คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 233 ลวนลามนาง? / ตอนที่ 234 ความแตกต่างของพละกำลัง
- Home
- คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา
- ตอนที่ 233 ลวนลามนาง? / ตอนที่ 234 ความแตกต่างของพละกำลัง
ตอนที่ 233 ลวนลามนาง?
รุ่งอรุณของวันต่อมา ไป๋จื่อตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ ขณะเพิ่งยกอาหารเช้าขึ้นโต๊ะ หูเฟิงก็ออกมาจากในห้องอย่างตรงเวลา เขาไม่ปรายตามองไป๋จื่อแม้สักครั้ง เพียงตรงไปล้างหน้าล้างตาที่ลานบ้านด้านหลัง จากนั้นเขาก็มากินอาหารเช้าบนโต๊ะ เด็กสาวอ้าปากอยู่หลายครั้ง ทว่าไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงก้มหน้าก้มตากินโจ๊กด้วยสีหน้าอึดอัดใจ
หรือวันนี้จะต้องเดินหรือนั่งรถเทียมวัวเข้าเมืองจริงๆ
หูจ่างหลินออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อไปตรวจสอบระดับความสุกงอมของข้าวสาลีในทุ่งนา จ้าวหลานก็ไปยังที่ดินของตนเองเช่นกัน ถึงอย่างไรแตงดินก็ออกผลแล้ว เมื่อลงพลั่วแล้วสามารถขุดออกมาได้กองใหญ่ อาจจะมีคนมาขโมยไปก็เป็นได้
เช้านี้จึงมีพวกเขาสองคนที่กินข้าวอยู่บนโต๊ะอาหาร แม้แต่คนที่ช่วยนางพูดก็ไม่มี นางเองก็ไม่เปิดปากพูดเช่นกัน
หูเฟิงเหมือนเช่นก่อนหน้านี้ กินข้าวอย่างละเมียดละไม สง่างามนัก ทว่าก็กินมาก…
แต่สิ่งที่ไม่เหมือนกับก่อนหน้านี้ก็คือ เขาไม่มองไป๋จื่อแม้สักครั้งเดียว ราวกับไม่มีความคิดจะพูดจากับนางเช่นกัน ครั้นกินข้าวเสร็จก็กลับห้องไปในทันที
ไป๋จื่อลอบบ่นว่าตนเองไม่ควรผิดใจกับคนขี้น้อยใจผู้นี้ บุรุษที่ชอบคิดเล็กคิดน้อยเช่นนี้ช่างทำให้คนปวดหัวเสียจริง
ช่างเถิด แค่ไม่มีรถม้า นางจะออกจากบ้านไม่ได้เลยหรืออย่างไร
ในหมู่บ้านมีสามครอบครัวที่มีรถเทียมม้า นางจึงเร่งไปถามไถ่ แต่ใครจะรู้ว่ารถเทียมม้าของทั้งสองครอบครัวนั้นล้วนออกจากบ้านไปทั้งหมดแล้ว นางมาช้าไปก้าวหนึ่ง…
หรือนางต้องแบกมันฝรั่งถุงหนึ่งเดินเท้าสามสิบลี้เข้าเมืองจริงๆ
นางลองกะประมาณมันฝรั่งในมือ อย่างน้อยหนักถึงยี่สิบชั่ง เพียงแค่ถือมันฝรั่งหนึ่งถุงจากต้นหมู่บ้าน ไปยังท้ายหมู่บ้านก็หอบแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงระยะทางสามสิบลี้ นี่เป็นภารกิจที่ไม่อาจทำให้สำเร็จได้โดยสิ้นเชิง
