คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 149 เขาจะไปหรือไม่ / ตอนที่ 150 แตงดินมีพิษ
ตอนที่ 149 เขาจะไปหรือไม่
หากเป็นเมื่อก่อน ไป๋จื่อกล่าวเช่นนี้ ให้ตายอย่างไรหูจ่างหลินก็ไม่เชื่อ แต่ตั้งแต่ดูจากเรื่องมากมายที่เกิดขึ้นในหลายวันนี้ ไป๋จื่อรู้วิชาแพทย์จริง เมื่อวานนางก็ออกใบสั่งยาให้กับใต้เท้าเมิ่งไปไม่ใช่หรือ
คนผู้นั้นเป็นถึงขุนนางที่ได้รับการแต่งตั้งจากราชสำนัก หากไม่รู้วิชาแพทย์จริง ไป๋จื่อจะออกใบสั่งยาให้เขาได้อย่างไร
“ได้ เจ้าว่าอย่างไรก็ว่าตามกัน ล้วนฟังเจ้า หากรักษาหูเฟิงให้หายได้จริง เช่นนั้นเจ้าก็เป็นผู้มีบุญคุณของพวกข้าสกุลหูแล้ว!”
ไป๋จื่อยิ้มบางๆ ก่อนจะกวาดสายตามองประตูห้องที่หูเฟิงปิดสนิทไว้ แล้วถามเสียงเบา “ท่านลุงหู ท่านไม่กลัวว่าหากหูเฟิงฟื้นความจำแล้ว เขาจะจากท่านไปหรือเจ้าคะ”
ลุงหูถอนใจเสียงหนึ่ง น้ำเสียงอ้างว้างขึ้นหลายส่วน “กลัวสิ เหตุใดจะไม่กลัว แต่ถึงจะกลัวก็ไม่อาจไม่ให้หูเฟิงไม่ทำการรักษาได้ ถึงอย่างไรเขาก็มีอดีตและชีวิตของตนเอง เขาไม่ใช่คนของข้า คนเช่นเขาจะต้องมีอนาคตที่ดีกว่ารอเขาอยู่แน่นอน ไม่อาจให้เขาจมปลักอยู่ที่ป่าเขาแห่งนี้ทั้งชาติกระมัง ข้าไม่อาจเห็นแก่ตัวเช่นนั้นได้ ข้ายอมให้ตนเองโดดเดี่ยวไปทั้งชีวิต แต่ไม่อาจตัดอนาคตของเขาได้”
เด็กสาวฟังแล้วก็รู้สึกแสบจมูกขึ้นมา นางเชื่อว่าหูเฟิงในห้องก็ต้องได้ยินแน่นอน เขาช่างโชคดีนักที่ได้พบเจอคนดีเช่นนี้ในสถานที่แห่งนี้ ทั้งยังมอบบ้านให้เขา มอบความอบอุ่นและความห่วงใยให้เขา เรื่องทุกอย่างล้วนเห็นเขาสำคัญเป็นอันดับแรก คิดเพื่อเขา จนไม่รู้เลยว่าเขาควรตอบแทนอย่างไร
นางกล่าวกับหูจ่างหลินว่า “ท่านลุงหู คำถามเช่นเดียวกันนี้ ข้าก็เคยถามหูเฟิงเช่นกัน ข้าถามเขาว่าหากเขาจำได้ว่าตนเองเป็นใคร จำได้ว่าบ้านเกิดของตนเองอยู่ที่ไหน จำได้ว่าครอบครัวของตนอยู่ที่ใด เขาจะไปหรือไม่”
หูจ่างหลินเงยหน้าโดยพลัน จับจ้องดวงตาของไป๋จื่อเขม็ง “แล้ว…เขาพูดว่าอย่างไร”
ไป๋จื่อกล่าวชัดเจน “เขาพูดว่าเขาจะไปเจ้าค่ะ แต่ท่านจะเป็นท่านพ่อของเขาตลอดไป ที่ใดที่มีเขา ย่อมต้องมีท่าน”
ครั้นกล่าวจบ เบ้าตาของหูจ่างหลินก็มีน้ำตาร้อนผ่าวเอ่อออกมา สีหน้าของเขาในตอนนี้ไม่รู้ว่าร้องไห้หรือยิ้มอยู่กันแน่ “หูเฟิงเขา…พูดเช่นนั้นจริงหรือ”
“ไม่ขาดไปแม้แต่คำเดียว ข้าเชื่อเขา เขาไม่ใช่คนที่จะลืมบุญคุณคนเจ้าค่ะ” ไป๋จื่อพยักหน้า
