คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 385 ทำชั่ว / ตอนที่ 386 เสียเที่ยว
ตอนที่ 385 ทำชั่ว
หญิงชราไม่เคยเห็นเจ้าใหญ่ใช้ทีท่าน่าหวั่นเกรงราวกับจะกินคนเช่นนี้พูดกับนาง นางจึงผงะไปชั่วขณะหนึ่ง
แท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้น ก่อนหน้านี้เจ้ารองเปลี่ยนไปเป็นคนละคนกับในอดีต ตอนนี้เจ้าใหญ่ก็เปลี่ยนไปด้วยหรือนี่ แต่เขาเป็นบุตรชายที่นางรักและเอ็นดูมากที่สุดเชียวนะ
หลิวซื่อเห็นท่าทางของหญิงชราแล้ว จึงรีบเข้ามาไกล่เกลี่ย “ท่านแม่ เจ้าใหญ่ไม่ได้ตั้งใจตะคอกใส่ท่านนะเจ้าคะ เขาเพียงเจ็บจนทนไม่ไหว คงจะอัดอั้นตันใจทีเดียว ถึงได้หลุดปากพูดออกมาเช่นนี้ ท่านอย่าได้โกรธเคืองเขานะเจ้าคะ”
แม้ในใจของหญิงชราจะเป็นทุกข์ ทว่าก็ไม่ได้ติดใจเอาความ แต่ไหนแต่ไรเจ้าใหญ่ไม่เคยตะคอกใส่นางเช่นนี้ เขานับว่ามีความเคารพต่อนางทีเดียว ที่เขามีทีท่าเช่นนี้ในวันนี้ย่อมไม่มีเรื่องคาใจอย่างแน่นอน ช่างเถอะ อย่างไรเสียเขาก็เป็นบุตรชายของนาง จะโกรธเคืองเขาไปไย
เมื่อสงบใจได้แล้ว หญิงชราก็กล่าวกับเจ้าใหญ่ว่า “เจ้าใหญ่เอ๋ย ไม่ใช่ว่าแม่ไม่อยากตามหมอมาให้เจ้าในทันทีนะ แต่สถานการณ์ในบ้านเป็นอย่างไรเจ้าก็รู้ ตอนนี้ในมือของแม่มีเงินอยู่ไม่เท่าไร จะตามหมอมาย่อมต้องจ่ายค่ารักษา เอาอย่างนี้ดีกว่า เจ้าอดทนอีกสักหน่อย ข้ากับภรรยาเจ้าจะไปที่สกุลหูเดี๋ยวนี้ จะให้พวกเขาจัดการเรื่องทั้งหมดอย่างแน่นอน เมื่อพวกข้านำเงินกลับมาแล้ว จะตามหมอมาให้เจ้าในทันที เจ้าอดทนไว้ก่อนนะ พวกข้าจะรีบกลับมาโดยเร็ว”
เจ้าใหญ่อยากต่อว่าผู้เป็นมารดา ทว่าครั้นคำพูดนั้นมาถึงข้างปากแล้ว สุดท้ายเขาก็ได้แต่อดกลั้น พยักหน้าอย่างจนใจ “ไปเถอะๆ รีบไปรีบกลับ ข้ายังไม่อยากกลายเป็นคนพิการ”
ในใจของหญิงชรารู้สึกทั้งร้อนรนทั้งชิงชัง ร้อนใจอยากช่วยบุตรชายให้หลุดพ้นจากความเจ็บปวด ชิงชังที่บุตรชายคนนี้ไม่รู้จักอดใจ เดี๋ยวแขนหัก เดี๋ยวขาหักอยู่เรื่อย ไม่ได้อยู่อย่างสงบสักวัน เงินที่ใช้จ่ายไปในปีนี้ ก็มีแต่จ่ายให้เขานี่แหละ
นางกับหลิวซื่อเร่งฝีเท้าไปถึงด้านนอกลานบ้านของสกุลหู พวกนางเห็นประตูรั้วปิดสนิท ประตูเรือนก็ปิดสนิทเช่นกัน ทั้งยังลงกลอนไว้ด้วย จึงร้อนใจจนต้องก่นด่าออกมา “หูจ่างหลิน เจ้าไสหัวออกมาพบข้าเดี๋ยวนี้ ทำร้ายคนแล้วคิดจะปิดประตูบ้านหนีหรือ ข้าจะบอกเจ้าให้นะ มันไม่ง่ายดายเช่นนั้นหรอก”
ขณะสองแม่สามีและลูกสะใภ้กำลังต่อว่า ก็มีชาวบ้านสองคนผ่านมาพอดี คนหนึ่งในนั้นพูดเสียงเรียบๆ ว่า “พวกท่านมาหาเหล่าหูสินะ พวกเขานั่งรถม้าออกไปทั้งหมดแล้ว”
หญิงชราพลันหน้าเปลี่ยนสิ “ออกไปแล้ว? ออกไปที่ใด แล้วจ้าวหลานเล่า นางก็ไปด้วยหรือ”