เมื่อเห็นประตูห้องของหูเฟิงยังคงปิดสนิท นางก็กัดฟัน เดินหน้าเข้าไปเคาะประตู “หูเฟิง เจ้ายุ่งอยู่หรือไม่”
ไม่มีผู้ใดตอบ
“หูเฟิง เจ้าอยู่ข้างในหรือไม่” นางเคาะประตูอีกครั้ง
ก็ยังคงไม่มีคนตอบ
นางจึงเปิดประตูเดินเข้าไปเสียเลย ขณะกำลังจะเอ่ยปากเรียกอีกครั้ง กลับเห็นใครบางคนกำลังเปลือยท่อนบน ยืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า ในมือถือเสื้อผ้าสะอาดเตรียมจะสวมใส่…
เนื้อหนัง ร่างกายของบุรุษ ใช่ว่านางเพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก อีกทั้งนางก็เคยเห็นร่างกายของหูเฟิงมากกว่าหนึ่งครั้งเช่นกัน ความจริงแล้ว นางเคยเห็นหูเฟิงเปลือยท่อนบนมาก่อน ตั้งแต่ตอนที่พบกันในสกุลหูเป็นครั้งแรกแล้ว
ขณะนั้นเพียงคิดว่าบุรุษผู้นี้มีรูปร่างดีนัก ทุกจุดล้วนแข็งแรงได้สัดส่วน เมื่อสวมเสื้อผ้าแล้วดูผอมบางอย่างชัดเจน ทว่าถอดเสื้อแล้วกลับเห็นแต่กล้ามเนื้อ ไม่มีสตรีคนใดไม่ชอบรูปร่างเช่นนี้หรอก
วันนี้ได้เห็นร่างกายของเขาอีกครั้ง นางพลันรู้สึกคอแห้งผาก ใบหน้าแดงไปถึงใบหู แม้จะรู้ดีว่าจ้องมองร่างกายที่เปลือยเปล่าของผู้อื่นเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมและเสียมารยาท แต่ไม่ว่าอย่างไร นางกลับละสายตาไปไม่ได้ หลังจากกลืนน้ำลายไปแล้วหลายครั้ง นางก็ยิ้มเจื่อนว่า “กะ กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่นี่เอง ขะ ขอโทษนะ ข้าไม่ได้ตั้งใจ”
“น่ามองหรือไม่” หูเฟิงก็ไม่ได้รีบร้อนสวมเสื้อผ้า ทั้งยังมองไป๋จื่อที่มีท่าทางชะงักงันอย่างสนอกสนใจ
ไป๋จื่อตะลึงลาน เอาแต่มองกล้ามหน้าท้องของเขาตาไม่กะพริบ “หา? อะไรนะ”
“เจ้ากลืนน้ำลายขณะมองร่างกายของข้า ไม่ใช่เพราะร่างกายของข้าน่ามองหรอกหรือ” เขาเลิกคิ้ว มุมปากยกโค้งเล็กน้อย
นับว่าเด็กสาวตื่นจากภวังค์แล้ว ทั้งยังตื่นเต็มตาอีกต่างหาก คนผู้นี้กำลังหยอกเย้านางชัดๆ แม้กระทั่ง…ลวนลามนางด้วยสินะ
ไม่ถูกต้อง เป็นนางที่ทะเล่อทะล่าเข้ามา และน้ำลายไหลเพราะมองร่างกายของเขา…
“ข้าเปล่าสักหน่อย ใครมองเจ้าแล้วกลืนน้ำลายกัน เจ้าพูดมั่วให้มันน้อยๆ หน่อยเถอะ” นางเบือนหน้าหนี ไม่มองเขาอีก
“จริงหรือ” เขารีบสวมเสื้อผ้า “มาหาข้ามีเรื่องอะไร”
คนผู้นี้จงใจถามนางอย่างเห็นได้ชัด เขารู้ดีว่านางต้องเข้าเมือง รู้ดีว่านางต้องการรถ แล้วยังจะถามนางว่ามีเรื่องอะไรอีกหรือนี่
……….