หูจ่างหลินก็พยักหน้าเช่นกัน ก่อนจะดึงแขนเสื้อไปเช็ดน้ำตาที่หางตา “เขามีความคิดเช่นนนั้นก็ดีแล้ว ดีจริงๆ”
สิ่งที่เสียไปสามปีนี้ ราวกับได้รับการตอบแทนแล้ว เขายินดีอย่างยิ่ง
ปกติหูเฟิงไม่ชอบพูดจา ทั้งวันเอาแต่ทำหน้าบึ้ง ยิ่งไม่กล่าววาจาเอาอกเอาใจกับเขา คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าคำพูดเช่นนี้จะออกมาจากปากของหูเฟิง
แม้จะมีประตูกั้น แต่เสียงพูดข้างนอกกลับดังเข้าไปในหูของเขาทุกคำ คุณธรรมของหูจ่างหลิน ความเอาใจใส่ของไป๋จื่อ ล้วนสัมผัสไปถึงหัวใจของเขา ห้องหัวใจที่แข็งกร้าวราวกับหินผา พริบตานี้ถูกฉีกออกเป็นทาง และมีบางอย่างเติมเข้าไปอย่างช้าๆ และจริงแท้ แทรกซึมเข้าไปในส่วนลึกของหัวใจเขา
คืนนี้เขาหลับสบายเป็นพิเศษ ในห้วงฝันนั้น เขาไม่พยายามวิ่งไล่ตามเงาคนที่เลือนรางไม่ชัดเจนเหล่านั้นอีก ไม่อยากรู้ว่าแท้จริงแล้วคนเหล่านั้นเป็นใครกันแน่ ไม่คิดจะทำให้ตนเองเหนื่อยจนเหงื่อกาฬผุดเต็มหน้าผาก เขาหยุดฝีเท้าของตนเองลง ก่อนจะหันไปมอง เห็นหูจ่างหลินที่กำลังยิ้มและโบกมือให้เขาอยู่ สุดท้ายแล้วเขากลับหลังหัน สาวเท้ายาวๆ เดินไปหาอีกฝ่าย ไม่สับสน ร้อนรน ลังเล หรือโศกเศร้าอีก
เมื่อตื่นขึ้น ฟ้าก็สว่างแล้ว รู้สึกแจ่มใสอย่างยิ่ง
เขาไม่ได้หลับสบายเช่นนี้มานานมากๆ แล้ว ตั้งแต่เขามาที่นี่ ตั้งแต่เขาสูญเสียความทรงจำของตนเองไป เขาฝันเช่นเดิมซ้ำๆ อยู่เสมอ และในฝันนั้น เขาไล่ตามเงาคนมากมายอย่างเอาเป็นเอาตาย ถามว่าพวกเขาเป็นใคร อีกทั้งถามว่าตนเองเป็นใคร
……….
ตอนที่ 150 แตงดินมีพิษ
แต่เงาคนเหล่านั้นเหมือนกับเป็นวิญญาณที่ล่องลอยไม่มีจริง เขาคว้าไว้ไม่ได้ ตามไม่ทัน แม้แต่พวกเขาเป็นชายหรือหญิงล้วนมองไม่ชัด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะมีใครตอบอะไรเขาเลย
ทุกครั้งเขาล้วนเหนื่อยจนเหงื่อแตกเต็มหน้าแล้วถึงจะตื่น หลังจากตื่นแล้ว เขาก็จะนอนไม่หลับอีก
เขาเดินออกจากห้อง เห็นบนโต๊ะมีอาหารเช้าวางไว้แล้ว เป็นโจ๊กขาวหุงใหม่ ไข่ไก่ต้ม เส้นแตงดินเปรี้ยวเผ็ดผัดใหม่ และเห็ดหูหนูดำคลุกเครื่องปรุงแบบเย็น
ผักเคียงสองอย่างนี้เขาไม่เคยกินมาก่อน แต่เห็นครั้งเดียวก็รู้ว่าเป็นฝีมือของไป๋จื่อ
“จื่อยาโถวเล่า” เขาถามหูจ่างหลิน
หูจ่างหลินชี้ไปข้างนอก พลางยิ้ม “ใต้เท้าเมิ่งมา นางจึงเพิ่งออกไปต้อนรับ”
เขาเดินออกไปดูที่หน้าประตู เห็นเมิ่งหนานและองครักษ์จินยืนอยู่ข้างนอกรั้วดังคาด ด้านหลังพวกเขามีรถม้าจอดอยู่สองคัน
รถม้าสองคัน?
