รับผิดชอบเอกสารต่างมองมาทางนี้
เหลยหงที่ฟังอยู่ข้างๆ จู่ๆ เขาก็นึกถึงเหตุการณ์ที่สวนซิ่นในคืนนั้น กลุ่มผีที่ออกมาก่อความวุ่นวาย…
“เป็นฝีมือท่านหรอกหรือ” แล้วเขาก็โพล่งออกมา
หลายคนมองมาที่เขา เหลยหงรู้ว่าตนเองแสดงกิริยาไม่เหมาะสมออกมา ขณะที่เขารู้สึกเสียใจ กลับได้ยินหมิงเวยตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า
“ใช่เจ้าค่ะ”
“คุณหนูเจ็ดรู้หรือว่าข้าหมายถึงเรื่องใด”
หมิงเวยตอบ “วันก่อนที่สวนซิ่น ไม่ใช่ว่าใต้เท้าเหลยดูออกว่าเป็นข้าน้อยหรอกหรือ”
“…..” นางจิตใจเยือกเย็นไม่สะทกสะท้านเช่นนี้ เหลยหงไม่รู้ว่าจะตอบสนองอย่างไร
“สวนซิ่นงั้นหรือ” ใต้เท้าเจี่ยงเลิกคิ้ว “ตระกูลหมิงส่งท่านไปที่สวนซิ่นจริงหรือ”
หมิงเวยส่ายหน้า “ผู้ที่ต้องไปจริงๆ แล้วเป็นท่านแม่ของข้าน้อย แล้วในคืนนั้นท่านแม่ก็เสียชีวิต”
เจี่ยงเหวินเฟิงมีประสบการณ์และความรู้ที่กว้างขวาง คล่องแคล่วชาญฉลาด ด้วยคำพูดไม่กี่คำ และใช้เวลาคิดเพียงเล็กน้อยเขาก็เชื่อมโยงสิ่งต่างๆ เข้าด้วยกันได้
“อย่างนี้นี่เอง” เขาถอนหายใจ “ดูเหมือนว่าสถานการณ์ของตระกูลหมิงจะซับซ้อนเป็นอย่างมาก”
หมิงเวยพูดว่า “ไม่ว่าจะซับซ้อนเพียงใด แต่ถ้านำแต่ละเรื่องมารวมกันก็ชัดเจนได้เจ้าค่ะ”
เจี่ยงเหวินเฟิงได้ยินก็ยิ้มออกมา “ใช่ ถ้างั้นคุณหนูเจ็ดจะเริ่มจากเรื่องใดก่อนดี”
………………………………………….
นิยายเรื่อง คู่ชะตาบันดาลรัก จะเปิดโปรอ่านฟรีเป็นจำนวน 70 ตอน!
โดยทีมงานจะอัปเดตนิยายจนถึงตอนที่ 70 ภายในวันที่ 25 ก.พ. 64 และจะเปิดให้อ่านฟรีตั้งแต่วันที่ 25-28 ก.พ. 64 ก่อนจะเริ่มติดเหรียญตั้งแต่ตอนที่ 61 ในวันที่ 1 มี.ค. เป็นต้นไป ในราคาตอนละ 3 บาท
ทั้งนี้ ระหว่างที่มีโปรอ่านฟรีทางทีมงานจะยังคงอัปเดตตอนใหม่อย่างต่อเนื่องพร้อมกับติดเหรียญตามปกติค่ะ