คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 209 ธรรมชาติของมนุษย์ / ตอนที่ 210 จ้างกรรมกร
ตอนที่ 209 ธรรมชาติของมนุษย์
“และขอให้พวกเจ้าจำไว้ ข้าไม่ได้ตุนข้าวเพื่อขาย แต่เพื่อให้ตนเองสะดวกสบายเท่านั้น กระนั้นข้าเห็นว่าพวกเจ้าซื้อข้าวกันได้ลำบากนัก ถึงได้หวังดีแบ่งขายสักโต่วหนึ่งให้พวกเจ้า จะได้ไม่ต้องไปถูกขูดเลือดขูดเนื้อในเมือง แต่ข้าคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าข้าจะถูกใส่ร้ายเพราะทำดีกับผู้อื่นเช่นนี้ พวกเจ้าคิดว่าข้าไป๋จื่อผู้นี้จะเปิดยุ้งฉางให้ข้าวกับพวกเจ้าเปล่าๆ เหมือนแบ่งกงสีหรือ”
“ข้าจะบอกพวกเจ้าให้นะ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกเจ้าอย่าได้คิดจะซื้อข้าวได้จากที่นี่แม้สักเมล็ด และอย่าได้พูดวาจาโง่เง่าอย่างทำอะไรต้องมีขอบเขตมาข่มขู่พวกข้า จำไว้ด้วยว่าบนโลกนี้หน้าต่างมีหู ประตูมีช่อง หากพวกเจ้ากล้าทำเรื่องอะไรที่ไม่ควรทำ ก็อย่าให้ข้ารู้จะดีที่สุด ทุกคนก็รู้ว่าข้ามีใครอยู่ในที่ว่าการอำเภอ ถ้าข้าจับได้ว่าผู้ใดโกงกิน ก็อย่าหาว่าข้าไม่เห็นแก่น้ำใจคนหมู่บ้านเดียวกัน”
คิดไม่ถึงเลยว่านางจะใช้เมิ่งหนานไปข่มขู่ใคร เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น มีพี่พึ่งพิงสักคนหนึ่งให้ใช้ประโยชน์ได้ เหตุใดจะไม่ใช้ประโยชน์เล่า
มนุษย์ล้วนมีความชั่วร้ายแต่กำเนิดบางอย่าง ชอบดื่มเหล้าลงโทษ ไม่ชอบดื่มเหล้ามงคล อาจจะเป็นเพราะดื่มเหล้าลงโทษแล้วคึกคะนองมากกว่ากระมัง
หลังจากไป๋จื่อกล่าวจบ ทุกคนในหมู่บ้านก็เงียบกริบ ไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก หรือพูดได้ว่าพวกเขาคล้ายกับตัดสินใจไม่พูดอะไรอีก เด็กสาวพูดทุกอย่างอย่างชัดแจ้งแล้ว แล้วพวกเขายังจะพูดอะไรได้อีก
หูเฟิงถลึงตามองพวกเขาอย่างเย็นชา กล่าวด้วยความโมโห “ยังไม่ไปอีก? ต้องให้ข้าลงมือเชิญพวกเจ้าไปหรือ”
“ไม่ต้องๆ พวกข้าไปเองได้”
ทุกคนแยกย้ายกันไปอย่างไร้ร่องรอยราวกับนกแตกรัง มีใครไม่รู้บ้างว่าหูเฟิงดุดันยิ่ง ครั้งก่อนเขายื่นมือออกไปก็หักแขนทั้งสองข้างของเจ้าใหญ่ได้แล้ว ง่ายดายเหมือนกับหักกิ่งไม้เปราะสองท่อนอย่างไรอย่างนั้น
พวกเขาไม่อยากลิ้มรสชาติเช่นนั้น หากวันนี้ไม่ใช่เพราะเห็นหูเฟิงไม่อยู่บ้าน พวกเขาก็ไม่กล้าล้อมหูจ่างหลินและจ้าวหลานอย่างเหิมเกริมเช่นนี้
เมื่อทุกคนจากไปจนหมดแล้ว จ้าวหลานก็ดึงแขนเสื้อของไป๋จื่อ “จื่อเอ๋อร์ เรื่องบัดสีของสวี่เหล่าซานกับสวี่เหล่าซื่อเมื่อครู่ เป็นความจริงหรือว่าเจ้าแค่พูดมั่ว”
ไป๋จื่อหัวเราะเสียงหนึ่ง “เขาพูดมั่วได้ แต่ข้าพูดมั่วไม่ได้อย่างนั้นหรือ แต่ก็ทำให้พวกเขาลิ้มรสชาติของการถูกเหยียดหยามนะเจ้าคะ”
