คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 321 ปฏิบัติการ / ตอนที่ 322 ยกชาให้พี่หญิง
ตอนที่ 321 ปฏิบัติการ
เฟิงกู้คังตกใจเพราะเสียงดังนี้ ทำเอาน้องชายของเขาห่อเหี่ยวไปในทันที…
“ผู้ใดกัน มารดามันสิ ใครทำลายเรื่องดีของข้า” กู้เฟิงคังโมโหอย่างสุดขีด เขาดึงกางเกงขึ้นก่อนจะลงจากเตียง ยังไม่ทันได้มองให้ชัดเจนว่าผู้มาเยือนคือใคร ก็ได้ยินเสียงดัง ‘ป้าบ’ ดังสนั่น ก้นของเขาสัมผัสกับไม้แข็งๆ เข้าให้แล้ว
เขาอ้าปากร้องเรียกมารดาด้วยความเจ็บปวด แต่ใครจะรู้เล่าว่าเพิ่งอ้าปาก ก้อนผ้าที่ส่งกลิ่นสาบเท้าก็ยัดเข้ามาในปากของเขา
จากนั้นก็ตามมาด้วยการโบยอีกครั้งหนึ่งบนก้นของเขา พาให้เขาล้มหน้าคะมำลงไปทันที และการล้มลงครั้งนี้ ก็ทำให้ปฏิบัติการของหูเฟิงสะดวกสบายพอดี
สตรีที่อยู่บนเตียงได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวนี้ ก็ตะลึงลานลอดกายเข้าไปในผ้าห่มไม่กล้าส่งเสียง ด้วยกลัวว่าหากส่งเสียงออกไป บุรุษถือไม้โบยผู้นั้นจะบันดาลโทสะมาสู่ตัวนาง
เสียงดัง ‘ป้าบๆๆๆ’ ดังติดต่อกัน หูเฟิงไม่ได้นับว่าเขาลงไม้ไปทั้งหมดกี่ครั้ง ตีจนอีกฝ่ายสลบไปแล้วถึงจะหยุด
เขาโยนไม้โบยไว้ข้างกายกู้เฟิงคัง แล้วหันหน้าไปกล่าวกับสตรีที่ซ่อนตัวอยู่ในผ้าห่ม “บอกนายท่านของเจ้าด้วย ว่าขืนกล้าทำชั่วอีกแล้วข้ารู้เข้า เมื่อข้ามาที่นี่อีกครั้ง ข้าจะไม่นำไม้โบยมาด้วย แต่จะนำดาบมาแทน”
หูเฟิงกล่าวจบก็เดินอาดๆ จากไป จนกระทั่งไม่มีเสียงใดในเรือนแล้ว สตรีที่ซ่อนตัวอยู่ในผ้าห่มถึงจะคลานออกมา เห็นกู้เฟิงคังนอนคว่ำเหมือนหมูตายอยู่ในเรือน นางร้องเสียงแหลมเรียกว่า “ใครก็ได้มาที่นี่เร็ว…มีผู้ร้าย มาจับผู้ร้ายเร็วเข้า…”
ทว่าผู้ร้ายที่นางพูดถึง หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยตั้งนานแล้ว
ที่ว่าการอำเภอวุ่นวายกันไปทั่ว บ้างร้องเรียกให้จับผู้ร้าย บ้างร้องว่าโกดังไฟไหม้ ในศาลาว่าการไฟโหมเสียดฟ้า เงาคนวิ่งกันขวักไขว่ จนเมื่อฟ้าสางแล้วไฟถึงจะมอดลงได้ แต่ที่น่าเสียดายก็คือ ตำราเก่าแก่ ภาพวาดโบราณ ตั๋วเงิน ไปจนถึงกล่องผ้าไหมที่ปกติเหล่าฮูหยินและอนุใช้เย็บเสื้อผ้าที่เก็บอยู่ในโกดัง ล้วนเสียหายไม่เหลือซาก
สร้อยคอทองคำก็ถูกไฟไหม้ครั้งใหญ่เผาเสียจนดูไม่ได้ แต่ยังดีที่ทองแท้ไม่กลัวไฟหลอม และไม่นับว่าถูกทำลายไปจนหมดสิ้น
