คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 129 หลับสบาย / ตอนที่ 130 จ้าวหลานของพวกข้าอยู่หรือไม่?
- Home
- คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา
- ตอนที่ 129 หลับสบาย / ตอนที่ 130 จ้าวหลานของพวกข้าอยู่หรือไม่?
ตอนที่ 129 หลับสบาย
คำพูดนี้นางไม่ได้พูดเพื่อไป๋จื่อในอดีตเท่านั้น ยิ่งเพื่อไป๋จื่อในปัจจุบัน เพื่อบอกลาอดีต และเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่
คืนนี้นางหลับสบายเป็นพิเศษ ในฝันไม่มีความอ้างว้างและโดเดี่ยวอีก ชีวิตของนางไม่ได้มืดมนไร้แสงสว่างอีกต่อไป และนางจะไม่แอบเสียน้ำตาให้ครอบครัวที่ไม่รู้จักหวงแหนนางอีกเช่นกัน
พรข้อเดียวที่จะขอจากพระจันทร์ คือขอให้ชาตินี้สงบสุขไปตลอด
…
คนที่หลับสบายในคืนนี้ ไม่ได้มีเพียงไป๋จื่อ
ยังมีเมิ่งหนานที่อยู่ไกลออกไปในศาลาว่าการในเมือง
ใบหน้าที่คันคะเยออย่างหาใดเปรียบในทุกค่ำคืน วันนี้หลังจากใช้ยาที่ไป๋จื่อสั่งให้แล้ว ก็หยุดความคันได้อย่างน่าอัศจรรย์ เขาไม่ต้องยื่นมือไปคว้าหรือเกาอีก หากไม่ส่องกระจก เขาแม้กระทั่งไม่รู้สึกถึงบาดแผลบนใบหน้า
“คุณชาย ท่านรู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง” องครักษ์จินตามติดข้างกายเขาตลอด ด้วยกลัวว่าหลังจากใช้ยาแล้ว จะมีอะไรเกิดขึ้น
เมิ่งหนานกล่าว “ข้าสบายดีมาก ไม่เคยสบายดีเช่นนี้มาก่อน ไป๋จื่อผู้นี้ช่างน่าสนใจจริงๆ”
องครักษ์จินถอนหายใจ กล่าวด้วยความโล่งอกว่า “คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าโรคที่หมอมากมายล้วนรักษาไม่หาย เมื่อถึงมือของเด็กสาวอย่างไป๋จื่อแล้ว ยาของนางขจัดโรคได้ หากพูดให้ใครฟังเข้า เกรงว่าจะไม่มีใครเชื่อกระมัง?”
“ต้องการให้คนอื่นเชื่อไปทำไม? พวกเราเชื่อก็พอแล้วไม่ใช่หรือ” ริมฝีปากของเมิ่งหนานยกยิ้ม
อีกฝ่ายพยักหน้าหงึกหงัก “ใช่ขอรับ เด็กสาวผู้นี้ดูท่าทางไม่เหมือนคนคุยโว บางทีนางอาจจะไม่อยากให้ใครรู้ความสามารถของนางไปมากกว่านี้ก็ได้”
เมิ่งหนานนอนลงบนเตียงนุ่ม สายตาจ้องมองผ้าโปร่งสีดำ กล่าวอย่างคลุมเครือ “ไข่มุกที่ปะปนอยู่ในดวงตาปลา อย่างไรก็เป็นไข่มุกอยู่วันยันค่ำ”
…
เมื่อฟ้าสาง ไป๋จื่อตื่นแต่เช้าตรู่ หลังจากฝากฝังกับจ้าวหลานอยู่หลายประโยค นางก็ปีนขึ้นบนรถเทียมวัวที่เมื่อวานจัดการไว้แล้ว
หูเฟิงนั่งลงตรงหน้ารถ สองมือกอดอก สีหน้าเย็นชานัก “ทำไม? เจ้าเข้าเมืองได้ แต่ข้าเข้าเมืองไม่ได้หรือ?”
