คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 121 หมอซ่ง / ตอนที่ 122 ขอสงบศึก
ตอนที่ 121 หมอซ่ง
ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง
เมิ่งหนานมององครักษ์จิน ฝ่ายหลังสายหน้าพร้อมทำหน้าตาตื่นกลัว “ไม่ได้ คุณชาย หวงไฉอยู่กับข้ามันเป็นสิบปีแล้ว ข้าไม่ยอมขายมันแน่”
เดิมทีเมิ่งหนานก็ไม่คิดจะขายหวงไฉ เพียงแค่มองเขาครั้งเดียว เขาจำต้องตื่นตัวขนาดนี้เลยหรือ
“แม่นางไป๋ หวงไฉนี้เป็นม้าคู่ใจขององครักษ์จิน คงจะขายไม่ได้ เอาเช่นนี้ดีกว่า ข้ากลับไปใช้ใบสั่งยาของเจ้า สามวันให้หลังหากใบหน้าของข้าดีขึ้น ข้าจะให้คนส่งม้ามาให้เจ้าตัวหนึ่ง ถือเป็นค่าจ้างและขอบคุณ เป็นอย่างไร” เมิ่งหนานกล่าว
ไป๋จื่อดีใจนัก ไม่ต้องใช้เงินซื้อม้านับว่าเป็นเรื่องดี นางย่อมไม่ปฏิเสธ ยิ่งไม่กว่านั้น นี่เป็นค่าตอบแทนที่นางควรจะได้
“ใต้เท้าจะทำดีแล้ว ก็ทำให้ถึงที่สุดเลยสิเจ้าคะ เชื่อมรถเตรียมไว้ให้ข้าเลย ข้าจะได้ไม่ต้องไปขอให้คนอื่นทำ”
องครักษ์จินหัวเราะออกเสียง “เด็กคนนี้ ยอมหยวนให้เจ้าเสียสามส่วน เจ้ากลับไม่ไว้หน้า ได้คืบจะเอาศอก!”
เด็กสาวยักไหล่ รอยยิ้มบนใบหน้าค่อยๆ ชัดขึ้น “ข้ากับใต้เท้าพบกันครั้งแรกรู้สึกถูกชะตา ใต้เท้าช่วยเหลือข้า ข้าก็ช่วยเหลือใต้เท้า คิดดูแล้วก็นับว่าเป็นสหายแล้วล่ะเจ้าค่ะ ระหว่างเพื่อน เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ใต้เท้าไม่ปฏิเสธหรอกกระมัง”
เมิ่งหนานก็ยินดีนัก เด็กคนนี้ช่างน่าสนใจขึ้นเรื่อยๆ จริงๆ
เขาชี้ใบหน้าของตนเอง “ข้ายอมรับเงื่อนไขของเจ้าก็ได้ แต่เจ้าอย่าได้ลืมเสียล่ะ นอกเสียจากใบหน้าของข้าจะดีขึ้น ไม่เช่นนั้นทุกอย่างถือเป็นโมฆะ”
ไป๋จื่อย่อมมั่นใจในวิชาแพทย์ของตนเอง “ใบสั่งยาที่ข้าออกให้ หลังจากใต้เท้ากลับไปใช้ คืนนี้ก็จะเห็นผลแล้ว รับรองว่าท่านหลับสบายแน่เจ้าค่ะ” ส่วนที่เน่าเปื่อยบนใบหน้า ไม่เพียงแต่ส่งกลิ่นเหม็น แต่ยังคันคะเยอ เกรงว่าเขานอนไม่หลับมาหลายวันแล้วกระมัง
เมิ่งหนานพยักหน้า ก่อนจะหมุนตัวขึ้นรถมา เร่งเดินทางกลับเมิ่ง
ครั้นเข้าเมืองแล้ว เขามุ่งหน้าไปยังร้านยาที่ใหญ่ที่สุดในเมือง โถงสมุนไพร
ในร้านยามีหมอท่านหนึ่งนั่งอยู่ เป็นหมอที่มีชื่อเสียงอยู่บ้างในเมือง ผู้คนเรียกเขาว่าซ่งซานเฉียน
“หมอซ่งอยู่หรือไม่” เมิ่งหนานถามเจ้าของร้าน
เจ้าของร้านจำเมิ่งหนานได้ จึงรีบเดินออกมาจากด้านหลังตู้ ก่อนจะประสานมือคารวะ “เหตุใดใต้เท้าถึงมาด้วยตนเองเล่า มีคำสั่งอะไร แค่บอกมาก็พอแล้วขอรับ”
“ข้าผ่านมาพอดี เรียกหมอซ่งของพวกเจ้าออกมาสักหน่อยสิ” เมิ่งหนานกล่าว
