คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 213 ตั้งตัว / ตอนที่ 214 ให้กำเนิดบุตรไม่ได้
ตอนที่ 213 ตั้งตัว
หิวหรือไม่ นายช่างซ่งจะดูไม่ออกเลยหรือ
นายช่างซ่งตบไหล่ของทั้งสองคน ยิ้มกล่าวว่า “พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องตำหนิตนเอง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเจ้า เป็นเขาที่เห็นแก่ตัวเกินไป แม้กระทั่งไม่ยอมทำงานลำบากเช่นเดียวกัน ย่อมไม่มีทางสมดังใจปรารถนา พวกเจ้าทั้งสองคนไม่เหมือนกับพวกเขา นี่เป็นเหตุผลที่ข้ายอมรับพวกเจ้าเป็นลูกศิษย์เช่นกัน”
ทั้งสองคนตาเป็นประกาย “ที่เมื่อครู่ท่านบอกว่าจะรับพวกข้าเป็นลูกศิษย์ เป็นความจริงหรือขอรับ?”
เมื่อได้ยินดังนั้น นายช่างซ่งพลันหัวเราะเสียงดัง “แน่นอนว่าเป็นความจริงๆ แม้ข้าจะไม่ใช่คนใหญ่คนโตอะไร แต่สิ่งที่พูดออกไปแล้ว ย่อมต้องเป็นไปตามนั้น ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกเจ้านับว่าเป็นลูกศิษย์ของข้าซ่งเฉียว และเข้ามาอยู่ในกลุ่มนายช่างของพวกข้าอย่างเป็นทางการ”
บุรุษทั้งสองได้ยินก็ตื่นเต้นขึ้นมาในทันที นี่เป็นโอกาสที่พวกเขาจะได้ทำตามความฝัน ทำงานใช้แรงมาแล้วหลายวัน แต่เขาก็ไม่กล้าขอเข้าร่วมกลุ่มนายช่างของสกุลซ่ง เพียงหวังว่าจะได้เรียนทักษะการสร้างบ้านสักเล็กน้อย คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีโอกาสได้เข้าร่วมกลุ่มนายช่างสกุลซ่งจริงๆ ต่อไปพวกเขายังต้องกังวลว่าจะไม่มีงานทำอีกหรือ ยังกังวลว่าที่นาไม่เต็มสองหมู่ที่บ้านจะเลี้ยงภรรยาและบุตรของตนไม่ได้อีกหรือ
พวกเขาอยากจะคุกเข่าลงด้วยความซาบซึ้ง นายช่างซ่งจึงรีบยื่นมือไปประคองพวกเขาไว้ “ไม่ต้องคุกเข่าหรอก ข้าไม่ได้คนเจ้ายศเจ้าอย่าง ขอเพียงพวกเจ้าตั้งใจร่ำเรียน ตั้งใจทำงาน ก็ล้วนมีประโยชน์กว่าพวกสมองทึบ ไม่ยอมเรียนรู้อะไรเหล่านั้น”
ทั้งสองคนพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น ขอบตาแดงเล็กน้อย ด้วยซาบซึ้งใจจนไม่อาจอธิบายความรู้สึกของพวกเขาในตอนนี้ได้
ไป๋จื่อยกสองถ้วยขนาดใหญ่มา ในแต่ละถ้วยใส่หมั่นโถวสี่ลูก จากนั้นนางก็ยัดหมั่นโถวร้อนๆ ใส่มือของพวกเขาสองคน แล้วยิ้มกล่าวว่า “กลับไปกินที่บ้านเถอะเจ้าค่ะ บอกข่าวนี้ให้คนที่บ้านรู้ พวกเขาจะได้ดีใจไปกับพวกท่านด้วย”
เมื่อเห็นหมั่นโถวในมือ ขอบตาของทั้งสองคนที่แดงอยู่แล้ว สุดท้ายก็กลั้นไว้ไม่อยู่ น้ำตาไหลอาบลงมา
พวกเขาลำบากเช่นนี้ ก็เพราะอยากให้ครอบครัวมีชีวิตที่ดีขึ้นสักหน่อย ภรรยาและลูกกินแต่น้ำแกงและผักป่ามาตลอด ทั้งครอบครัวล้วนซูบผอม พวกเขาทนมองต่อไปไม่ได้จริงๆ ดังนั้นจึงอยากร่ำเรียนอะไรบางอย่างอย่างสุดชีวิต ต่อไปจะได้ตั้งตัว หมั่นโถวสีขาวเช่นนี้ เขาเองก็ไม่รู้ว่าไม่ได้กินมานานเท่าไรแล้ว