ตอนที่ 234 ความแตกต่างของพละกำลัง
“ข้าจะเข้าเมือง เจ้าต้องไปกับข้า!” นางยังคงไม่กล้ามองเขา เอาแต่มองไปที่มุมห้อง
ถึงแม้จะเป็นมุมห้อง ก็ไม่มีฝุ่นหรือใยแมงมุมแม้สักกระผีก เท่านี้ก็รู้ได้ว่าบุรุษผู้นี้รักความสะอาดเพียงใด อาจจะรักความสะอาดมากจนเกินไปเสียด้วยซ้ำ
หูเฟิงส่ายหน้า “ข้าไม่ใช่สารถีของเจ้า เจ้าจะเข้าเมืองแล้วเกี่ยวอะไรกับข้า”
ในใจของไป๋จื่อพลันมีกองไฟลุกโชนขึ้นมา เหตุใดก่อนหน้านี้เขาไม่พูดเล่า หากรู้แต่แรกว่าเขาจะเป็นเช่นนี้ นางจะวางไข่ไก่ทั้งหมดไว้ในตะกร้าเดียว[1]หรือ เหตุใดต้องตามหาสารถีสำรองเอาไว้ เพราะเหตุนี้อย่างไรเล่า เมื่อไม่มีเขา นางจะได้มีใครพาไปไหนมาไหนได้บ้าง
นางถลันไปถึงเบื้องหน้าของหูเฟิงที่กำลังผูกผ้าพันเอวเสียเลย “หูเฟิง แท้จริงแล้วเจ้าต้องการให้ข้าทำอย่างไรกันแน่”
หูเฟิงส่ายหน้า “ข้าไม่ได้ต้องการอะไร เจ้าคิดว่าข้าต้องการอะไรหรือ”
“เจ้าพูดมาตามตรงดีกว่า ว่าต้องทำอย่างไรถึงจะยอมพาข้าเข้าเมือง” ไป๋จื่อถามไปตามตรง
เมื่อหูเฟิงผูกผ้าพันเอวเสร็จแล้ว สายตาเรียบเฉยของเขาก็มองไปที่ใบหน้าเล็กที่เชิดขึ้นเล็กน้อยของไป๋จื่อ “ตรงไปตรงมาดี จะพาเจ้าไปย่อมได้ แต่เจ้าต้องรับปากข้าเรื่องหนึ่ง”
“เรื่องอะไร” ไป๋จื่อมุ่นคิ้ว หูเฟิงผู้นี้คงไม่ขออะไรแปลกๆ หรอกกระมัง
“ห้ามไปทำอาหารให้เมิ่งหนานที่ที่ว่าการอำเภอ”
ไป๋จื่อตะลึงงัน นี่มันเงื่อนไขอะไรกัน “เหตุใดไปทำอาหารให้เขาที่ที่ว่าว่าการอำเภอไม่ได้”
สีหน้าของหูเฟิงดูดำคล้ำเล็กน้อย “เจ้าไม่ใช่แม่ครัวของพวกเขา เหตุใดต้องไปทำอาหารให้เขาด้วย อีกอย่างข้าก็ไม่อยากไปสถานที่เช่นนั้น”
“แต่ว่า…ข้า…”
หูเฟิงขัดจังหวะนาง “หากเจ้าไม่รับปาก เช่นนั้นก็ถือว่าข้าไม่ได้พูดอะไรเสีย”
เด็กสาวนึกถึงเรื่องที่ต้องทำในวันนี้ เกรงว่าจะไม่มีโอกาสไปทำอาหารให้เมิ่งหนานกินที่ที่ว่าการอำเภอเช่นกัน รับปากเขาไปก่อน วันหน้านางค่อยหาสารถีคนอื่นก็ได้ ดูสิว่าหูเฟิงจะปฏิเสธนางได้อีกอย่างไร
“ได้ ข้ารับปากเจ้า เช่นนั้นตอนนี้ไปได้แล้วใช่หรือไม่”