จ้าวหลานทั้งโมโห ทั้งอยากหัวเราะ ก่อนจะยื่นนิ้วไปจิ้มหน้าผากของบุตรสาว “เจ้านี่นะ แต่อย่าได้ลืมเสียล่ะ ว่าตนเองเป็นเพียงสตรีคนหนึ่ง”
หูจ่างหลินหัวเราะออกมาโดยตรง “ข้ากลับรู้สึกว่านิสัยของจื่อยาโถวไม่เลวเลย ควรร้ายกาจก็ร้ายกาจ ไม่เช่นนั้นคนในหมู่บ้านเห็นจื่อยาโถวยังเด็ก จะคิดไปว่ารังแกนางได้ รังแกคนอ่อนแอ กลัวคนแข็งแกร่ง นี่เป็นธรรมชาติของคนส่วนใหญ่ พวกเราทำได้เพียงต้องแข็งแกร่ง ถึงจะปกป้องตนเองได้”
คำพูดของหูจ่างหลินนี้ ทำให้ไป๋จื่อยกนิ้วโป้งให้ในทันที “ท่านลุงหู ข้าคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ปกติท่านดูไม่ค่อยชอบพูดจา ท่าทางซื่อๆ ทว่าพูดขึ้นมาแล้วช่างตรงประเด็นยิ่งนัก”
ฝ่ายที่ได้รับคำชมพลันหน้าแดง โบกมือกล่าวว่า “เจ้าอย่ามาพูดเอาใจข้าเลย แต่เพราะเห็นอะไรมาเยอะ จึงได้มีความคิดเช่นนี้”
ดูจ้าวหลานเป็นตัวอย่าง หากนางแข็งแกร่งมากกว่านี้เมื่ออยู่ในสกุลไป๋ จะยังถูกคนสกุลไปรังแกจนน่าเวทนาเช่นนั้นได้หรือ ทั้งยังเกือบเสียชีวิตของบุตรสาวตนไปอีก
ทั้งสี่คนเข้าไปในเรือน จ้าวหลานกล่าวกับไป๋จื่อว่า “จื่อเอ๋อร์ วันนี้ข้าไปดูที่ของพวกเรามา แตงดินโตเร็วอย่างยิ่ง นี่ผ่านมายังไม่ถึงครึ่งเดือนเลย ก็เริ่มออกผลเสียแล้ว ออกผลทุกวันก็ว่าได้ ราวกับมีคนบีบบังคับให้พวกมันเติบโตก็ไม่ปาน”
ไป๋จื่อหัวเราะเสียงดัง “ล้วนเป็นผลงานของใบจื่อม่านเถิง ของสิ่งนี้ยอดเยี่ยมนัก แม้จะไม่ใช่ฤดูของแตงดินก็ยังออกผล ทั้งยังเติบโตได้ดีกว่าปลูกตามฤดูกาลเสียอีก เมื่อเก็บเกี่ยวแตงดินไปแล้ว พวกเราค่อยปลูกพืชอย่างอื่น อยากปลูกอะไรก็ได้แล้วเจ้าค่ะ”
……….
ตอนที่ 210 จ้างกรรมกร
ก่อนหน้านี้จ้าวหลานไม่เชื่อว่าจะปลูกมันฝรั่งได้ในฤดูกาลนี้ ตอนนี้นางจะต้องเชื่อเสียแล้ว
จื่อเอ๋อร์เปลี่ยนไปมากจริงๆ เปลี่ยนไปจนแม้แต่ผู้เป็นมารดาอย่างนางแทบจะจำไม่ได้ แต่ก็ดีเหมือนกัน บุตรสาวเปลี่ยนไปในทางที่ดีแล้ว ทุกอย่างล้วนพัฒนาไปในทางที่ดี จื่อเอ๋อร์ยังคงเป็นบุตรสาวของนาง เอาใจใส่และกตัญญูมากกว่าเมื่อก่อน แล้วนางยังมีอะไรต้องกังวลใจอีก
ตั้งแต่บ้านของไป๋จื่อเริ่มการก่อสร้างบนที่ดินอยู่อาศัย ก็เป็นที่จับตามองของคนในหมู่บ้านมาโดยตลอด ก่อนหน้านี้มีคนมาดูกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าในทุกวัน ถึงอย่างไรก็เป็นบ้านที่ทำจากอิฐและกระเบื้องหลังแรกในหมู่บ้าน พวกเขาอยากรู้เป็นอย่างยิ่งว่าบ้านที่เหมือนในเมืองหลังนี้ แท้จริงแล้วสร้างขึ้นมาอย่างไร
ในหมู่บ้านก็มีนายช่างอยู่เช่นกัน ปกติแล้วช่วยสร้างบ้านดินอยู่ในหมู่บ้าน ไม่ได้มีทักษะหรือความสามารถอะไรมาก เพียงแค่ครูพักลักจำทำได้ในรูปแบบที่ค่อนข้างง่ายเท่านั้น เมื่อได้ยินว่ามีนายช่างที่เชี่ยวชาญเรื่องการสร้างบ้านมาจริงๆ พวกเขาจึงตื่นแต่ฟ้ายังไม่สาง มาเป็นลูกมือเพื่อจะได้เรียนรู้วิชาช่างโดยไม่รับเงินก็เพื่อเรียนวิชาช่างล้วนๆ ต่อไปจะได้อาศัยทักษะนี้ในการทำมาหากิน