“ได้ ตกลง ขอบคุณนายช่างซ่ง ขอบคุณจื่อยาโถวด้วย เจตนาดีของพวกท่าน พวกข้าล้วนเห็นชัดแจ้ง ไม่ว่าอย่างไร พวกข้าจะไม่ทำให้พวกท่านผิดหวังเด็ดขาด”
หัวหน้าหมู่บ้านเห็นภาพนี้ ในใจพลันรู้สึกตื้นตันเป็นอย่างยิ่ง หากคนในหมู่บ้านหวงถัวซื่อสัตย์และขยันได้เหมือนอู๋เจียงและหลี่โถวก็คงดีไม่น้อย เช่นนั้นยังต้องกังวลว่าจะใช้ชีวิตอย่างยากลำบากอีกหรือไร
เขามองเงาหลังผอมบางของจื่อยาโถว พลันรู้สึกอบอุ่นหัวใจยิ่งนัก นับว่าตนไม่ได้ช่วยคนผิด จื่อยาโถวเป็นคนดีอย่างยิ่ง แม้กระทั่งดียิ่งกว่าที่เขาจินตนาการไว้เสียอีก
ฉลาดหลักแหลม ทำอะไรล้วนมีการวางแผน รู้จักทั้งบุกและถอย แม้จะดูฝีปากกล้าทีเดียว แต่นางมีจิตใจดีอย่างยิ่ง เป็นสตรีที่หาได้ยากเสียจริงๆ
เมื่อนึกได้ว่าหลานชายของตนเองอายุสิบหกปีแล้ว ถึงวัยหาพ่อสื่อแม่ชักได้แล้ว ที่บ้านกำลังหาคนที่เหมาะสมให้กับเขาอยู่พอดี ทว่าไปดูตัวอยู่หลายครอบครัวแล้วก็ยังไม่พอใจ เขาไม่ได้ไม่ชอบครอบครัวของฝ่ายหญิง แต่ไม่ชอบที่ฝ่ายหญิงไม่มีไหวพริบเสียมากกว่า
หยวนเกอเอ๋อร์ต้องการสตรีที่ดูสะสวย แต่ก็ต้องฉลาดปราดเปรียวอยู่ในที จื่อยาโถวตรงหน้าผู้นี้ ไม่ใช่ว่าตรงกับความต้องการของหยวนเกอเอ๋อร์หรอกหรือ
ความโกรธเกรี้ยวของหัวหน้าหมู่บ้านพลันหายไป บัดนี้รู้สึกเบิกบานใจขึ้นเรื่อยๆ ทั้งยังตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเช่นกัน
ครั้นไป๋จื่อและหูเฟิงแจกจ่ายอาหารกลางวันเสร็จ เขาก็รีบดึงตัวไป๋จื่อไปอีกด้านหนึ่ง ก่อนจะพูดเสียงเบาว่า “จื่อยาโถว เจ้าบอกกับข้ามาตามตรง แท้จริงแล้วเจ้าได้หมั้นหมายกับหูเฟิงหรือไม่” ถึงอย่างไรก็นับว่ากินอยู่ด้วยกัน ย่อมต้องถามให้ชัดเจน
……….
ตอนที่ 214 ให้กำเนิดบุตรไม่ได้
ไป๋จื่อตะลึงงัน คิดไม่ถึงว่าหัวหน้าหมู่บ้านจะถามคำถามพรรค์นี้ หรือเขาเชื่อข่าวโคมลอยเหล่านั้น
เด็กสาวส่ายหน้า “แน่นอนว่าไม่ได้หมั้นหมายกันเจ้าค่ะ ความจริงแล้วข้าเดาว่าอย่างไรก็หมั้นหมายกันไม่ได้ ถึงอย่างไรหูเฟิงก็อายุมากกว่าข้าอยู่ไม่น้อย”
อายุมากกว่าอยู่ไม่น้อย? ไป๋จื่อหันไปมองหูเฟิงที่ยืนอยู่ด้านข้างรถเข็นเพียงลำพัง เขาเป็นชายหนุ่มอายุยี่สิบสามปี เด็กกว่าอายุเมื่อชาติก่อนของนางเล็กน้อย
เมื่อมองตนเองในตอนนี้ ยังเหลือเวลาอีกสองเดือนถึงจะมีอายุเต็มสิบสามปี พูดเช่นนี้แล้ว หูเฟิงก็อายุมากกว่านางจริงๆ…แต่จากความรู้สึกของนางแล้ว ต่อไปหากต้องแต่งงานกับบุรุษคนใด อย่างไรก็ต้องอายุเท่ากับหูเฟิง!
