คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 92 ไต่เชือก
หมิงเซียงตามมารดาไปบริจาคน้ำมันงากับเงินเสร็จ สาวใช้จากจวนจวิ้นอ๋องก็มาเชิญ
นางมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเสี้ยนจู่ทั้งสองท่านจากจวนจวิ้นอ๋อง หากพวกนางได้พบกันก็จะเล่นด้วยกันอย่างแน่นอน
ฮูหยินสี่เองก็ทราบดีนางจึงยอมปล่อยไปแล้วกำชับหมิงเซียง “อยู่กับเสี้ยนจู่อย่าสร้างปัญหาเข้าล่ะ”
หมิงเซียงรับคำ นางรู้สึกว่าตอนนี้ตนไม่มีอารมณ์จะสร้างปัญหาอันใดเลย
เรื่องที่เกิดขึ้นมีมากเกินไป ความสัมพันธ์ระหว่างบิดามารดาดูเหมือนจะแย่ลงมาก ท่านพ่อไปนอนหลับที่ห้องหนังสืออยู่ตลอด ทั้งสองคนไม่มาพบกันเลย แต่ถึงแม้จะเจอหน้ากันแต่ก็ไม่ได้สนใจกันอยู่ดี
นางไปเล่าความกังวลของตนให้พี่ชายฟัง แต่พี่ชายกลับตอบว่านี่เป็นเรื่องของท่านพ่อกับท่านแม่ เด็กไม่ควรเข้าไปยุ่ง
เฮ้อ…ถึงนางจะอยากเข้าไปยุ่ง แต่จะทำอย่างไรได้
นางตามคนของจวิ้นอ๋องจนมาถึงวิหาร แล้วจู่ๆ นางก็เห็นเงาของคนผู้หนึ่งเดินเข้าไปก่อน
เอ๋ นั่นท่านพ่อใช่หรือไม่
หมิงเซียงคิดจะเข้าไปทัก แต่อันเซียงเสี้ยนจู่ก็พูดขึ้นมาก่อน
“อาเซียง!”
อันเซียงเสี้ยนจู่วิ่งมาจับมือนางด้วยความตื่นเต้น “ไม่เจอเจ้าตั้งนานเลย งานชมดอกไม้เมื่อคราวก่อนเจ้าก็ไม่ได้มา ถ้าไม่ใช่เพราะเทศกาลสรงน้ำพระนี้ เจ้าคงไม่มาเจอข้าเลยสินะ”
เมื่อเห็นหน้าสหายอารมณ์ของหมิงเซียงดีขึ้นเล็กน้อย นางยิ้มแล้วพูดออกไปว่า “จะเป็นไปได้อย่างไรกัน ช่วงนี้ที่เรือนมีเรื่องมากมายเกิดขึ้นจึงไม่สามารถออกมาข้างนอกได้…”
อันเซียงเสี้ยนจู่มองนางอย่างเห็นใจ “จริงสินะ…”
หมิงเซียงเหลือบมองไปยังด้านหลัง “เอ๋ พี่จินหลินเล่า”
อันเซียงเสี้ยนจู่เม้มปาก “ท่านแม่บอกว่าท่านพี่โตแล้ว ไม่สามารถมาเล่นซนกับพวกเราได้ พวกเราเล่นซนกันตรงใดหรือ”
จินหลินเสี้ยนจู่โตกว่านางสองปี ตอนนี้อายุสิบสี่ปีแล้ว
หมิงเซียงทำท่าทีเข้าใจ “อย่างนี้นี่เอง งั้นพวกเราไปเล่นที่ไหนกันดี”
อันเซียงเสี้ยนจู่คิด “งั้นไปที่สระปล่อยปลาก่อนดีหรือไม่”
“ได้” เด็กสาวทั้งสองจูงมือกันไปที่สระปล่อยปลาโดยมีกลุ่มสาวใช้รีบตามไป
วันนี้วัดเป่าหลิงมีคนมากมายจะต้องไม่ให้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้
อันเซียงเสี้ยนจู่เดินไปกระซิบไป “จริงๆ แล้วข้ารู้ความคิดของท่านพี่นะ นางน่ะ ชอบเปี่ยวเกอ!”
