คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 105 เมิ่งหนาน / ตอนที่ 106 คุณชายของนายอำเภอ
ตอนที่ 105 เมิ่งหนาน
องครักษ์จินยังอยากกล่าวต่อ ส่วนไป๋จื่อไม่รู้ว่าสมองบิดเบี้ยวไปแล้วหรือไม่ นางพูดแทรกขึ้นมาอย่างอวดดี “เช่นนั้นท่านหมอก็เป็นหมอกำมะลอจริงๆ”
องครักษ์จินถลึงตามองไป๋จื่ออย่างดุดันทันที “เจ้าจะรู้อะไร ใต้เท้ากำลังพูด เจ้าพูดแทรกได้หรือ”
ชายหนุ่มกลับสนอกสนใจที่จู่ๆ ไป๋จื่อก็พูดแทรกขึ้นมา เขาดันองครักษ์จินไปข้างหนึ่ง ก่อนจะกล่าวกับไป๋จื่อ “ไหนลองพูดสิ”
ไป๋จื่อยิ้มจาง เมื่อกล่าวถึงวิชาแพทย์ นางกลายเป็นคนสุขุมใจเย็นมากขึ้นในทันที
“ใบหน้าของใต้เท้าเป็นแผลพุพอง อย่างน้อยต้องรออีกครึ่งเดือนกระมัง”
เขาเลิกคิ้ว ไม่ได้ว่ากล่าว สายตายังคงจ้องมองนาง
เด็กสาวรู้ว่าตนเองพูดถูกแล้ว จึงพูดต่ออีกว่า “ยาที่ท่านหมอออกให้ท่าน แม้จะไม่ได้มีปัญหาอะไร ไม่ได้ทำให้อาการป่วยของท่านสาหัสขึ้น แต่ก็ไม่ได้ช่วยบรรเทาอาการของท่านสักเท่าไร พูดตามตรงนะเจ้าคะ ยาที่ท่านหมอออกให้ รักษาอาการของท่านไม่ได้โดยสิ้นเชิง”
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าท่านหมอออกยาอะไรให้ข้า” เขาถาม
นางกล่าวพร้อมยิ้มเล็กน้อย “ที่มุมกำแพงในลานมีกากสมุนไพรอยู่กองหนึ่ง นั่นเป็นยาที่ท่านใช้กิน ส่วนยาที่ท่านทาลงบนใบหน้า แม้ในเรือนจะมีควันหอมเข้มข้น ทว่ายังคงปิดบังกลิ่นขี้ผึ้งและกลิ่นผิวหนังเปื่อยบนใบหน้าของท่านไม่ได้ ข้าดมครั้งเดียวก็รู้แล้วเจ้าค่ะ”
ใบหน้าของชายหนุ่มบิดเบี้ยวเล็กน้อย แววขบขันในดวงตาฉายชัด “พูดได้เช่นนี้ เจ้าก็เป็นหมอหรือ” ขณะพูด เขาจงใจใช้สายตามองนางอยู่สองรอบ เด็กสาวตัวเล็กเช่นนี้ อย่างมากก็อายุสิบสองสิบสามปีกระมัง ผิวหน้าแห้งและเหลือง มองเพียงครั้งเดียวก็รู้ว่าเป็นเด็กยากจน เกรงว่าจะไม่ได้เข้าโรงเรียน แล้วจะเป็นวิชาแพทย์ได้อย่างไร
แม้จะไม่เชื่อ แต่เขาก็รู้สึกว่าเด็กสาวคนนี้น่าสนใจนัก “ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อนะ แต่ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ เจ้ายังไม่ได้พูดอะไรที่น่าเชื่อถือออกมาเลย”
ไป๋จื่อยกยิ้ม หากต้องการคำพูดที่น่าเชื่อถือก็ไม่ง่าย
“ใบหน้าของใต้เท้าพุพอง เกรงว่าจะไม่ใช่โรค แต่ถูกพิษ เป็นแมลงพิษที่ดูดเลือดคนโดยเฉพาะ แมงมุมผีดูดเลือด ข้าพูดถูกต้องหรือไม่”
สีหน้าขององครักษ์จินเปลี่ยนไปเล็กน้อย มือที่อยู่ข้างลำดับจับด้ามกระบี่ตรงเอวในทันที “เจ้าเป็นใคร เจ้ารู้ได้อย่างไร”
ใบหน้าของไป๋จื่อยังคงราบเรียบ “ข้าบอกตั้งแต่ต้นแล้ว ว่าข้าดมกลิ่นครั้งเดียวก็รู้ แต่พวกท่านไม่เชื่อ”