เจ้าของร้านรีบไปยังห้องด้านข้างที่หมอซ่งอยู่ เพื่อเชิญหมอซ่งที่กำลังผสมสมุนไพรออกมา
ใบหน้าของเมิ่งหนาน ปกติแล้วหมอซ่งเป็นคนรักษา ใช้ยาและเวลามาระยะหนึ่งแล้ว แต่กลับไม่เคยเห็นผล ในใจของเขาร้อนรนยิ่งนัก วันนี้ใต้เท้าเมิ่งมาด้วยตนเอง ทำเอาเขาหวั่นใจจนขนสั่นไปหมดแล้ว
“ตะ ใต้เท้า”
เมิ่งหนานเหลือบตามองเขาครั้งหนึ่ง ก่อนจะหยิบผ้าที่ไป๋จื่อให้เขาออกจากในกระเป๋าแขนเสื้อ แล้วส่งไปยังตรงหน้าของหมอซ่ง “ท่านดูใบสั่งยานี้หน่อย”
หมอซ่งเห็นเขาไม่ได้กล่าวตำหนิอะไร จึงวางใจลงบ้าง รีบรับผ้ามากางออก บนผ้าขี้ริ้วที่ซักจนขาวเขียนใบสั่งยาเอาไว้ คล้ายกับใบสั่งยาที่ตนออกให้ใต้เท้าเมิ่งมาก แต่ก็มีส่วนที่แตกต่างกันอยู่ เพียงเพิ่มปริมาณยาขึ้นมาเท่านั้น รวมถึงยาที่ในชีวิตนี้เขาไม่กล้าใช้
“น่ะ นี่มัน ท่านได้มามันจากที่ใดหรือขอรับ” หมอซ่งถาม
“เจ้าดูก่อนสิ ว่าใบสั่งยานี้รักษาโรคอะไร” เมิ่งหนานไม่ตอบ กลับย้อนถามเสียด้วยซ้ำ
“เรียนใต้เท้า ใบสั่งยานี้คลับคล้ายคลับคลากับใบสั่งยาที่ข้าออกให้ท่าน เป็นยาถอนพิษขอรับ”
เมิ่งหนานถามอีก “พิษของข้า ใบสั่งยานี้รักษาได้หรือไม่” เขากล่าวพลางมองหมอซ่งอย่างเย็นชา
หมอซ่งพยักหน้าก่อน จากนั้นก็ส่ายหน้า สีหน้าหวาดหวั่นนัก
……….
ตอนที่ 122 ขอสงบศึก
องครักษ์จินกล่าวอย่างมีน้ำโห “เดี๋ยวพยักหน้า เดี๋ยวส่ายหน้า เจ้าหมายความว่าอะไรกันแน่ ได้หรือไม่ได้ เพียงแค่คำพูดเดียว พูดให้เข้าใจไม่ได้หรือ”
หมอซ่งรีบกล่าว “เรียนใต้เท้า ไม่ใช่ว่าข้าพูดไม่เข้าใจ แต่ข้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แม้ใบสั่งยานี้จะยอดเยี่ยม ทว่าแต่ไหนแต่ไรไม่กล้าใช้ใบสั่งยาเช่นนี้ เพราะยังไม่เคยมีประสบการณ์ ไม่กล้าพูดออกมาขอรับ”
เมิ่งหนานแค่นหัวเราะ “เรียกเจ้าว่าหมอกำมะลอไม่นับว่าผิดเลย!” เขาหันไปกล่าวกับเจ้าของร้าน “หายาตามใบสั่งยานี้ ดูปริมาณให้ดี อย่าได้มากหรือน้อยไป ต้องจัดให้พอดี ไม่เช่นนั้นหากข้ากินไปแล้วเกิดปัญหา ต้องให้โรงสมุนไพรของเจ้ารับผิดชอบแน่”
เจ้าของร้านรีบตอบรับ หลังจากรับใบสั่งยาจากในมือของหมอซ่งมาแล้ว เขาก็รีบไปชั่งตวงยาตรงตู้ยาทันที
“ใต้เท้า หมอที่ออกใบสั่งยานี้ให้กับท่าน เป็นหมอที่ใดหรือขอรับ” หมอซ่งถามเมิ่งหนาน
“ถามทำไม” เมิ่งหนานเลิกคิ้ว
หมอซ่งตอบ “ออกไปสั่งยาเช่นนี้ได้ คนผู้นี้ย่อมใจกล้าและละเอียด เป็นหมอชื่อดังที่มีวิชาแพทย์ยอดเยี่ยม ข้ามีคำถามเกี่ยวกับใบสั่งยานี้เล็กน้อย หวังว่าจะได้รับคำชี้แนะจากหมอผู้นั้นบ้าง”
เบื้องหน้าของเมิ่งหนานปรากฏใบหน้าเล็กจ้อยที่เรียบเฉยของไป๋จื่อ ในความเรียบเฉยนั้นฉายแววเย็นชาอยู่บ้าง ดูแล้วนางไม่เหมือนคนที่ชอบความคึกคักเลย