ชายหนุ่มคนนั้นพยักหน้า “ไปแล้ว หูจ่างหลิน จ้าวหลาน ไป๋จื่อ รวมทั้งครอบครัวของอาอู่ ล้วนนั่งรถม้าออกไปกันจนเต็มคันรถ”
“ไปยังทิศทางใด” หลิวซื่อถาม
ทว่าชายหนุ่มกลับส่ายหน้า “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ข้าเห็นพวกเขาออกจากหมู่บ้านไป น่าจะไปที่เมืองชิงหยวน”
หญิงชราโมโหจนต้องถีบประตูรั้วบานสกุลหูครั้งหนึ่ง “ดีเหลือเกินนะหูจ่างหลิน ทำร้ายคนแล้วก็หนีไปเช่นนี้ เจ้าคิดว่าหนีครั้งนี้แล้ว จะหนีไปได้ตลอดกระมัง เก่งจริงก็ไม่ต้องกลับมาเลยตลอดชีวิต“
ชายหนุ่มคนนั้นพูดต่ออีกว่า “แม่เฒ่า ข้าก็เห็นเหตุการณ์ในตอนนั้นนะ เป็นเจ้าใหญ่ของบ้านท่านที่ลงมือก่อน โจวอาอู่ไม่ได้ขยับมือด้วยซ้ำไป ข้าเองก็แปลกใจเช่นกัน เจ้าใหญ่แค่ล้มเท่านั้น เหตุใดถึงได้แขนหักได้”
คนที่ร่วมทางมากับเขายิ้มกล่าวว่า “มีอะไรน่าแปลกกัน ครั้งก่อนเจ้าใหญ่ไม่ได้ถูกหูเฟิงหักแขนมาก่อนหรือ น่าจะเป็นเพราะยังไม่หายดี ล้มครั้งนี้จึงได้แขนหักอีก แต่เรื่องนี้จะโทษโจวอาอู่ไม่ได้จริงๆ เพราะเจ้าใหญ่บ้านท่านต่างหากที่ทำชั่วอย่างโจ้งแจ้งตั้งแต่แรก แต่กลับไม่มีใครลงมือกับเขาสักนิด”
ครั้นหลิวซื่อได้ยินดังนั้น นางก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก “เจ้าอย่าได้ถือโอกาสใส่ร้าย เจ้าใหญ่ของข้าเป็นคนซื่อสัตย์ มีศีลธรรม เขาเคยทำชั่วอย่างโจ่งแจ้งในหมู่บ้านนี้ตั้งแต่เมื่อไร เจ้าพูดมั่วให้มันน้อยๆ หน่อยเถอะ พูดอย่างกับว่าให้ร้ายเจ้าใหญ่ของข้าแล้ว เจ้าจะได้ประโยชน์จากสกุลหูอย่างไรอย่างนั้น ช่างน่าขันเสียจริง” หลิวซื่ออยากจะฉีกปากของพวกเขาสองคนเหลือปาก ปากเสียนัก
……….
ตอนที่ 386 เสียเที่ยว
ชายหนุ่มสองคนเห็นหลิวซื่อจะบันดาลโทสะ จึงไม่กล้าพูดอะไรอีก รีบแบกเครื่องมือทำไร่นาจากไป
หลิวซื่อหันไปมองหญิงชราที่กำลังโกรธขึ้งจนตัวสั่นเทา ถามว่า “ท่านแม่ ตอนนี้จะทำอย่างไรดี”
หญิงชราเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันตอบว่า “พวกเขาต้องจงใจแน่ๆ รู้ว่าพวกเราจะมาหาพวกเขาที่นี่ จึงจงใจหนีไปเช่นนี้”
สะใภ้ใหญ่กล่าวบ้าง “ต้องจงใจแน่เจ้าค่ะ จะโทษก็ต้องโทษที่ท่านหัวหน้าหมู่บ้านไม่อยู่ พวกเราเองก็ไม่รู้ว่าพวกเขาจะกลับมาเมื่อไร จะปล่อยให้เจ้าใหญ่รออยู่อย่างนั้นไปเรื่อยๆ ไม่ได้กระมัง ไม่สู้…”
นางยังไม่ทันได้ประโยคหลังออกมา หญิงชราก็ถลึงตามองมาแล้ว “ไม่สู้อะไร”
เดิมทีหลิวซื่อคิดจะโน้มน้าวให้นางนำเงินออกมาเชิญหมอก่อน รักษาเจ้าใหญ่ให้เรียบร้อย เพราะไม่ช้าก็เร็วหูจ่างหลินและไป๋จื่อย่อมต้องกลับมา ถึงตอนนั้นค่อยไปนำเงินจากพวกเขาก็ย่อมได้ ทว่าแต่ไหนแต่ไนหญิงชรามีแต่เก็บเงิน ไม่คิดจะนำเงินออกมาใช้ คิดจะขอเงินจากในมือนาง นั่นเป็นเรื่องยากยิ่งกว่าการขึ้นสวรรค์เสียอีก