กู้เฟิงคังรู้ข่าวนี้เมื่อตื่น เขาโมโหจนเป็นลมสลบไป หมอหยิกเขาตั้งนานก็ไม่ยอมตื่น
สวี่ซื่อ ภรรยาเอกของกู้เฟิงคังเฝ้าอยู่ข้างกายสามีตลอดเวลา เซียวอี๋เหนียง[1]ผู้ปรนนิบัติใต้เท้ากู้เมื่อคืนถูกลงโทษให้คุกเข่าอยู่ในห้อง ร้องไห้จนตาบวมปูด รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเป็นอย่างมาก
มีสิทธิ์อะไรมาลงโทษนาง นายท่านถูกคนอื่นตี นางไม่ได้ให้ใครมาตีเขาเสียหน่อย นางก็เป็นผู้เคราะห์ร้ายเหมือนกันไม่ใช่หรือ
สวี่ซื่อถลึงตามองเซียวอี๋เหนียงอย่างเย็นชา “พูดมาให้ชัดเจน แท้จริงแล้วเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกันแน่ นายท่านถูกคนตีได้อย่างไร แล้วถูกตีด้วยอะไร”
เซียวอี๋เหนียงกล่าวเสียงสะอึกสะอื้น “ฮูหยิน ข้าก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนตีนายท่าน เมื่อคืน เมื่อคืนข้ากับนายท่านกำลัง กำลัง…” นางช้อนสายตามองไปทางสวี่ซื่อ เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายมีแต่ความโกรธขึ้ง จึงรีบตัดบทไปยังช่วงท้าย เรื่องบางเรื่องไม่จำเป็นต้องพูดจนชัดแจ้ง อีกฝ่ายเข้าใจก็เพียงพอแล้ว
ในเมื่อทำให้ข้าลำบาก ข้าก็จะไม่ทำให้เจ้าได้สบายใจ
สวี่ซื่อย่อมไม่สบายใจ ตั้งแต่นางให้กำเนิดบุตรชาย แม้สามีจะรักใคร่บุตรชายเป็นเท่าทวี แต่กลับเหยียบเข้ามาในห้องของนางน้อยครั้งนัก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการร่วมห้องกับนางเลย ส่วนเซียวอี๋เหนียงแม้จะไม่ได้งดงามที่สุดในบรรดาอนุภรรยาทั้งสี่ แต่กลับเจ้าเล่ห์ที่สุด ยั่วยวนนายท่านให้ไปที่ห้องของนางได้เสมอ
“ไม่ต้องพูดเรื่องไร้ประโยชน์เหล่านั้น พูดประเด็นสำคัญเลยดีกว่า” สวี่ซื่อกล่าวเสียงแข็ง
เซียวอี๋เหนียงกำขอบผ้าเช็ดหน้า พูดพร้อมขอบตาที่แดงก่ำ “เมื่อวานข้ากับนายท่านกำลัง…เข้าด้ายเข้าเข็ม! จู่ๆ ก็มีคนถีบประตูห้องเข้ามา นายท่านหมายจะไปตรวจดู แต่ใครจะรู้ว่าคนผู้นั้นกลับตีนายท่านอย่างไม่สนถูกผิด ข้าร้องเรียกให้จับผู้ร้าย แต่ฮูหยินเองก็รู้ ว่ามีผู้หญิงอย่างพวกเราอาศัยอยู่ด้านหลังศาลาว่าการมากมาย ปกตินายท่านไม่ให้เจ้าพนักงานพวกนั้นมาที่นี่ กว่าเสียงของข้ากับนายท่านตรงนี้จะดังไปถึงด้านหน้า คนชุดดำนั่นก็หายไปไม่เห็นเงาแล้ว”
……….