ชายหนุ่มยิ้มจางๆ ออกมา “แน่นอน” เขาเดินนำออกจากห้องไปก่อน และถือโอกาสถือแตงดินที่วางอยู่ในโถงขึ้นมาด้วย แตงดินหนักยี่สิบถึงสามสิบชั่งถุงหนึ่ง เขาถือแล้วดูเบาราวกับขนหงส์ก็ไม่ปาน…
ความแตกต่างของพละกำลังระหว่างคน ต่างกันได้ถึงเพียงนี้เลยหรือ
รถม้าเคลื่อนออกจากหมู่บ้าน ห้อตะบึงไปยังเมืองชิงหยวนตลอดทาง แม้กระทางแซงหน้ารถเทียมวัวที่ออกเดินทางเร็วกว่าพวกเขาหนึ่งชั่วยามขณะถึงครึ่งทางด้วย
ที่ว่าการอำเภอ
องครักษ์จินวิ่งเข้าไปในห้องของเมิ่งหนานด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะเรียกเสียงดัง “คุณชายๆ แม่นางไป๋มาขอรับ”
เมิ่งหนานพลันมีสีหน้าดีใจ ทิ้งสิ่งของที่เพิ่งเก็บเสร็จทิ้งในทันที แล้วสาวเท้าเดินออกไปข้างนอก ก่อนจะคิดได้ว่าไม่ถูกต้อง เมื่อวานเขาจากนางมาด้วยความโกรธเกรี้ยวไม่ใช่หรือ ตอนนี้จะออกไปต้อนรับอย่างกระตือรือร้นเช่นนี้ เขาไม่มีเกียรติเลยหรืออย่างไร
เขาจึงกลับหลังหัน ยกกล่องที่ตนเพิ่งวางลงขึ้น เพื่อเก็บของต่อไป ทว่ากลับไม่มีสมาธิเอาเสียเลย
เสียงฝีเท้าแผ่วเบาเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ไป๋จื่อเข้ามาในห้องด้วยการนำทางขององครักษ์จินแล้ว
“คุณชาย แม่นางไป๋มาแล้วขอรับ”
เมิ่งหนานกลั้นความปรารถนาที่อยากจะหันหน้ากลับไป ทำท่าทางเย็นชาเป็นอย่างยิ่ง “อืม!”
ไป๋จื่อลอบส่ายหน้า เพิ่งรับมือคนขี้ใจน้อยอย่างหูเฟิงเรียบร้อยไปคนหนึ่ง ตอนนี้เป็นเมิ่งหนานที่ชอบกลั้นความโกรธเคืองอีกคนหนึ่งแล้ว
“พี่เมิ่งไม่อยาพบข้าหรือเจ้าคะ” ไป๋จื่อถาม
เมิ่งหนานไม่ตอบ ยังคงมีอิริยาบถดังเดิม
เด็กสาวหันไปขยิบตาให้องครักษ์จิน
จินเสี่ยวอันรู้กัน รีบพูดขึ้นมาเสียงดัง “เดี๋ยวก่อน แม่นางไป๋อย่าไปเลย!”
เมื่อได้ยินคำพูดของจินเสี่ยวอัน เมิ่งหนานก็ทิ้งกล่องในมือลงทันที แล้วกลับหลังหันเดินไปทางประตู ทว่ายังเดินได้ไม่ถึงสองก้าว เขากลับพบว่าไป๋จื่อยืนอยู่ที่หน้าประตู กำลังยิ้มสดใสมองเขา ไหนเลยจะมีความคิดเดินออกไป จินเสี่ยวอันยิ่งอมยิ้มยืนอยู่ข้างๆ นาง
[1] วางไข่ไก่ทั้งหมดไว้ในตะกร้าเดียว หมายถึง ฝากความหวังไว้ที่คนคนหนึ่ง หรือสิ่งใดสิ่งหนึ่งเท่านั้น