คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 291 ตาข่ายสวรรค์ / ตอนที่ 292 ตามหาคน
ตอนที่ 291 ตาข่ายสวรรค์
อวี๋ม่านน่าเห็นเธอเป็นศัตรู ไม่ว่าเธอจะมีความสัมพันธ์ฉันท์มิตรกับหลินหยางอย่างไร แต่อวี๋ม่านน่าก็ไม่ฟัง
แม้ต่อมาจะชินกับการกลั่นแกล้งของอวี๋ม่านน่า แต่ก็ไม่เคยเกิดเรื่องใหญ่อะไร แล้วหลินหยางหมายความว่าอะไรกัน
จากนั้นอวี๋ม่านน่าก็กล่าวว่า “นายหมายความว่ายังไง หรือว่านายเชื่อข่าวลือพวกนั้น ถูกต้อง ฉันอิจฉาไป๋จื่อ อิจฉาที่เธอได้อยู่ข้างกายนายตลอด อิจฉาที่ในสายตาของนายมีแต่เธอ ถึงฉันจะอิจฉา แต่ก็ไม่มีทางทำเรื่องเลวร้ายอย่างการทำร้ายเธอ”
หลินหยางแค่นหัวเราะเสียงเย็น “ทำหรือไม่ทำ เธอเองรู้อยู่แก่ใจ ไม่ช้าก็เร็วฉันจะหาหลักฐานให้เจอ อวี๋ม่านน่า ตาข่ายสวรรค์ ห่างแต่ไม่รั่ว[1] คนที่ทำเลว สุดท้ายแล้วจะได้รับการลงโทษตามกฎหมาย”
ในดวงตาคู่สวยของอวี๋ม่านน่าเต็มไปด้วยน้ำตา เธอร้องไห้จนต้องมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยดวงตาพร่าเลือน เธอรักเขามาตั้งหลายปี แต่เขากลับไม่เคยเห็นเธออยู่ในสายตา “หลินหยาง นายดีกับทุกคน แต่ทำไมถึงได้ใจร้ายกับฉันล่ะ ในสายตาของนาย ฉันเป็นคนใจร้าย ไม่มีน้ำใจขนาดนั้นเลยเหรอ”
หลินหยางไม่อยากพูดมากความกับเธออีก แม้แต่จะมองอีกสักครั้งก็ไม่อยากมอง เขาจึงผลักเธอออกไปนอกประตูห้องเสียเลย ก่อนจะลงกลอนประตูห้องผู้ป่วย “เธอไปเถอะ แล้วอย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก”
ไม่ใช่แค่ผู้หญิงที่มีลางสังหรณ์ ผู้ชายก็มีลางสังหรณ์เหมือนกัน แม้จะยังหาหลักฐานไม่เจอ แต่ลางสังหรณ์ของเขาบอกว่า อวี๋ม่านน่าจะต้องมีความเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุของไป๋จื่ออย่างแน่นอน
ไม่ว่าจะเป็นใคร เขาจะต้องหาฆาตกรที่อยู่เบื้องหลังให้เจอ เพื่อทวงความยุติธรรมให้กับไป๋จื่อ
เขากลับไปที่หน้าเตียงผู้ป่วย อัตราการเต้นของหัวใจบนจอมอนิเตอร์กลับมาอยู่ที่ห้าสิบดังเดิม ตัวเลขทั้งหมดกลับไปเป็นเหมือนก่อนหน้านี้ ราวกับว่าไม่เคยเปลี่ยนแปลงมาก่อน
…
“ยาโถว ตื่น ตื่นเร็ว!” หูเฟิงเขย่าร่างของไป๋จื่ออย่างเอาเป็นเอาตาย เด็กสาวนางนี้ไม่รู้ว่าเป็นอะไรไป หลังจากแอบอิงอยู่ในอกของเขาหลับไป ร่างกายของนางก็เย็นขึ้นเรื่อยๆ ลมหายใจก็อ่อนลงเรื่อยๆ
ไป๋จื่อค่อยๆ ลืมตาขึ้น นางเห็นใบหน้าหล่อเหลาอันคุ้นตาของหูเฟิง ดวงตาคู่นั้นอยู่ภายใต้เงาสะท้อนของแสงไฟ ราวกับอัญมณีสีดำที่มีเวทมนตร์
สีหน้าของเขาดูร้อนใจ ครั้นเห็นนางตื่นขึ้นมาแล้ว เขาก็พลันโล่งใจอย่างเห็นได้ชัด
นางมองเขาด้วยความสงสัย “เกิดอะไรขึ้นหรือ”
หูเฟิงส่ายหน้า “ไม่รู้สิ หลังจากเจ้าหลับไป ร่างกายของเจ้าก็เย็นลงเรื่อยๆ ลมหายใจของเจ้าเอาแต่อ่อนลง ราวกับว่าถูกคนแทงด้วยมีด สัญญาณชีพมีแต่ความอ่อนแออย่างไรอย่างนั้น”
