คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 317 เกิดเรื่องแล้ว / ตอนที่ 318 เป็นไข้
ตอนที่ 317 เกิดเรื่องแล้ว
หูจ่างหลินรีบวางงานในมือลง ก่อนจะลุกขึ้นพาหูเฟิงกลับไปในเรือน “กลับมาแล้วๆ เจ้าช่างร้อนใจเสียจริง”
หูเฟิงจับแขนของหูจ่างหลิน พลางถามอย่างรีบร้อน “นางอยู่ที่ไหน”
“นางไม่เป็นอะไร ตอนนี้พักอยู่ที่เรือน นางบอกว่าตื่นเช้า ก็เลยรู้สึกง่วงอยู่บ้าง หลังจากกินข้าวกลางวันเสร็จก็ไปนอน” หูจ่างหลินยิ้มกล่าว ขณะเดียวกับก็ตบหลังมือของหูเฟิงเบาๆ
ชายหนุ่มถอนใจด้วยความโล่งอก ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว
“ไม่ใช่ว่านางเข้าเมืองไปฟ้องร้องหรือ”
หูจ่างหลินส่ายหน้า “นางบอกว่าไม่ได้เข้าเมือง เพียงแค่ไปที่ดินกับอาอู่เท่านั้น วันนี้ไม่ใช่วันที่ร้านสือเค่อจะมารับแตงดินหรอกหรือ เมื่อวานจื่อยาโถวเรียกคนในหมู่บ้านไปช่วยนางเก็บแตงดินในที่ดินตั้งหลายคน ทว่านางไม่วางใจ จึงไปดูที่ดินกับอาอู่สักหน่อย เมื่อจัดการธุระเสร็จก็กลับมา”
ไปแค่ที่ดินจริงหรือ เขามองใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม ในใจรู้สึกแน่ใจทีเดียว แต่ไหนแต่ไรท่านพ่อไม่เคยหลอกเขา และพูดโกหกไม่เป็นเช่นกัน
“เช่นนั้นก็ดี กลับมาแล้วก็ดี”
“เจ้ารีบไปล้างหน้าล้างตา อีกเดี๋ยวควรจะกินข้าวแล้ว” หูจ่างหลินกล่าว
ควรจะกินข้าวแล้ว? เขาเงยหน้าขึ้น พรอาทิตย์สีแดงฉานคล้อยลงทางทิศตะวันตก ผ่านไปไม่นานนักฟ้าก็มืดเสียแล้ว ถึงเวลากินข้าวเย็นแล้วจริงๆ
เขาตอบรับเสียงหนึ่ง ก่อนจะหมุนกายกลับเข้าห้อง จัดแจงสวมรองเท้าทรงสูงอย่างเชื่องช้า จากนั้นก็สวมเสื้อตัวนอก แล้วตักน้ำที่ด้านหลังมาล้างหน้าและบ้วนปาก อาการปวดศีรษะก่อนหน้านี้หายไปเป็นปลิดทิ้งอย่างไม่คาดคิด แม้บาดแผลตรงท้ายทอยจะยังมีความรู้สึกเจ็บอยู่รางๆ ทว่าก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
ก่อนหน้านี้ไป๋จื่อบอกไว้ว่า นางจะต้องรักษาอาการความจำเสื่อมของเขาให้หายดีอย่างแน่นอน
เมื่อวานนางก็พูดอีกว่า ขอเพียงดื่มยาชวนสะอิดสีเอียนเหล่านั้นแล้ว ความเจ็บปวดบริเวณศีรษะและอาการความจำเสื่อมของเขาจะดีขึ้น
นางพูดถูกต้อง นางทำได้
เพิ่งล้างหน้าล้างตาเสร็จ หูจ่างหลินก็เรียกเขาจากในโถงหน้า “หูเฟิง มากินข้าวเร็ว”
หูเฟิงเร่งเท้าเดินไปที่โถงหน้า ทว่าในโถงมีเพียงเขาและหูจ่างหลินเพียงสองคน บนโต๊ะก็มีเพียงชามและตะเกียบสองชุดเช่นกัน
“จื่อยาโถวกับน้าหลานเล่า” เขาถาม
หูจ่างหลินกำลังเทน้ำให้เขา จึงตอบโดยไม่เงยหน้าขึ้นมอง “อ้อ เย็นนี้พวกนางไม่มากินข้าวด้วย จื่อยาโถวบอกว่าเหนื่อย จะนอนเร็วหน่อย ส่วนจ้าวหลานเพิ่งส่งข้าวไปยังที่ดินก่อสร้างเสร็จ เห็นว่ายังมีเหลืออยู่ จึงนำกลับมากิน และบอกว่าจะไม่มาแล้ว”