นายช่างซ่งเป็นคนใจดี เมื่อเห็นใครตั้งใจมาเรียนรู้จริงๆ เขาก็ทนความลำบาก ให้พวกเขาตามติด ทั้งยังให้เงินค่าจ้างเล็กน้อย วันละสิบห้าทองแดง
แต่ใครจะรู้ว่า เรื่องที่นายช่างซ่งจ้างคนในหมู่บ้านนามอู๋เจียงและหลี่เฉิงมาเป็นลูกมือจะแพร่สะพัดออกไป ทั้งยังได้ค่าจ้างวันละสิบห้าทองแดงอีก เวลานี้เป็นเวลาพักทำไร่ทำนา ชายหนุ่มมากมายในหมู่บ้านไม่ได้ทำงาน ว่างยิ่งนัก จึงอยากจะมาหาเงินเช่นทั้งสองคนนั้น
ทว่าการสร้างบ้านไม่เหมือนกับงานอื่น ถึงจะเป็นกรรมกรก็ต้องเข้าใจทักษะภายในต่างๆ ไม่ใช่ว่าใครก็ทำได้ อีกอย่าง เดิมทีนายช่างซ่งก็พาคนมาไม่น้อย เพียงพอให้สร้างบ้านเสร็จภายในระยะเวลาอันสั้นแล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้ลูกมือมากกว่านี้อีก
“แต่ข้าไม่ยินยอม เพราะข้าเป็นคนของหมู่บ้านหวงถัว อย่างไรข้าก็เป็นเจ้าถิ่น กรรมกรเหล่านั้นเป็นคนต่างที่ พวกเจ้ามาแย่งอาชีพทำมาหากินของพวกข้าอยู่แล้ว ตอนนี้พวกข้าอยากช่วยสักหน่อย เจ้าจะปฏิเสธหรือ ตั้งใจจะหักหน้ากันใช่หรือไม่”
ดังนั้นเรื่องนี้จึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ ทำเอานายช่างซ่งและกรรมกรคนอื่นๆ ล้วนหยุดทำงาน เพราะไม่สามารถทำงานได้เหมือนยามปกติโดยสิ้นเชิง
อู๋เจียงเดินออกมาจากข้างหลังนายช่างซ่ง เขากล่าวเสียงดังว่า “เดิมทีข้าก็เป็นช่างดิน มาทำงานที่นี่เพราะอยากเรียนรู้ทักษะการสร้างบ้านจากนายช่างซ่ง ก่อนหน้านี้ล้วนทำงานอยู่ที่นี่ทุกวัน แม้จะได้เงินน้อยกว่าหนึ่งเหวินก็ไม่เกี่ยง เหตุใดตอนนั้นพวกเจ้าไม่มา ตอนนี้นายช่างซ่งเห็นข้าลำบากมาหลายวัน เพิ่งจะคิดให้ค่าจ้างข้าสักหน่อย พวกเจ้าก็กรูกันเข้ามาเช่นนี้ หมายความว่าอย่างไร เห็นคนอื่นได้ดีกว่าไม่ได้เลยหรือ เป็นข้าติดหนี้พวกเจ้า หรือนายช่างซ่งติดหนี้พวกเจ้ากัน”
สวี่เหล่าซานก็เสียงดังเช่นกัน “ไม่มีผู้ใดติดหนี้พวกเจ้าทั้งนั้น พวกข้าไม่อยากรับเงินเปล่าๆ เพราะพวกข้าก็ทำงานเป็นเช่นกัน พวกเจ้าทำได้อย่างไร พวกข้าก็ทำได้เช่นนั้น ทำไม ที่ดินของหมู่บ้านหวงถัว บ้านในหมู่บ้านหวงถัว ต้องให้คนต่างถิ่นมาได้เงินไปหรือ พวกข้ารับไม่ได้!”
หลี่เฉิงที่อยู่ข้างๆ ได้ยินเช่นนี้ก็พลันโมโห โยนก้อนอิฐในมือทิ้งไป ก่อนจะสาวเท้าก้าวใหญ่ไปตรงหน้าสวี่เหล่าซาน “ข้าจะบอกให้นะสวี่เหล่าซาน เจ้าพูดจาให้มีเหตุผลหน่อยได้หรือไม่ นายช่างซ่งเป็นผู้มีฝีมือที่จื่อยาโถวจ้างมา คนเหล่านั้นล้วนเป็นลูกน้องที่มาช่วยงานนายช่างซ่ง ปกติพวกเขาทำงานด้วยกันมาตลอดกัน ความคุ้นเคยคงไม่ต้องพูดถึง เพราะต่างคนต่างเข้าขากันได้ดีนัก แต่ให้เจ้ามาทำแล้วเจ้าจะทำอะไรได้ เจ้าก่อกำแพงหรือปูกระเบื้องเป็นหรือไม่เล่า”