ชายหนุ่มโบกมือให้องครักษ์จิน “อย่าวู่วาม แค่แม่นางน้อยคนหนึ่ง เจ้าทำได้ลงหรือ”
ใบหน้าขององครักษ์จินแดงระเรื่อ ตั้งแต่เด็กสาวคนนี้เข้าประตูมา เขาก็รู้ว่านางไม่เป็นวรยุทธ์ ต่อหน้าคุณชายและเขา นางไม่มีแรงสังหารหรือทำให้พวกเขาบาดเจ็บโดยสิ้นเชิง
“พูดเช่นนี้ เจ้ารักษาข้าได้หรือไม่” ชายหนุ่มถาม
ไป๋จื่อยักไหล่ “ได้น่ะได้ เพียงแต่ตอนนี้ข้าไม่ว่าง ต้องรอจัดการเรื่องวุ่นวายในบ้านข้าเสียก่อน ข้าถึงจะมีกะใจรักษาให้เจ้าค่ะ”
ชายหนุ่มหลุดหัวเราะ ก่อนจะชี้ไปที่ไป๋จื่อ “เด็กคนนี้ช่างไม่เกรงใจเสียจริง ดี ข้าจะไปหมู่บ้านหวงถัวกับเจ้า เพื่อตัดสินคดีนี้ให้กับเจ้าสักครั้ง”
“ขอบคุณใต้เท้า” ไป๋จื่อรีบคำนับเขา
“ข้าสกุลเมิ่ง เมิ่งเช่นเดียวกับเมิ่งจื่อ[1]” ชายหนุ่มกล่าว
ไป๋จื่อยิ้มตอบ “ข้าสกุลไป๋ ไป๋ที่มาจากคำว่าขาวดำ ไป๋จื่อเจ้าค่ะ”
ชายหนุ่มกล่าวกลั้วหัวเราะ “ข้าไม่ได้ถามว่าเจ้าชื่ออะไร”
“ได้มาแล้วไม่ตอบแทน เช่นนั้นไร้มารยาทนัก!” ไป๋จื่อหัวเราะเช่นเดียวกัน
บัดนี้ชายหนุ่มรู้สึกเบิกบานใจยิ่ง เด็กสาวผู้นี้น่าสนใจเสียจริง
องครักษ์จินพลอยหัวเราะขึ้นมาด้วย นานมาแล้วที่ไม่ได้เห็นคุณชายเบิกบานใจเช่นนี้
ทั้งสามคนออกจากศาลสกุลเมิ่ง ขณะกำลังจะออกไปข้างนอกกับไป๋จื่อ สาวใช้จากในลานคนหนึ่งก็วิ่งมาจากข้างนอกอย่างรีบร้อน วิ่งจนเหงื่อกาฬเต็มหน้าผาก บดบังดวงตา แม้แต่ทางมีคนเดินอยู่ก็มองเห็นไม่ชัดเจน เข้ามาชนไป๋จื่อจนล้มลงไปกับพื้น
……….
ตอนที่ 106 คุณชายของนายอำเภอ
องครักษ์จินประคองไป๋จื่อลุกขึ้น ก่อนจะหันหน้าไปตำหนิสาวใช้นางนั้น “เดินอย่างไรกัน รีบไปเกิดใหม่รึ”
สาวใช้นางนั้นหน้าซีดเผือด เสียงพูดสั่นเครือ “อะ องครักษ์จิน คุณชายน้อยกินลูกพุทราไม่ระวังจึงติดคอเข้า ทุบหลังอย่างไรก็ไม่คายออกมา บัดนี้ใบหน้าเป็นสีม่วงไปหมด ใต้เท้าให้ข้าไปตามหมอ ถึงได้รีบร้อนเช่นนี้…”
เมื่อไป๋จื่อได้ยินดังนั้น หัวใจนางก็รู้สึกร้อนรนไปด้วย นางรีบถามว่า “คุณชายน้อยของเจ้าอยู่ที่ใด รีบพาข้าไปเร็ว”
สาวใช้พลันตะลึงงัน ไม่รู้ว่าควรตอบนางว่าอย่างไร
เมิ่งหนานบอกกับสาวใช้ว่า “แม่นางผู้นี้รู้วิชาแพทย์ พานางไปสิ”
สาวใช้ดีใจยิ่งนัก ยังไม่ทันออกจากจวนก็พบหมอเสียแล้ว สวรรค์คุ้มครองจริงๆ
นางรีบนำไป๋จื่อเข้าไปด้านในลานบ้าน ส่วนเมิ่งหนานและองครักษ์จินก็ตามเข้าไปด้วย
เมิ่งหนานกล่าวในใจ ‘เด็กคนนี้ปากเก่ง ไม่รู้ว่าจะมีฝีมือจริงหรือไม่ ถือโอกาสนี้ดูสักหน่อยพอดี’
ตอนนี้ภายในลานบ้านวุ่นวายไปหมด ได้ยินเพียงเสียงร้องระงมของสตรี
“ใต้เท้า คุณชายน้อยหายใจไม่ออก ใบหน้าม่วงไปหมด จะทำอย่างไรดี จะทำอย่างไรดี” แม่นมคุกเข่าต่อหน้านายอำเภอ มองเด็กคนหนึ่งถูกใต้เท้านายอำเภอกอดอยู่ในอกอย่างทำอะไรไม่ถูก