หูเฟิงขมวดคิ้ว ถามว่า “จื่อยาโถวกลับมาเมื่อใด”
หูจ่างหลินไตร่ตรอง “กลับมาก่อนมื้อกลางวัน ทำไมหรือ”
“นางกินข้าวกลางวันที่นี่หรือ” หูเฟิงถามอีก
หูจ่างหลินส่ายหน้า “ไม่ได้มานะ นางบอกว่าไม่หิว บอกเพียงว่าง่วง ก็เลยไม่ได้มาที่นี่”
ชายหนุ่มวางตะเกียบที่เพิ่งหยิบขึ้นมาดัง ‘ปัง’ เขาถามอีกว่า “อาอู่ล่ะ เขามาหรือไม่”
หูจ่างหลินพยักหน้า “มา เขาช่วยงานข้าอยู่พักหนึ่ง ทว่าดูเหมือนมีเรื่องอะไรในใจ จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ไม่นานก็ไป”
หูเฟิงผุดลุกขึ้น สาวเท้าจะออกไป
“เจ้าไม่กินข้าวหรือ แล้วนั่นจะไปที่ใด” หูจ่างหลินตามเขาออกมา
“เกิดเรื่องขึ้นกับไป๋จื่อ ข้าจะไปดูสักหน่อย” หูเฟิงกล่าว
หูจ่างหลินตกใจยกใหญ่ “เกิดเรื่อง? ใครบอกเจ้า เกิดเรื่องอะไรขึ้น” เขาตามหูเฟิงออกจากลานบ้านด้วยความรีบร้อน มุ่งหน้าไปยังเรือนไม้ด้านหลัง
ประตูเรือนไม้ไม่ได้ปิดไว้ จ้าวหลานกับอาอู่ยืนกระซิบกระซาบกันอยู่ด้านนอก ไม่รู้ว่าคุยอะไรกันอยู่ สีหน้าของทั้งสองคนดูไม่ค่อยดีนัก
ครั้นเห็นหูเฟิงมา จ้าวหลานก็รีบปิดประตู ก่อนจะฝืนยิ้มออกมาทั้งๆ ที่คราบน้ำตาบนใบหน้ายังไม่แห้งดี “เหตุใดพวกเจ้าถึงมาที่นี่ กินข้าวแล้วหรือยัง”
หูเฟิงมองประตูที่จ้าวหลานเพิ่งปิดไปเมื่อครู่ พลางถามเสียงแข็ง “จื่อยาโถวเล่า”
“นางหลับอยู่ข้างใน บอกว่าหลายวันนี้เหนื่อยนัก ง่วงมาก อยากจะนอนหลับสักตื่น ทั้งยังบอกไม่ให้ข้าปลุกนาง จริงๆ เลย หลับจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ตื่นเลย น่าขายหน้านัก” จ้าวหลานกล่าว
……….
ตอนที่ 318 เป็นไข้
หูเฟิงเห็นจ้าวหลานขอบตาแดง เมื่อพูดถึงไป๋จื่อ ในดวงตาของนางพลันมีน้ำตารื้นขึ้นมา นางกับหูจ่างหลินเป็นคนประเภทเดียวกัน จริงใจ ไม่ชอบพูดโกหก และพูดโกหกไม่เป็น ความรู้สึกทั้งหมดล้วนฉายชัดอยู่บนใบหน้า
“ข้าจะเข้าไปดูหน่อย” หูเฟิงกล่าว
จ้าวหลานรีบห้ามเขาไว้ “น่ะ นี่เกรงว่าจะไม่ค่อยดีกระมัง จื่อเอ๋อร์กำชับข้าไว้ว่าไม่ให้ปลุกนาง”
ชายหนุ่มมองคนที่อยู่เบื้องหน้า ก่อนจะถามย้ำชัดทีละคำ “นางถูกใต้เท้ากู้เอาเปรียบใช่หรือไม่”
จ้าวหลานชะงักงัน ก่อนจะถามตามสัญชาตญาณ “เจ้ารู้ได้อย่างไร” เมื่อถามออกไปแล้ว นางถึงจะรู้ตัวว่าไม่เหมาะสม จึงรีบกล่าวอีกว่า “มะ ไม่มีอะไร จื่อเอ๋อร์แค่เหนื่อยเท่านั้น หลับไปแล้วล่ะ มะ ไม่ได้ถูกเอาเปรียบอะไร”
หูเฟิงส่ายหน้า “ท่านไม่จำเป็นต้องหลอกข้า ข้ารู้ว่าวันนี้นางไปฟ้องร้องในเมือง คนแซ่กู้ไม่ใช่คนดี อีกทั้งคนที่นางฟ้องร้องก็เป็นพี่เขยของเขา แล้วนางจะมีจุดจบที่ดีได้อย่างไร”
จ้าวหลานกัดริมฝีปาก ไม่พูดอะไรออกมาอีก ในที่สุดน้ำตาที่รื้นอยู่ในขอบตาก็ไหลออกมา “จื่อเอ๋อร์ไม่ให้ข้าบอกเจ้า ข้า…”