ตอนที่ 322 ยกชาให้พี่หญิง
สวี่ซื่อกล่าวเสียงเย็น “เจ้าเห็นหน้าคนผู้นั้นชัดเจนหรือไม่”
เซียวอี๋เหนียงรีบส่ายหน้า “ไม่ชัด อีกฝ่ายปิดบังใบหน้า แถมยังดับไฟอีก ข้าจึงมองอะไรไม่เห็นทั้งนั้น”
ความจริงก็คือนางไม่เห็นอะไรโดยสิ้นเชิง เพราะกลัวจนเอาแต่ซ่อนตัวอยู่ในผ้าห่ม
ถึงอย่างไรเสียก็ไม่มีใครรู้ นางอยากจะพูดอย่างไรก็จะพูดอย่างนั้น
ตอนนี้หมอตัดกางเกงบนก้นของกู้เฟิงคัง ที่แนบชิดกับเลือดเนื้อจนแยกไม่ออกทิ้งไปแล้ว เมื่อทำความสะอาดบาดแผลเสร็จสิ้น ถึงค่อยใส่ยาจินชวงที่เขาทำด้วยตนเองให้อีกฝ่าย
เพิ่งโรยผงยาสีขาวบนแผลของกู้เฟิงคังเท่านั้น กูเฟิงคังที่สลบไสลไปพลันตื่นเต็มตา ก่อนจะร้องเสียงหลงอย่างน่าเวทนาเสียงหนึ่ง
“เจ็บ เจ็บมาก! นี่มันบ้าอะไรกัน พวกเจ้ากำลังทำอะไร”
สวี่ซื่อรีบกดแขนของกู้เฟิงคังเอาไว้ “นายท่าน ท่านหมอกำลังใส่ยาให้ท่านอยู่ ท่านอดทนหน่อยนะ อดทนครู่เดียวเดี๋ยวก็หายแล้ว”
กู้เฟิงคังเจ็บจนร้องว่ามารดา ต่อว่าบรรพบุรุษของคนที่ตีเขาเมื่อคืนไปสิบแปดชั่วโคตรเสียรอบหนึ่ง
หลังจากใส่ยาเสร็จสิ้น กู้เฟิงคังนับว่าชินกับความเจ็บปวดแล้ว ไม่ได้รู้สึกเจ็บแสบเหมือนเช่นก่อนหน้านี้อีก ทว่าเพิ่งหอบหายใจได้สองเฮือก ก็ได้ยินสาวใช้ข้างนอกรายงานว่า “นายท่าน ฮูหยิน ฮูหยินรองเฉียนมาเจ้าค่ะ”
เมื่อได้ยินชื่อว่าเป็นฮูหยินรองเฉียน สวี่ซื่อก็ขมวดคิ้วทันที ทว่าไม่ได้พูดอะไรออกไป อย่างไรเสียอีกฝ่ายก็เป็นพี่สาวแท้ๆ ของสามีตน แล้วนางจะพูดอะไรได้
กู้เฟิงคังยังไม่ทันได้พูดอะไร ประตูห้องก็ถูกเปิดออก แสงอาทิตย์แยงตาสาดเข้ามา ทำเอาเขาต้องรีบหลับตา ในใจรู้สึกไม่เป็นสุข แม้กู้ผิงฮุ่ยจะเป็นพี่สาวของเขา ทว่าดีเลวอย่างไรที่นี่ก็เป็นที่พักอาศัยของเขา นางบุกเข้ามาเช่นนี้ได้อย่างไร
กู้ผิงฮุ่ยเข้ามาแล้วก็ร้องไห้โศกเศร้าทันที “เฟิงคัง เจ้าต้องจัดการให้พี่เขยของเจ้านะ!”