หมิงเซียงตกใจ “คุณชายหยางน่ะหรือ”
“อืม” อันเซียงเสี้ยนจู่ลดเสียงลงเพื่อไม่ให้ผู้ใดได้ยิน “เมื่อคืนท่านพี่นอนไม่หลับ ตอนอยู่ที่เรือนนางเดินไปเดินมาแล้วถอนหายใจ”
หมิงเซียงคิดเสี้ยนจู่กับคุณชายหยางก็เหมาะสมกันอยู่หรอกแต่ว่า…
“แต่เปี่ยวเกอไม่ได้ชอบท่านพี่!” อันเซียงเสี้ยนจู่ไม่พอใจ “แต่เขากลับไปชอบพี่สาวที่ไม่ชัดเจนของเจ้า”
ไม่ชัดเจน…หมิงเซียงได้ยินคำนี้ก็รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย
แต่ทางฝั่งอันเซียงเสี้ยนจู่นางมักจะพูดไปโดยไม่คิดจึงไม่รู้ตัวว่าคำพูดของตนทำให้สหายรู้สึกสุดจะทน
หมิงเซียงอดกลั้นเอาไว้แล้วพูดว่า “คุณชายหยางผู้นั้นพบท่านพี่แค่เพียงครั้งเดียว ครั้งนั้นข้าก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย พวกเขาไม่ได้เป็นอะไรกันหรอก”
“ไม่เป็นอะไรกันแต่เปี่ยวเกอส่งของมาให้ทุกวันน่ะหรือ” อันเซียงเสี้ยนจู่ไม่เชื่อ “เกรงว่าเจ้าจะยังจมอยู่ในความมืดอยู่”
“ไม่ใช่!” หมิงเซียงแก้ต่างให้พี่สาว “คุณชายหยางส่งของมาให้ก็เป็นเรื่องของเขา มันเกี่ยวอันใดกับพี่เจ็ดด้วย พวกเขาพบกันครั้งนั้น แค่พูดกันประโยคเดียวยังไม่ได้พูดเลย!”
“พวกเขาพบกันเป็นการส่วนตัว เจ้าไม่รู้หรือ ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นโดยไม่มีเหตุผลหรอกนะ!” อันเซียงเสี้ยนจู่พูดจบเห็นว่าสีหน้าของหมิงเซียงไม่ค่อยดีก็อึดอัด จึงพูดไปว่า “เอาล่ะ ข้าไม่พูดถึงนางแล้ว นางเป็นพี่สาวของเจ้าถือว่าเห็นแก่หน้าเจ้าละกัน”
หมิงเซียงเริ่มยิ้มออก “ขอบคุณเสี้ยนจู่เจ้าค่ะ”
อันเซียงเสี้ยนจู่ตบไหล่นาง “เมื่อครู่เจ้าเรียกข้าว่าเสี้ยนจู่ จะพิธีรีตองกับข้าทำไมกัน”
ทั้งสองคุยกันตลอดทางจนถึงสระปล่อยปลา เดินไปได้ครึ่งทางหางตาของหมิงเซียงก็เห็นเงาหนึ่งแล้วก็ตกตะลึง
อันเซียงเสี้ยนจู่มองตามสายตานาง “อา…นั่นพี่เจ็ดของเจ้าหรือเปล่า นางจะไปที่ใดกัน”
หมิงเซียงส่ายหน้า
“น่าแปลก ทางเดินเขาที่นี่ชันมาก ไม่เห็นมีอันใดน่าสนุกเลย…”
ในขณะที่พึมพำอยู่อันเซียงเสี้ยนจู่ก็ตกใจ และดึงแขนเสื้อของหมิงเซียง
“เจ้าดูนั่น นั่นเปี่ยวเกอไม่ใช่หรือ” หมิงเซียงมองตามและเห็นว่าเป็นคุณชายหยางจริงๆ
เขาเป็นคนที่เด่นสง่ามีราศีสามารถจดจำได้ง่ายแม้ว่าเขาจะถูกโยนเข้าไปในฝูงชนก็ตาม
“เปี่ยวเกอกับพี่เจ็ดของเจ้าเดินไปทางเดียวกัน!” อันเซียงเสี้ยนจู่รู้สึกโกรธขึ้นมา “พวกเขาทำอันใดกัน นัดพบส่วนตัวหรือ ยังมียางอายกันอยู่หรือไม่!”