หูเฟิงยื่นมือไปตบบ่าของจ้าวหลานเบาๆ “ท่านวางใจเถอะ ข้าไม่ปลุกนางหรอก ข้าไปดูนางครู่เดียวก็ออกมาแล้ว”
เขาเปิดประตู เดินเข้าไปในเรือนที่มืดสลัว บนเตียงไม้ที่เขาเป็นคนประกอบเองกับมือมีคนนอนอยู่คนหนึ่ง สวมใส่เสื้อผ้าบางๆ ผ้าห่มผืนบางที่แต่เดิมคลุมอยู่ตรงเอวไหลลงไปอยู่อีกด้าน
นางนอนหลับอยู่บนเตียง สีหน้าซีดเผือด ริมฝีปากแห้งแตก พวงแก้มเป็นสีแดงที่ไม่ปกติ เขายื่นมือไปจับหน้าผากของนาง ร้อนลวกนัก
ตอนนี้นางคล้ายกับกำลังพูดอะไรบางอย่าง
เขาจึงขยับหูเข้าไปใกล้
“หนาว หนาวเหลือเกิน…”
ชายหนุ่มรีบคลุมผ้าห่มสองผืนบนเตียงลงบนตัวนาง “ดีขึ้นบ้างหรือไม่ ยังหนาวอยู่หรือไม่”
เสียงของเขาทุ้มลึก แต่ก็อ่อนโยน นางลืมตาขึ้นมองเขา บุรุษตรงหน้ายังหล่อเหลาเช่นเคย แม้กระทั่งดูหล่อเหลากว่าแต่ก่อนเสียอีก คล้ายกับว่าเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย แต่ก็มองไม่ออกว่ามีตรงไหนที่เปลี่ยนไป
“เจ้ามาได้อย่างไร อาการปวดหัวดีขึ้นบ้างหรือไม่” นางถาม
เขาส่ายหน้า “ไม่ดีขึ้น ไม่ดีขึ้นเลยสักนิด”
ไป๋จื่อหลับตาพลางยิ้มพริ้ม “ข้าว่าเจ้าดีขึ้นมากแล้ว จำอะไรได้บ้างหรือไม่”
ชายหนุ่มส่ายหน้าอีกครั้ง “ไม่เลย จำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น ข้าว่ายาของเจ้าคงไม่ได้ผล”
“จริงหรือ” นางพยายามลืมตา เพื่อมองใบหน้าสงบและเฉยชาของเขา “ยาของข้ารักษาได้เพียงอาการป่วย รักษาจิตใจไม่ได้ ยิ่งไม่มีทางปลุกคนที่แกล้งหลับคนหนึ่งได้”
หูเฟิงทำเป็นฟังไม่เข้าใจ เขาจดจ้องใบหน้าเล็กของนาง “เจ้าเป็นหมอ ปล่อยให้ตนเองป่วยเช่นนี้ได้อย่างไร กินยาแล้วหรือยัง”
ไป๋จื่อส่ายหน้า “ยังไม่ได้กิน ข้าก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าจะมีสภาพเช่นนี้” นางชี้ไปที่ใต้เตียง “ในกล่องข้างใต้นี้มียาอยู่ เจ้าช่วยนำมาให้ข้าหน่อย”
เขาหยิบกล่องที่นางพูดถึงออกจากใต้เตียง เป็นกล่องสีเงินที่ประณีตงดงาม ทว่าแปลกตาใบหนึ่ง
นางได้กล่องพรรค์นี้มาจากที่ใด แม้แต่เขาเองยังไม่เคยเห็นกล่องเช่นนี้มาก่อนเลย
“เปิดออก” ไป๋จื่อบอกหูเฟิง
ชายหนุ่มเปิดกล่องตามที่นางบอก ด้านในมีข้าวของใส่ไว้จนเต็ม ในนั้นมีอุปกรณ์หลายชิ้นที่เขาเคยเห็นเมื่อครั้งก่อน ขณะที่รักษาข้อมือให้กับเมิ่งหนาน
“ชั้นที่สอง” นางกล่าว
ชั้นที่สอง? หูเฟิงใช้สองมือควานหาอยู่ในกล่องอยู่นานก็หาไม่เจอ ไหนเลยจะมีชั้นที่สองอะไรนั่น
ไป๋จื่อช้อนสายตาขึ้นมองหูเฟิงครั้งหนึ่ง”ตรงมุมขวามีปุ่มอยู่สามปุ่ม เจ้ากดตรงปุ่มแรก ปุ่มสีแดงนั่น”
หูเฟิงหาสามปุ่มนั่นเจอตามที่นางว่า เป็นปุ่มทรงสี่เหลี่ยมขนาดเท่ากับเล็บนิ้วก้อยสามปุ่ม พวกมันมีสีสันแตกต่างกันออกไป อย่างที่ไป๋จื่อว่า ปุ่มแรกเป็นสีแดง ด้านบนมีตัวอักษรอยู่ด้วย แต่ก็น่าจะไม่ใช่ตัวอักษร ไหนเลยจะมีตัวอักษรหน้าตาเหมือนไส้เดือนกัน