กู้เฟิงคังพยายามปรับลมหายใจอย่างสุดความสามารถ ด้วยกลัวว่าหากหายใจแรงไปแล้วจะกระเทือนถึงบาดแผลตรงสะโพก
“อะไรอีก มีอะไรก็พูดมาดีๆ ไม่ใช่เข้ามาแล้วก็ร้องห่มร้องไห้ จะจับใจความได้อย่างไร”
หลังจากกู้ผิงฮุ่ยเข้ามาแล้ว นางเห็นเซียวอี๋เหนียงคุกเข่าอยู่บนพื้น สวี่ซื่อนั่งอยู่ข้างเตียง ส่วนน้องชายของนาง กู้เฟิงคังนอนคว่ำอยู่บนเตียง ดูจากสีหน้าแล้วเห็นท่าจะไม่ดี
นางหยุดร้องไห้ ก่อนจะมองน้องชายที่นอนคว่ำอยู่บนเตียงด้วยความงงงัน “เฟิงคัง น่ะ นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
สวี่ซื่อกล่าวกับสาวใช้ในเรือน “ยังตะลึงอะไรอยู่อีก ไม่รีบยกชาให้พี่หญิงหรือ”
สาวใช้รีบย้ายเก้าอี้มาที่หน้าเตียง เพื่อให้กู้ผิงฮุ่ยนั่งลง นางกล่าวด้วยสีหน้าเป็นห่วงว่า “เฟิงคัง แท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้น ตอนที่ข้าเพิ่งเข้ามาก็เหมือนกัน รู้สึกว่าในจวนจะวุ่นวายกันไปหมด”
กู้เฟิงคังฝืนความเจ็บปวด ถามเสียงเบา “ในจวนเกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อย ท่านมาทำอะไร แล้วไยเมื่อครู่ถึงต้องร้องไห้”
คราวนี้กู้ผิงฮุ่ยถึงจะนึกจุดประสงค์ที่นางมาในวันนี้ได้ จึงร้องไห้ขึ้นอีกครั้งในทันที “เฟิงคัง เมื่อวานพี่เขยของเจ้าถูกคนทำร้าย โกดังเองก็ถูกไฟไหม้ จินเอ๋อร์ป่วยไข้กินยาไม่รู้ตั้งเท่าไรแล้วก็ยังไม่หาย ตอนนี้ในบ้านยังเกิดเรื่องขึ้นอีก แล้วข้าจะทำอย่างไรดี”
กู้เฟิงคังพลันมีสีหน้าเยือกเย็น เขาหันไปมองกู้เฟิงคังที่ปิดหน้าร้องไห้ว่า “ท่านว่าอะไรนะ พี่เขยก็ถูกคนทำร้ายเช่นกันหรือ ทั้งยังโดนเผาโกดังอีก”
กู้ผิงฮุ่ยเช็ดน้ำตา ก่อนจะมีปฏิกิริยาโดยพลัน “ถูกคนทำร้ายเช่นกัน?” นางมองกู้เฟิงคัง ตั้งแต่นางเข้ามาในนี้ กู้เฟิงคังเอาแต่นอนคว่ำไม่ขยับ “เจ้าเองก็ถูกคนทำร้าย?”
สวี่ซื่อกล่าวตอบ “ใช่เจ้าค่ะ เรื่องเกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ นายท่านถูกตี ทั้งยังเผาโกดังด้วย”
กู้เฟิงคังหน้านิ่งไปถนัดตา “ดูท่าจะเป็นคนกลุ่มเดียวกันที่มาจู่โจมพวกเรา ไอ้เฮงซวยน่าตาย กล้าดึงขนบนหลังเสือ รอข้าหาตัวเจ้าให้เจอเสียก่อนเถอะ คอยดูว่าข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร”
[1] อี๋เหนียง (姨娘) ตำแหน่งและคำเรียกอนุภรรยา