ขณะนี้หูเฟิงหลินก็ออกมาจากในลานบ้านเช่นกัน เขากล่าวกับไป๋จื่อว่า “ข้าให้เขาตามไปเอง แม่นางน้อยอย่างเจ้า เข้าเมืองลำพังไม่ค่อยปลอดภัยนัก มีหูเฟิงตามไปด้วย จะมากจะน้อยก็มีคนดูแล ยามที่ต้องถือของ เขาก็ออกแรงได้อยู่บ้าง วันๆ อยู่แต่บ้านก็น่าเบื่อ ให้เขาไปเถิด”
คราวนี้ไป๋จื่อถึงจะเข้าใจ ที่แท้เป็นท่านลุงหูที่มีเจตนาดี นางจึงรีบกล่าวขอบคุณ “ขอบคุณเจ้าค่ะท่านลุงหู แม่ข้าอยู่ที่เรือนไม้ลำพัง ท่านช่วยดูแลนางหน่อยนะเจ้าคะ”
ท่านลุงหูโบกมือ “ไปเถิด ไม่ต้องกังวลเรื่องที่บ้าน มีข้าอยู่ทั้งคน”
คนอื่นนางกลับไม่เป็นห่วง กลัวก็แต่คนสกุลไป๋จะถือโอกาสมาหาจ้าวหลานตอนที่นางไม่อยู่ จ้าวหลานผู้นี้ใจอ่อนนัก อาจจะมีเรื่องอะไรก็ได้
นางกล่าวกับหูจ่างหลินว่า “ท่านลุงหู เมื่อครู่ท่านรีบร้อนไป ข้ามีบางเรื่องที่ข้าลืมกำชับท่านแม่ไว้ ท่านช่วยข้าบอกนางสักหน่อยนะเจ้าคะ”
หูจ่างหลินพยักหน้า “เจ้าพูดมาเถอะ”
“ท่านลุงหู ท่านช่วยข้าบอกท่านแม่ ว่าตอนที่ข้าไม่อยู่ ไม่ว่าคนสกุลไป๋จะมาหานาง แลพูดอะไรกับนาง ก็อย่าได้รับปากเด็ดขาด ไม่ว่าอะไร ทุกอย่างต้องรอให้ข้ากลับมาก่อนค่อยตัดสินใจ”
ท่านลุงหูรู้เรื่องที่นางกังวลอยู่แล้ว จึงรีบพยักหน้า “ได้ อีกเดี๋ยวข้าจะไปบอกให้ เจ้าไปอย่างวางใจเถอะ ระหว่างทางก็ระวังด้วย”
รถเทียมวัวลากนางและหูเฟิงออกจากหมู่บ้านหวงถัวไป ขณะที่รถเพิ่งจะออกจากหมู่บ้าน หลิวซื่อที่ซักผ้าอยู่ริมแม่น้ำก็รีบร้อนยกกะละมังไม้กลับไปที่สกุลไป๋
“ท่านแม่ นางเด็กน่าตายไป๋จื่อไปแล้วเจ้าค่ะ ดูท่าทางจะเข้าเมือง หูเฟิงก็ตามนางไปด้วย” หลิวซื่อเข้าไปกระซิบที่ข้างๆ หูของแม่สามี
……….
ตอนที่ 130 จ้าวหลานของพวกข้าอยู่หรือไม่?
หญิงชรามีสิหน้ายินดีโดยพลัน “สวรรค์ช่วยข้าจริงๆ แต่ไหนแต่ไรจ้าวหลานว่าง่าย นางเด็กน่าตายไป๋จื่อไม่อยู่ พวกเราไปหานางโดยตรงก็ได้ เหอะ…ไม่ว่าอย่างไรข้าก็เป็นแม่สามีนางมาสิบหกว่าปี สามีที่ตายไปของนางก็คลานออกมาจากท้องของข้า หากข้าพูดกับนางดีๆ สักสองสามคำ นางจะไม่รับปากได้หรือ?”
หลิวซื่อรีบรับคำ “นั่นแน่นอนอยู่แล้วเจ้าค่ะ เมื่อก่อนนางเชื่อฟังคำของท่านที่สุด ท่าทางคราวนี้ก็เหมือนกัน”
จางซื่อกำลังเข้ามาจากด้านหลังลานบ้านพอดี เห็นแม่สามีและหลิวซื่อมีท่าทางกระหยิ่มยิ้มย่อง ในใจรู้ว่าสองคนนี้จะต้องมีแผนการอะไรแน่นอน จึงหมุนตัวเข้าเรือนไป
หญิงชราก็เห็นนางเช่นกัน จึงรีบเรียก “สะใภ้รอง ถ้าตอนนี้ไม่มีธุระอะไร ก็ไปกับพวกข้าสิ”
จางซื่อหยุดฝีเท้า ก่อนจะหันหน้าไปมองแม่สามี กล่าวคล้ายกับยิ้ม คล้ายกับไม่ยิ้มว่า “ข้ายังมีธุระต้องทำ พวกท่านไปกันเองเถิดเจ้าค่ะ”
หลิวซื่อเบะปาก “เช้าตรู่เช่นนี้ จะมีธุระอะไรได้? ข้าว่าเจ้าไม่อยากไปมากกว่า”
จางซื่อเลิกคิ้ว “สะใภ้ใหญ่ เจ้ายืนพูดไม่ปวดเอวหรือ? ข้าตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง ยุ่งจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้หยุดพัก เจ้าต่างหาก งานในบ้านไม่ยอมทำ ให้ข้าทำเพียงลำพัง ตอนนี้ยังจะมาเจ้ากี้เจ้าการข้าอีกหรือ?”