แต่นางไม่อยากเป็นหญ้าอ่อนให้วัวแก่ เช่นนั้นดูผิดศีลธรรมจนเกินไป
หัวหน้าหมู่บ้านถอนใจกล่าว “เดิมทีเรื่องนี้ควรพูดกับแม่ของเจ้าก่อน แต่ในเมื่อตอนนี้เจ้าอยู่ตรงหน้าข้า และข้าก็ทนไม่ไหวแล้วเช่นกัน จึงจะพูดกับเจ้าก่อนเสียเลย”
เห็นท่าทางเช่นนี้ของเขาแล้ว ไป๋จื่อก็เกิดความอยากรู้อยากเห็น “เรื่องอะไรกันเจ้าคะ ถึงทำให้ท่านมีท่าทีลับๆ ล่อๆ เช่นนี้”
อีกฝ่ายพูดเสียงเบาอีกครั้ง “คืออย่างนี้ ข้ามีหลายชายคนหนึ่ง อายุสิบหกปี อีกไม่กี่เดือนก็จะอายุสิบเจ็ดปีเต็มแล้ว ถึงวัยที่จะต้องแต่งงานพอดี ช่วงนี้ที่บ้านกำลังวุ่นเพราะเรื่องนี้ แต่ไม่ว่าจะไปดูตัวมาแล้วกี่บ้าน เขาก็ยังไม่ถูกใจ ข้าว่าเจ้ากับเขาเหมาะสมกันอย่างยิ่ง ไม่เช่นนั้นข้าจะลองนัดหมายให้พวกเจ้าพบกันดีหรือไม่”
น่าอึดอัดใจนัก สำหรับไป๋จื่อแล้ว หลานชายของหัวหน้าหมู่บ้านยังไม่เป็นบุรุษเต็มตัว และยังไม่ถึงวัยดูตัวกระมัง?
ไป๋จื่อหัวเราะแห้งๆ “ท่านลุงหัวหน้าหมู่บ้าน ข้าเข้าใจถึงเจตนาดีของท่านนะเจ้าคะ แต่เวลานี้ข้าไม่มีกะใจคิดถึงเรื่องพวกนี้จริงๆ ข้าเพียงอยากให้ท่านแม่ของข้ามีชีวิตที่สงบสุข ตอนนี้ยังไม่มีความคิดที่จะแต่งให้ผู้ใดเจ้าค่ะ”
หัวหน้าหมู่บ้านรีบพูดว่า “เด็กคนนี้นี่ พูดอะไรของเจ้า บุรุษต้องมีครอบครัว สตรีย่อมต้องแต่งให้บุรุษ นี่เป็นเรื่องที่ถูกต้องตามครรลอง แม้ตอนนี้เจ้ายังอายุน้อย แต่พวกข้าก็ไม่ได้จะบังคับให้เจ้าแต่งงาน แค่พบหน้ากันก่อน เหมาะสมกันอย่างไรค่อยหมั้นหมาย รออีกสักสองสามปีค่อยแต่งงานก็ได้ ถึงอย่างไรหลานชายข้าก็ไม่ได้อายุมากถึงเพียงนั้น เจ้าคิดเห็นอย่างไร”
ไม่ใช่เพราะอายุไม่เยอะ แต่อายุน้อยเกินไป นางไม่กล้าแต่งหรอก!
ถึงอย่างไรก็ยังไม่บรรลุนิติภาวะ หากอยู่ในยุคปัจจุบัน ก็นับว่าผิดกฎหมายแล้ว
“ท่านลุงหัวหน้าหมู่บ้าน ไม่ใช่ว่าข้าต้องการจะฉีกหน้าท่านนะเจ้าคะ แต่ข้าคงทำไม่ได้จริงๆ อีกอย่าง ท่านลืมเรื่องที่ข้าถูกคนสกุลไป๋ทุบตีบาดเจ็บหนัก จนให้กำเนิดบุตรไม่ได้แล้วหรือ คนเช่นข้าจะแต่งให้หลานชายท่านได้อย่างไร ถึงแม้ท่านไม่สนใจเรื่องนี้ แต่ครอบครัวของท่าน…เฮ้อ…”
หัวหน้าหมู่บ้านชะงักไป นึกถึงเรื่องนี้ได้โดยพลัน จริงด้วย ก่อนหน้านี้ลู่จ่างชุนเคยพูดไว้จริงๆ เขาบอกว่าไป๋จื่อถูกตีจนบาดเจ็บถึงภายในช่องท้อง เกรงว่าจะให้กำเนิดลูกไม่ได้อีก ตนลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไร
สตรีนางหนึ่งให้กำเนิดบุตรไม่ได้ ถึงแม้จะหน้าตางดงาม แต่เกรงว่าจะแต่งให้ผู้ใดยากยิ่ง หัวหน้าหมู่บ้านรู้สึกเสียใจมาก ทั้งยังเกิดความรู้สึกว่าตนโชคร้ายอยู่บ้าง “จื่อยาโถว นี่คงไม่ใช่แผนการที่เจ้าคิดขึ้นเพื่อออกจากสกุลไป๋กระมัง หรือว่าเป็นเรื่องจริงกันแน่”
ไป๋จื่อพยักหน้าอย่างจริงจัง “แน่นอนว่าเป็นเรื่องจริงเจ้าค่ะ เรื่องพรรค์นี้โกหกกันได้ด้วยหรือ”
“ไม่ได้ตรวจผิดใช่หรือไม่ เจ้าต้องไปตรวจดูที่โรงหมอในเมืองหน่อยกระมัง” หัวหน้าหมู่บ้านยังคงไม่ยอมแพ้
เด็กสาวยิ้มแห้งๆ “เจ้าค่ะ ครั้งหน้าข้าว่างจะไปตรวจที่โรงหมอดูนะเจ้าคะ”
“ตรวจเรียบร้อยแล้วก็มาบอกข้าด้วย ข้าจะรอข้อเท็จจริงจากเจ้า!”