ไป๋จื่อไม่เข้าใจว่าเหตุใดถึงเป็นเช่นนั้น วันขึ้นสิบห้าค่ำ เป็นวันที่นางหลับอยู่ในกระสวยของโครงการเดินทางด้วยจิต เป็นวันที่นางมายังโลกใบนี้
ในคืนวันขึ้นสิบห้าค่ำ ขอเพียงนางหลับใหล ก็จะกลับไปยังโลกก่อน นางในโลกนั้นยังไม่ตาย ไม่ใช่สิ น่าจะยังไม่ตายอย่างสมบูรณ์มากกว่า
และขอเพียงไป๋จื่อที่อยู่ทางนี้ตื่นขึ้นมา นางก็จะกลับมาอีกครั้ง
แท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่
นางสั่นศีรษะ คราวนี้ถึงจะพบว่าตนเองนอนอยู่บนขาของหูเฟิง และมือข้างหนึ่งของหูเฟิงกอดเอวนางเอาไว้
ท่านี้…อืม…ออกจะแปลกอยู่บ้าง
เด็กสาวรีบลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะกระแอมเบาๆ สองเสียง เพื่อปกปิดความเขินอายของตนเอง “ไม่รู้ว่าตอนนี้แม่ข้าและท่านลุงหูเป็นอย่างไรบ้าง พวกเขาไม่กลับไป พวกเขาต้องเป็นห่วงมากแน่”
หูเฟิงไม่ได้พูดอะไร ในใจเขารู้สึกกังวลเช่นเดียวกัน เขารู้จักนิสัยผู้เป็นบิดาดี ขอเพียงเขากลับบ้านช้า ก็จะต้องมารอเขาที่หน้าหมู่บ้าน ไม่ว่านานเพียงใดก็จะรอ
“เมื่อฟ้าสว่างพวกเขาก็กลับไปกันเถอะ ที่นี่น่าจะมีทางออกไป” หูเฟิงกล่าวเสียงเบา
ไป๋จื่อพยักหน้า “ต้องมีแน่นอน ข้าเห็นรอยเท้าปศุสัตว์และคนอยู่ใต้ต้นไม้ แถวนี้อาจจะมีหมู่บ้านก็ได้นะ”
……….
ตอนที่ 292 ตามหาคน
เมื่อหูจ่างหลินตื่นขึ้นหลังจากนอนกลางวัน ขณะคิดจะไปดูที่ดินก่อสร้างของจ้าวหลานสักหน่อย เขาเพิ่งเดินออกจากประตูลานบ้าน ก็เห็นรถม้าถลันมาทางเขาอย่างบ้าคลั่ง เขาจึงเบี่ยงตัวหลบ รอดพ้นจากการชนของรถม้าไปอย่างหวุดหวิด
ม้าหยุดอยู่ข้างหน้าไม่ไกล ในปากส่งเสียงพ่นลมที่ไม่ธรรมดาออกมา
เขารีบเข้าไปตรวจสอบดู พร้อมกันนั้นก็เรียกชื่อของหูเฟิงไปด้วย ทว่ากลับไม่มีใครตอบ
หูจ่างหลินเห็นเพียงบนก้นม้ามีธนูอยู่ดอกหนึ่ง เลือดสดๆ ไหลทอดยาวจากบาดแผลลงมา
“น่ะ นี่มันเกิดอะไรขึ้น” เขารีบปีนขึ้นไปบนรถ แล้วเปิดม่านรถออกเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ภายในนั้น แต่ข้างในรถกลับว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่สักคน ล่วมยาตกอยู่ในมุมรถ และข้างๆ ล่วมยายังมีรองเท้าอยู่ข้างหนึ่ง ดูท่าทางจะเป็นรองเท้าของไป๋จื่อ
จ้าวหลานเดินมาจากข้างหลัง “จื่อเอ๋อร์กลับมาแล้วหรือเจ้าคะ”
เมื่อได้ยินเสียงของจ้าวหลาน หูจ่างหลินก็รีบมุดออกมาจากในตัวรถ “จ้าวหลาน เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”
ทันทีที่ได้ยินดังนั้น จ้าวหลานพลันตะลึงลาน รีบพุ่งเข้าไปหาอีกฝ่าย “เกิดอะไรขึ้นรึ”
หูจ่างหลินกระโดดลงจากรถ ในมือถือรองเท้าของไป๋จื่ออยู่ด้วย “เกิดเรื่องแล้ว ต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่ๆ นี่ใช่รองเท้าของจื่อยาโถวหรือไม่”