เด็กชายไม่หายใจ ดวงตาทั้งสองข้างเบิกโพลงอย่างยิ่ง มือเล็กคาอยู่ที่คอของตนเอง เสียงที่เบาบางและเจ็บปวดดังออกมาจากในลำคอของเขา
นายอำเภอทุบหลังของเด็กชายอย่างแรง ทว่าลูกพุทรานั้นกลับไม่ออกมา
ไป๋จื่อพุ่งเข้าไปข้างหน้า แย่งเด็กชายมาจากในอกของเขา สองมือรัดตรงเอวของเด็กชาย มือทั้งซ้ายและขวากำเป็นหมัด กดลงตรงตำแหน่งลิ้นปี่ กระแทกช่วงท้องจากด้านในขึ้นสู่ด้านบนอย่างรวดเร็วซ้ำไปมา
ฝ่ายนายอำเภอไม่รู้จักไป๋จื่อ ครั้นเห็นนางปฏิบัติต่อบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนอย่างป่าเถื่อนเช่นนี้ เขาพลันโมโหจนต่อว่าออกมา “เด็กจากที่ไหน ยังไม่รีบปล่อยคุณชายอีก”
สาวใช้ที่พาไป๋จื่อมากล่าวกับใต้เท้านายอำเภอ “ใต้เท้า นางบอกว่านางเป็นหมอเจ้าค่ะ ข้าเป็นคนพานางมาเอง” จู่ๆ สาวใช้ก็รู้สึกเสียใจภายหลังขึ้นมา เมื่อครู่นางร้อนใจจนหน้ามืดตามัว เด็กสาวตัวเล็กเช่นนี้ จะเป็นหมอได้อย่างไร
ใต้เท้านายอำเภอก็ไม่เชื่อเช่นกัน เขาถลึงตามองสาวใช้อย่างดุร้าย ขณะกำลังจะเข้าไปแย่งบุตรชาย กลับเห็นบุตรชายที่อ้าปากอยู่ตลอดคายเม็ดพุทราหนาเท่านิ้วก้อยออกมาดัง ‘พรวด’
เด็กชายน่าจะตกใจกลัว หลังจากตะลึงลานอยู่ครู่หนึ่ง เสียงร้องไห้จ้าก็ดังขึ้น ทั้งยังดังกังวานอย่างยิ่ง
ไป๋จื่อยิ้มกล่าว “ไม่เป็นไรแล้ว ไม่เป็นไรแล้วเจ้าค่ะ” นางวางเด็กชายลง ก่อนที่สาวใช้จะพาเด็กชายไปตรงหน้านายอำเภอในทันที
นายอำเภอเห็นบุตรชายหายดีแล้ว ก็ดีใจเป็นอย่างยิ่ง จูงบุตรชายกล่าวถามอยู่เนิ่นนาน เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่เป็นอะไรจริงๆ เขาถึงจะทอดสายตามองไปยังไป๋จื่อ “เจ้าเป็นหมอจริงๆ หรือ”
ไป๋จื่อส่ายหน้า “ยังเรียกว่าหมอไม่ได้เจ้าค่ะ เพียงรู้วิชาแพทย์ที่ช่วยชีวิตอย่างเร่งด่วนจำนวนหนึ่งพอดี สวรรค์ทรงโปรดคุณชายแท้ๆ ถึงทำให้ข้าได้พบโดยบังเอิญ ได้ช่วยใต้เท้าและคุณชาย ถือเป็นโชคดีครั้งใหญ่ของข้า”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเมิ่งหนานค่อยๆ ชัดเจนขึ้น เด็กสาวคนนี้ใช้ได้เลย นางมีฝีมือดังปากว่า
บนใบหน้าของนายอำเภอเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ก่อนหน้านี้ข้าสงสัยแม่นาง เป็นข้าเองที่มีความรู้แค่หางอึ่ง แม่นางชื่อแซ่ว่าอะไร บ้านอยู่ที่ใดหรือ”
“เรียนใต้เท้า ข้าชื่อไป๋จื่อ เป็นคนของหมู่บ้านหวงถัว วันนี้มาร้องเรียนที่ศาลาว่าการเจ้าค่ะ” ไป๋จื่อกล่าวตอบ
ฝ่ายนายอำเภอเลิกคิ้ว “เอ๋ เจ้ามาร้องเรียนหรือ” คราวนี้นางถึงพบว่ามีเงาร่างสูงใหญ่สองสายยืนอยู่ข้างหลังสาวใช้หลายคน
[1] เมิ่งจื่อ หรือ เม่งจื๊อ ชื่อนักปราชญ์ชาวจีน