“หากพวกเจ้ามีวาสนา ย่อมได้เจอ แต่หากไม่มีวาสนา ถึงแม้ข้าพามาเจอ ก็อาจจะไม่ได้เจอเช่นกัน”
นี่เท่ากับการปฏิเสธ แม้หมอซ่งจะเสียใจอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก
เจ้าของร้านจัดยาเสร็จอย่างรวดเร็ว ก่อนจะส่งมาตรงหน้าของเมิ่งหนานอย่างนอบน้อม
องครักษ์จินรับห่อยามา จากนั้นเขาก็หยิบก้อนเงินใส่มือของเจ้าของร้าน กล่าวว่า “พรุ่งนี้ส่งยาตามปริมาณนี้มาที่ศาลาว่าการอีกชุดด้วย”
เจ้าของร้านตอบรับไม่ขาดปาก ครั้นส่งทั้งสองคนออกจากร้านไป และเห็นรถม้าคันนั้นจากไป คราวนี้ถึงจะถามหมอซ่งที่อยู่ข้างกาย “ใบสั่งยานี้มันอะไรกัน มันรักษาใต้เท้าเมิ่งได้จริงหรือ”
หมอซ่งส่ายหน้า “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ในเมื่อออกใบสั่งยาเช่นนั้นออกมาได้ หมอผู้นั้นน่าจะมีความมั่นใจ ไม่เช่นนั้น…”
ไม่เช่นนั้นหากใบสั่งยานี้ไม่สำหรับการถอนพิษ แต่เป็นใบสั่งพิษ ทำให้คนตายได้
เขากลืนคำพูดนี้ลงท้อง ไม่กล้าพูดออกมา
…
สกุลไป๋
นี่น่าจะเป็นวันที่น่าหวาดกลัวและเจ็บปวดที่สุด ตั้งแต่คนสกุลไป๋เกิดขึ้นมา
ทั้งตระกูล ไม่มีผู้ใดรอดพ้น
เหล่าชาวบ้านดูเรื่องคึกคักจบก็แยกย้ายกันไป ไป๋จื่อและจ้าวหลานน้ำเงินหนึ่งร้อยตำลึงของพวกนางไปแล้ว ไปอย่างเรียบร้อย แม้แต่คนที่จะยื่นมือมาประคองพวกเขาล้วนมีสักคน
เจ้ารองตะเกียกตะกายลุกขึ้นจากพื้น เขาประคองบุตรชาย ฟู่กุ้ยขึ้นมาก่อน แล้วถึงประคองผู้เป็นมารดาลุกขึ้น “ท่านแม้ คราวนี้พวกเราเสียเปรียบมากถึงเพียงนี้ ย่อมต้องจำบทเรียนนี้ไว้ ต่อไปอย่าได้หาเรื่องเด็กไป๋จื่อนั่นอีก วันนี้นางแม้กระทั่งดึงนายอำเภอมาเป็นพวกได้ หากพวกเราหาเรื่องนางอีก นั่นไม่เท่ากับแกว่งเท้าหาเสี้ยนหรือ”
หญิงชราเกลียดแค้นจนแทบจะกัดปากและฟันเหลืองๆ นางใช้ชีวิตมาจนมีอายุหลายสิบปี นับเป็นครั้งแรกที่ถูกตีหนักเช่นนี้ อีกทั้งยังถูกนางเด็กชั่วที่ตนตีมาตั้งแต่เล็กจนโตทำร้าย ไฟโทสะในใจของนางไม่มีทางสงบได้โดยสิ้นเชิง
ไป๋ต้าเป่าก็ประคองหลิวซื่อลุกขึ้นมาเช่นกัน ความโกรธเคืองของนางไม่ได้มากไปกว่าแม่สามี ในใจของนางคิดถึงเพียงหนึ่งร้อยตำลึงที่ไป๋จื่อถือไว้ในมือตอนจากไป
นั่นเป็นเงินหนึ่งร้อยตำลึงเชียวนะ!
หากยังไม่ได้แยกบ้าน หนึ่งร้อยตำลึงนี้ต้องเป็นของสกุลไป๋ แล้วยังต้องกังวลเรื่องเงินที่ต้าเป่าบอกว่าจะใช้แต่งงานอีกหรือ
นางเดินกะโผลกกะเผลกไปถึงข้างกายของหญิงชรา ก่อนจะกล่าวเสียงเบา “ท่านแม่ พวกเราไปขอสงบศึกกับไป๋จื่อและจ้าวหลานกันเถอะเจ้าค่ะ”
หญิงชราขมวดคิ้ว “ขอสงบศึก? ขอสงบศึกอะไร”