เขายกยิ้ม เด็กสาวผู้นี้ช่างเป็นงานเสียจริง! ชายหนุ่มหมุนตัวเดินไปยังลานบ้านด้านหลัง เดินไปพลาง กำชับหูจ่างหลินไปพลางว่า “ข้าจะไปล้างหน้า หากเมิ่งหลานเข้ามา รบกวนเรียกข้าด้วยนะขอรับ”
“ใบหน้าของใต้เท้าเมิ่งดูไม่เป็นอะไรมากแล้ว ยินดีด้วยนะเจ้าคะ” ไป๋จื่อเห็นบาดแผลบนใบหน้าของเขาสมานทั้งหมดแล้ว ตอนนี้แม้ดูแล้วจะยังน่าเกลียดอยู่บ้าง แต่ผ่านไปอีกไม่นานสะเก็ดแผลเหล่านี้ก็จะหลุดออก เช่นนั้นย่อมน่ามองขึ้นมาก
เมิ่งหนานชี้ใบหน้าของตนเอง “แม้จะไม่เจ็บและไม่คันแล้ว แต่ก็ไม่เน่าเพิ่มอีก แล้วใบหน้าของข้าจะเหลือรอยแผลหรือไม่”
ไป๋จื่อส่ายหน้า “คืออย่างนี้เจ้าค่ะ หลังจากสะเก็ดแผลหลุดแล้ว บนใบหน้าของท่านจะเหลือรอยแดงจางๆ เล็กน้อย แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ผ่านไปไม่นานนัก รอยแดงเหล่านี้ก็จะหายไปเอง และไม่ทิ้งรอยแผลเป็นไว้บนใบหน้าของท่านด้วย”
โชคดีที่เขาเจอนางในขณะที่แผลยังไม่ย่ำแย่ไปกว่านั้น ไม่เช่นนั้นก็ยิ่งพูดยากว่าจะหลงเหลือรอยแผลเป็นหรือไม่
เมื่อได้ยินไป๋จื่อกล่าวว่าจะไม่หลงเหลือรอยแผลเป็น เมิ่งหนานก็นับว่าวางใจแล้ว เขายื่นหน้ามองเข้าไปในเรือน ถามว่า “พวกเจ้ากินข้าวเช้ากันแล้วหรือยัง”
เด็กสาวส่ายหน้า “ยังเลยเจ้าค่ะ”
เมิ่งหนานพลันมีสีหน้ายินดี “เช่นนั้นก็ดีเลย ข้าก็ยังไม่ได้กินเหมือนกัน กินด้วยกันดีหรือไม่”
แม้จะเป็นประโยคคำถาม แต่เขาไม่ได้รอให้ไป๋จื่ออนุญาต และเข้าไปในลานบ้านด้วยตนเอง องครักษ์จินก็สาวเท้ายาวๆ ตามไป ด้วยกลัวว่าหากช้าไปเพียงก้าวเดียว อาหารรสเลิศในเรือนจะหมดไปเช่นกัน
ไป๋จื่อตามหลังพวกเขาสองคนไป ใบหน้าจนใจนัก “ข้าวเช้าก็ไม่มีอะไรน่ากินนะเจ้าคะ แค่โจ๊กขาวคู่กับผักเคียงเท่านั้น”
ตั้งแต่เมิ่งหนานกินอาหารฝีมือไป๋จื่อในคราวนั้น สองวันนี้เขาก็กินอะไรในศาลาว่าการไม่ลง คิดแต่จะมากินอีกครั้ง ไม่เช่นนั้นวันนี้แค่มาส่งรถม้า เขาก็ไม่จำเป็นต้องมาส่งด้วยตนเองหรอก
ครั้นเมิ่งหนานเข้าเรือน หูเฟิงก็เข้ามาจากลานด้านหลังพอดี หลังจากพบหน้ากันแล้วก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง พุ่งตัวไปที่หน้าโต๊ะด้วยความเร็วราวกับบินอย่างพร้อมเพรียง
บนโต๊ะมีโจ๊กวางอยู่สองถ้วย ทั้งสองคนแย่งกันถ้วยหนึ่ง แต่น่าเสียดายที่องครักษ์จินช้ากว่าก้าวหนึ่ง ทำได้เพียงมอง รอลุงหูไปตักมาอีก
สีหน้าของหูเฟิงไม่พอใจนัก “ศาลาว่าการไม่มีข้าวหรือ”
เมิ่งหนานหัวเราะฮ่าๆ “ในเมื่อมาแล้ว ไหนเลยจะท้องว่างกลับไปได้”
หูเฟิงใช้ตะเกียบคีบเส้นแตงดินเปรี้ยวเผ็ดมาใส่ในถ้วย รสชาติเปรี้ยวสดชื่นทำให้อยากอาหารยิ่งนัก โจ๊กขาวก็ต้มได้ดีมาก หอมและนุ่มอย่างยิ่ง ทั้งยังมีรสหวานอ่อนๆ อีกด้วย ไม่รู้ว่าดีกว่าโจ๊กที่เขาเคยกินก่อนหน้านี้ไม่รู้ตั้งกี่เท่า
หลังจากเมิ่งหนานชิมเส้นแตงดินไปคำหนึ่ง เขาก็รีบถามไป๋จื่อว่า “นี่คือผักอะไร ข้าเหมือนจะไม่เคยกินมาก่อน”
ไป๋จื่อยิ้มพลางชี้ไปยังมันฝรั่งตะกร้าหนึ่งในมุมเรือน “โอ้ นั่นเจ้าค่ะ”
“แตงดิน? นี่ไม่ใช่แตงดินหรอกหรือ” เมิ่งหนานมีสีหน้าตื่นตนใจ
เมื่อองครักษ์จินได้ยินว่าเป็นแตงดิน เขารีบยั้งมือของเมิ่งหนานไว้ “คุณชาย ได้ยินว่าแตงดินมีพิษ ท่านกินไม่ได้นะขอรับ”