จ้าวหลานฉวยรองเท้ามาจากมือของเขา เพียงมองครั้งเดียวก็กล่าวว่า “ใช่เจ้าค่ะ นี่คือรองเท้าของจื่อเอ๋อร์ เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เหตุใดรองเท้าของจื่อเอ๋อร์ถึงมาอยู่ที่นี่ได้ แล้วตัวนางเล่า” นางก็เริ่มลนลานขึ้นมาแล้ว
หูจ่างหลินชี้ม้าที่ได้รับบาดเจ็บ “มันกลับมาเอง หูเฟิงและจื่อยาโถวล้วนหายไป มีเพียงรองเท้าข้างนี้เท่านั้น เจ้าดูตัวรถสิ มีรอยดาบด้วย หรือพวกเขาจะเจอโจรป่าเข้า”
จ้าวหลานร้อนใจจนแทบจะร้องไห้ออกมา นางรีบจับแขนของหูจ่างหลิน “จะทำอย่างไรดีเจ้าคะ จะทำอย่างไรดี”
ถึงอย่างไรหูจ่างหลินก็เป็นบุรุษ เมื่อพบอุปสรรคย่อมใจเย็นกว่าสตรีทั่วไปอยู่บ้าง เขาตั้งสติ แล้วกล่าวกับจ้าวหลานว่า “ข้าจะไปหาท่านหัวหน้าหมู่บ้าน ส่วนเจ้าไปหาท่านหมอลู่ ให้เขาตรวจอาการม้าดูสักหน่อย”
จ้าวหลานส่ายหน้า “ไหนเลยข้าจะมีกะใจเป็นห่วงม้า ข้าจะไปกับท่านด้วย”
หูจ่างหลินรู้ว่าตอนนี้นางร้อนใจเช่นเดียวกัน จึงพยักหน้า “ตกลง พวกเราไปด้วยกัน”
ทั้งสองคนรีบร้อนไปถึงบ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน หลังจากเล่าเรื่องราวทั้งหมดแล้ว หัวหน้าหมู่บ้านก็ร้อนใจขึ้นมาบ้าง รีบให้หูจ่างหลินไปเรียกเหล่าคนงานในที่ดินสร้างบ้านมาช่วย ส่วนเขาเรียกชายหนุ่มที่ว่างอยู่ในหมู่บ้านกลุ่มหนึ่ง เรื่องที่ไป๋จื่อขายข้าวในราคาถูกในหมู่บ้านก่อนหน้านี้ ได้รับคำชมจากคนในหมู่บ้านไม่น้อย เมื่อทุกคนได้ยินว่านางและหูเฟิงเกิดเรื่อง ต่างก็ยินดีจะช่วยลงแรงเป็นอย่างยิ่ง จึงมีคนกลุ่มใหญ่ตามพวกเขาออกจากหมู่บ้านไป
พวกเขาตามหาตั้งแต่ฟ้าสว่าง จนบัดนี้ฟ้ามืดแล้ว ทุกคนก็ยังคงถือคบเพลิงตามหาต่อไป ครั้นพบจุดที่มีร่องรอยของการต่อสู้อย่างชัดเจนแล้ว อีกทั้งลูกธนูที่กระจายอยู่บนพื้นไม่น้อย ก็ยังเหมือนกับกันลูกธนูที่ปักอยู่บนก้นม้าของสกุลหูอย่างกับแกะ จึงพากับค้นหาตามป่าและเนินเขาบริเวณใกล้เคียงอีกรอบ ทว่ายังคงไม่พบร่องรอบของทั้งสองคน
หัวหน้าหมู่บ้านเห็นทุกคนเหนื่อยแล้ว ระหว่างทางล้วนค้นหาทุกที่แล้ว แต่ก็ไม่พบอะไรทั้งสิ้น เขาจึงเสนอให้กลับไปก่อนเสียแล้ว พรุ่งนี้เช้าประตูเมืองเปิดแล้ว ค่อยเข้าไปรายงานเรื่องนี้กับทางการ
แม้หูจ่างหลินและจ้าวหลานจะไม่พอใจนัก ทว่าก็ไม่มีหนทางอื่นแล้ว ทำได้เพียงตามทุกคนกลับไปก่อน
อาอู่ถือคบเพลิงตรวจตราตามทางอย่างละเอียด บนเนินเขาที่ห่างจากสถานที่ต่อสู้ไม่ไกลนัก เขาพบร่องรอบที่ผิดปกติอยู่บ้าง
ตรงชายขอบของเนินเขา มีร่องรอยถูกเหยียบจนพังทลายลงมาอย่างเห็นได้ชัด และยังมีร่องรอยของการถูกกระบี่ฟันด้วย เขาเลื่อนคบเพลิงลงไปเพื่อมองให้ชัดเจน ข้างใต้นั้นลึกจนไม่เห็นก้น ถึงแม้จะไม่ใช้หุบเหว แต่ตกลงไปแล้วก็อาจจะตายได้
หรือพวกเขาจะตกลงไป?
[1] ตาข่ายสวรรค์ ห่างแต่ไม่รั่ว หมายถึง สวรรค์มีความยุติธรรม ทำผิดต้องถูกลงโทษ