นางพิจารณาหลิวซื่อ มองอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้าอยู่สองรอบ ก่อนจะกล่าวว่า “ดูท่าทางแผลบนบั้นท้ายของสะใภ้ใหญ่จะหายแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนั้น วันนี้พวกเราก็มาจัดการกันสักหน่อย ว่างานในบ้านหลังนี้ แท้จริงแล้วควรจะผลัดกันทำอย่างไร”
สีหน้าของหลิวซื่อเปลี่ยนไปเล็กน้อย นางมุ่นคิ้ว “น้องสะใภ้ เจ้าพูดจาเกินไปแล้วนะ พูดเหมือนข้าไม่เคยทำงานในบ้านนี้อย่างนั้นแหละ”
หญิงชรากล่าวด้วยความโมโห “เอาล่ะ ไม่ต้องพูดแล้ว ในเมื่อสะใภ้รองยังมีธุระต้องทำ เช่นนั้นก็ไม่ต้องไปหรอก พวกเราไปกันเถอะ” หญิงชราดึงแขนเสื้อของหลิวซื่อ พานางออกไปนอกเรือน
หลิวซื่อถลึงตามองจางซื่อครั้งหนึ่งก่อน ถึงจะยอมเดินออกไป ในใจกล่าวว่าพักนี้จางซื่อไม่รู้เป็นอะไร ไม่ค่อยไปไหนมาไหนกับนางสตรีเจ้าเล่ห์ผู้นี้ ช้าเร็วก็ต้องหาโอกาสจัดการนางเสีย
จางซื่อมองเงาหลังของแม่สามีและหลิวซื่อเดินออกไปไกล รอยยิ้มเย็นที่มุมปากลึกล้ำขึ้นเรื่อยๆ “ข้าอยากจะดูนัก ว่าคราวนี้พวกเจ้าจะได้อะไรดีๆ มาบ้าง”
หญิงชราและหลิวซื่อมาถึงสกุลหู พวกนางเห็นหูจ่างหลินนางตากลมอยู่ในลานบ้าน จึงปั้นหน้ายิ้มกล่าวว่า “จ่างหลิน จ้าวหลานของพวกข้าอยู่หรือไม่?”
จ้าวหลานของพวกข้า?
หูจ่างหลินผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ กระพือพัดโปร่งในมือ พลางเดินมาตรงรั้วลานบ้านทีละก้าว มองหญิงชราและหลิวซื่อพร้อมรอยยิ้มเสแสร้ง
“หากข้าจำไม่ผิด พวกเข้าสกุลไป๋แยกบ้านกับจ้าวหลานแล้ว นางไม่ใช่จ้าวหลานของพวกเจ้าแล้ว”
หญิงชราหัวเราะแห้งๆ สองเสียง “ถึงจะพูดเช่นนั้น แต่ถึงอย่างไรพวกข้าก็เป็นครอบครัวเดียวกัน ตัดกระดูกแล้วแต่สายใยยังเชื่อมถึงกัน การทะเลาะเบาะแว้งเป็นเรื่องในครอบครัว เมื่อทะเลาะกันเสร็จแล้ว ช้าเร็วก็ต้องกลับบ้าน จะอยู่ที่บ้านคนอื่นตลอดไม่ได้”
หูจ่างหลินมองหญิงชราด้วยแววตานับถือเต็มเปี่ยม “โอ้โห…ข้าก็เคยเห็นคนหน้าหนานะ แต่ไม่เคยเห็นสองแม่สามีและลูกสะใภ้หน้าหนาเช่นพวกเข้าเลยจริงๆ พูดคำพูดเช่นนี้ออกมาได้ ไม่กลัวถูกฟ้าผ่าบ้างหรือ?”
ใบหน้าของหญิงชราสูญเสียการควบคุมอารมณ์ ใบหน้าดำคล้ำลงอย่างอดไม่ได้ “นี่เป็นเรื่องของพวกเราสกุลไป๋ เจ้าจุ้นจ้านให้น้อยๆ หน่อย มันเกี่ยวอะไรกับเจ้าไม่ทราบ?”
หูจ่างหลินแค่นหัวเราะ “ย่อมเกี่ยวกับข้า บัดนี้จ้าวหลานกับไป๋จื่ออาศัยอยู่ในสกุลหูของข้า ข้าหูจ่างหลินจะปกป้องพวกนาง ไม่ยอมให้คนสกุลไป๋อย่างพวกเจ้ารังแกพวกนางสองแม่ลูกอีก หากเก่งจริง พวกเจ้าก็ลองหักแขนข้างนี้ของข้าดูสิ”