ครั้งก่อนเจ้าใหญ่ขาหักก็ต้องอดทนอยู่นาง จนหมดหนทางแล้วจริงๆ นางถึงจะยอมเชิญหมอ วันนี้แขนหักอีกครั้ง อยากจะขอเงินจากนางเกรงว่าจะยากน่าดู
เวลานี้ท้องฟ้ามืดลงแล้ว ลมคลั่งกรรโชก เศษดินทรายในสายลมพัดเข้าตาพวกนาง ทำให้ต้องหรี่ตาลงในทันที
หญิงชรานึกได้ว่าข้าวสาลีที่เจ้าใหญ่และต้าเป่าขนไปก่อนหน้านี้ยังอยู่บนถนน “แย่แล้วๆ รีบกลับไปเก็บข้าวสาลีเร็ว รีบไป หากข้าวสาลีเปียกชื้นขึ้นมาต้องจบเห่แน่”
พวกนางสองคนวิ่งออกไปได้ไม่กี่ก้าว หยาดฝนเม็ดเป้งก็กระทบศีรษะและใบหน้าของพวกนาง หญิงชราร้อนใจจนล้มลุกคลุกคลาน โชคที่ยังไม่ถึงขั้นกระดูกหัก ถลันไปหารถเทียมวัวที่บรรทุกข้าวสาลีของพวกตนตลอดทาง
ครั้นพวกนางเจอรถเทียมวัวแล้ว ข้าวสาลีกลับเปียกโชก ทำเอาหญิงชราโมโหจนเกือบเป็นลมไปเลยทีเดียว
ทั้งสองคนร่วมแรงกันลากรถเทียมวัวกลับบ้าน ต้าเป่ากำลังนั่งเหม่ออยู่ในโถง ส่วนเจ้าใหญ่พิงหน้าอยู่กับเก้าอี้ ไม่เห็นเงาเจ้ารองกับฟู่กุ้ย หญิงชราพลันเกิดโทสะจนต้องยืนต่อว่าเสียงดังอยู่ในโถง “ทุกออกมาให้หมด พวกไม่มีประโยชน์ วันๆ รู้จักแต่กินกับนอน นอนกับกิน ข้าวสาลีตากฝนอยู่ข้างนอกไม่มีใครสนใจ ดีนัก ดีเสียจริง!”
ต้าเป่ามองหญิงชราด้วยความงุนงง “ท่านย่า พวกท่านก็นำข้าวสาลีกลับมาแล้วไม่ใช่หรือ ยังจะเอะอะอะไรอีก”
หลิวซื่อส่งสายตาให้บุตรชาย เป็นการบ่งบอกให้เขาเงียบ ทว่าไป๋ต้าเป่ากลับไม่เห็นสายตาของนาง ทั้งยังเดินไปที่หน้าประตูเพื่อดูสักครั้ง พลางชี้ไปยังข้าวสาลีที่เปียกชุ่ม “ข้านับดูแล้วไม่ขาด ไม่ขาดไปแม้สักถุงเดียว”
หญิงชราอยากจะตีเขาเสียจริงๆ ร่างของนางสั่นเทาไม่หยุด ไม่รู้ว่าโกรธหรือว่าหนาว
นางชี้นิ้วสั่นระริกไปที่ข้าวสาลีเปียกๆ ตรงนั้น ร้องว่า “ข้าวสาลีเปียกไปหมดแล้ว ยังจะขายได้เงินอีกหรือไร ผ่านไปไม่ถึงสองวันมันก็จะขึ้นราทั้งหมด เจ้ารู้หรือไม่ว่าหมายความว่าอะไร บ้านของพวกเราจบเห่แล้วอย่างไรล่ะ!”
เจ้าใหญ่แขนหัก ไม่มีเงินรักษา เสบียงอาหารที่จะใช้ในฤดูหนาวก็เสียหายเช่นนี้ หลังจากนี้พวกเขาต้องใช้ชีวิตกันอย่างไร จะผ่านฤดูหนาวไปได้อย่างไร จะอดทนไปถึงฤดูใบไม้ผลิปีหน้าได้หรือไม่
เวลานี้เจ้ารองและฟู่กุ้ยออกมาจากในห้องแล้ว จางซื่อและเจินจูที่กำลังต้มน้ำแกงปลาก็มาจากด้านหลังครัวด้วย
เจ้ารองเห็นหญิงชราเปียกไปทั้งตัว จึงรีบถามว่า “เกิดอะไรขึ้นกับพวกท่าน”
หญิงชราถลึงตามองเจ้ารองอย่างดุดันครั้งหนึ่ง “ยังมีหน้ามาถามอีกหรือว่าเกิดอะไรขึ้น ในบ้านเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้แล้ว เจ้ายังทำเป็นเหมือนไม่ได้เกิดอะไรขึ้น ทั้งยังต้มน้ำแกงปลากินกันอีก เจ้ายังเป็นคนอยู่หรือไม่”