หมิงเซียงสับสนเล็กน้อย นางไม่เชื่อจริงๆ ว่าพี่เจ็ดจะทำเรื่องเช่นนั้น คุณชายหยางเห็นว่าพี่เจ็ดไปที่นั่นจึงจงใจเดินตามไปหรือเปล่า
“ไป! พวกเราไปดูกัน!” อันเซียงเสี้ยนจู่พูดขึ้น
หมิงเซียงมองสาวใช้ที่เดินตามหลังอย่างไม่สบายใจ “พวกเรามีกันเยอะเพียงนี้ตามไปจะดีหรือ”
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราสลัดพวกนางทิ้งซะ!”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกนางทำเช่นนี้ วันนี้หมิงเซียงไม่อยากคิดอันใดเยอะ แต่อันเซียงเสี้ยนจู่ยืนกรานเช่นนี้นางจึงทำได้แค่ฟัง นอกจากนี้นางยังสงสัยอยู่ว่าพี่เจ็ดนัดคุณชายหยางจริงๆ หรือไม่
วัดเป่าหลิงมีผู้คนมากมายพวกนางใช้ประโยชน์จากฝูงชน สลัดพวกสาวใช้อย่างง่ายดายและเดินไปยังเส้นทางขึ้นเขา
“หึ! ทางเดินเขาชันเพียงนี้ พวกเขายังนัดพบเป็นการส่วนตัวอีก เลือกสถานที่ที่เดินสะดวกกว่านี้ไม่ได้หรืออย่างไร” อันเซียงเสี้ยนจู่เดินไปบ่นไป
หมิงเซียงมอง “ที่นี่มีแค่ทางเดียว พวกเราเดินตามไปเช่นนี้ ไม่ถูกพวกเขาจับได้หรอกหรือ”
อันเซียงเสี้ยนจู่ตกใจ “จริงด้วย! ข้าไม่อยากให้เปี่ยวเกอรู้ว่าข้าตามเขามา”
ทั้งสองคนครุ่นคิดจากครึ่งทางขึ้นเขาก็พบเส้นทางอีกทางหนึ่ง
“มาๆๆ พวกเราไปทางนั้นก็เห็นพวกเขาแล้ว!” เด็กสาวทั้งสองทำตัวลับๆ ล่อๆ ซ่อนตัวอยู่ตรงโขดหินแล้วมองไปทางหินเทพธิดา
“ดูสิ พวกเขากำลังคุยกันอยู่! จะต้องนัดพบกันแน่ๆ” อันเซียงเสี้ยนจู่กระซิบข้างหู
“บางทีอาจพบกันโดยบังเอิญแล้วกล่าวทักทายกันก็ได้” หมิงเซียงยังคงไม่อยากเชื่อว่าพี่เจ็ดกับคุณชายหยางมีความสัมพันธ์กันจริงๆ
“ข้าก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกัน!” อันเซียงเสี้ยนจู่ยิ้มเย็น “เรื่องบังเอิญเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร”
ทั้งสองจ้องมองไปสักพักกลับเห็นว่าพวกเขาเปลี่ยนทิศทางเดินไปอีกด้านหนึ่งของหินเทพธิดาซึ่งพวกนางมองไม่เห็นโดยสิ้นเชิง
อันเซียงเสี้ยนจู่รู้สึกร้อนใจ “ผ่านไปนานแล้วทำไมยังไม่ออกมา ไม่ได้การ ข้าจะออกไปดู”
“เดี๋ยว!” หมิงเซียงไม่มีทางเลือกนอกจากเดินตามไป พวกนางเดินวนไปรอบๆ เดินไปถึงใต้เนินเขาที่ยื่นออกมาบนพื้นราบซึ่งเป็นที่ตั้งของหินเทพธิดา แล้วก็เห็นเชือกห้อยลงมาจากยอดเขา
หมิงเซียงรีบดึงเสี้ยนจู่ให้ซ่อนตัวอยู่หลังโขดหิน
อันที่จริงพวกนางไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวเลย บนภูเขาส่วนใหญ่จะเห็นในระยะใกล้ แต่ระยะทางจริงนั้นไกลมาก
เชือกเส้นนั้นที่พวกนางเห็น เพราะพวกนางอยู่ในมุมรับภาพนั้นพอดี
ผ่านไปไม่นานก็มีคนดึงเชือกแล้วไถตัวลงมา ตาของอันเซียงเสี้ยนจู่แทบหลุดออกจากเบ้า “เปี่ยวเกอ!”
คุณชายรูปงามที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของนางไต่เชือกได้!
จากนั้นหมิงเซียงก็ร้องออกมาว่า “พี่ พี่เจ็ด!”
นางรู้ว่าพี่เจ็ดกำลังฝึกวรยุทธ์ แต่บุตรสาวที่ยังไม่ได้แต่งงานจากตระกูลชั้นสูงกำลังไต่เชือก!
จากนั้นทัศนคติของเด็กสาวทั้งสองถูกทำลายลง หยางชูยื่นมือเพื่อรับตัวหมิงเวย แต่กลับถูกนางแกว่งเชือกหลบ ทั้งสองคนยืนบนพื้น จากนั้นเชือกก็ถูกดึงขึ้นไปแล้วพวกเขาก็เดินตามกันไปอีกทางหนึ่ง เกิดอันใดขึ้นกัน
อีกด้านหนึ่งหยางชูหันหัวกลับมามองแล้วพึมพำกับตนเอง “รู้สึกเหมือนถูกคนเห็นเข้าแล้ว…”
………………………………..