คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 389 อาหารเป็นยา / ตอนที่ 390 อาหารเป็นยาขนานแท้
ตอนที่ 389 อาหารเป็นยา
เนื้อความของจดหมายมีแต่ไถ่ถามเถ้าแก่เฉินว่านางสบายดีหรือไม่ ถามว่าเหตุใดนางไม่ตอบจดหมาย
เถ้าแก่เฉินกล่าว “แม่นางไป๋ เหตุผลที่ใต้เท้าเมิ่งส่งจดหมายมาถามสถานการณ์ของเจ้าถึงสามฉบับภายในระยะเวลาสั้นๆ เป็นเพราะหลายวันก่อนข้าบอกเรื่องที่เจ้าถูกใต้เท้ากู้โบยให้เขารู้ เขาดูร้อนใจมาก อยากจะอ่านจดหมายตอบกลับที่เจ้าเขียนด้วยลายมือตนเอง ทว่าเจ้ากลับไม่ตอบไปเสียที เขาจึงส่งจดหมายเร่งเร้ามาให้ข้าที่นี่ไม่หยุด”
ไป๋จื่อส่งจดหมายกลับไปให้เขา สีหน้าอึดอัดอยู่บ้าง “ข้าขอโทษด้วยจริงๆ เจ้าค่ะ ที่สร้างความลำบากให้ท่าน แต่พักนี้ที่บ้านข้ายุ่งวุ่นวายนัก จึงลืมไปเสียสนิท ข้ากลับไปแล้วจะเขียนจดหมายทันทีเจ้าค่ะ”
เถ้าแก่เฉินโบกมือยิ้มๆ “ไม่ได้ลำบากอะไรเสียหน่อย เจ้าขี้เกรงใจเกินไปแล้ว หากวันนี้เจ้าไม่มา ข้าก็ตั้งใจจะไปหาเจ้าที่หมู่บ้านหวงถัวอยู่แล้ว นับว่าบังเอิญนัก”
เด็กสาวก็ยิ้มเช่นกัน “ข้ายังไม่ได้ขอบคุณท่านสำหรับเรื่องเมื่อคราวก่อนเลย วันนี้มาหาถึงที่แล้วก็ยังมามือเปล่า ข้าช่างไร้มารยาทเสียจริง”
“ระหว่างพวกเราไม่ต้องกล่าววาจาสุภาพเช่นนั้นแล้ว หากเจ้านับถือข้าเหมือนกับเมิ่งหนาน เช่นนั้นก็เรียกข้าว่าพี่ใหญ่เฉิน ส่วนข้าจะเรียกเจ้าว่าน้องสาว หลังจากนี้ธุระของเจ้าก็เป็นธุระของข้าไท่เหรินเช่นกัน ดีหรือไม่”
เฉินไท่เหรินชื่นชมเด็กสาวเช่นไป๋จื่อจากหัวใจ โดยไม่ได้เห็นแก่ความเกี่ยวข้องของนางกับเมิ่งหนาน ถึงแม้จะไม่มีเมิ่งหนาน เขาก็อยากจะรู้จักน้องสาวอย่างนางอยู่วันยันค่ำ
ไป๋จื่อรู้ว่าเฉินไท่เหรินเป็นคนที่ไว้ในได้ในเมืองชิงหยวน แม้แต่นักเลงท้องถิ่นอย่างกู้เฟิงคังก็ต้องไว้หน้าเขาอยู่หลายส่วน หากเรียกได้ว่าเป็นพี่น้องกับเขาจริงก็ย่อมเป็นเรื่องดีอย่างยิ่งยวด
“พี่ใหญ่เฉิน ข้าขอใช้ชาต่างเหล้า คารวะท่านสักถ้วย” ไป๋จื่อยกชาที่พนักงานร้านเพิ่งยกมาให้ขึ้นมา
เฉินไท่เหรินรีบยกถ้วยชาขึ้น “น้องข้า ต่อไปไม่ว่ามีเรื่องอะไรล้วนมาหาข้าได้เสมอ มิพักพูดถึงที่อื่น แต่เมืองชิงหยวนแห่งนี้ ไม่มีที่แห่งใดที่ข้าเฉินไท่เหรินช่วยเจ้าไม่ได้”
ทั้งสองคนดื่มชา สนทนากันอีกเล็กน้อย ก่อนจะเข้าประเด็นสำคัญในวันนี้
“น้องข้า ที่เจ้าพูดตอนที่อยู่ข้างล่างเมื่อครู่นี้ เจ้ามีความคิดอะไรหรือ” เฉินไท่เหรินถาม
ไป๋จื่อยิ้มกรุ้มกริ่ม นางลุกขึ้นเดินไปที่หน้าโต๊ะหนังสือ หยิบกระดาษสีขาวมาแผ่นหนึ่ง แล้วเขียนตัวหนังสือลงไปสองตัว
เฉินไม่เหรินรอนางนำกระดาษมาให้ไม่ไหว จึงเข้าไปอ่านที่ข้างกายนาง เขาพลันมีสีหน้าประหลาดใจ “อาหารเป็นยา? เจ้าอยากให้ข้าทำอาหารเป็นยารึ”
เด็กสาววางพู่กันลง หมุนกายไปนั่งลงตรงที่นั่งเดิม “ไม่ผิดเจ้าค่ะ ทำอาหารเป็นยา พี่ใหญ่เฉินเป็นคนทำธุรกิจ จัดการดูแลร้านอาหารมากมายในเมืองชิงหยวน ย่อมต้องรู้ราคาของอาหารเป็นยาแน่”
“อย่างไรเสียแตงดินก็เป็นอาหารของชาวบ้านทั่วไป ต่อให้ทำอร่อยมากกว่านี้ ราคาของมันก็ยังคงเท่าเดิม ไม่อาจเพิ่มราคาสูงเกินไปได้ แม้กำไรจะดีมาก แต่กลับยากจะได้รับผลตอบรับที่ดีในวงกว้างเจ้าค่ะ”
“หากทำอาหารเป็นยา ราคาของมันย่อมต้องสูงแน่นอน ราคาของอาหารเป็นยาสักมื้อ เทียบเท่ากับราคาเมื่อสั่งอาหารที่ทำจากแตงดินถึงร้อยชั่ง และอาหารเป็นยานี้ก็เป็นที่ต้องการของครอบครัวฐานะดี แม้เมืองชิงหยวนของพวกเราจะเล็ก แต่กลับเป็นสถานที่ติดต่อค้าขายบริเวณชายแดน ได้ยินว่ามีพ่อค้าทำการค้าขายกับแคว้นใกล้เคียงที่นี่ ได้เงินไม่น้อยเลยทีเดียว ขอเพียงมัดใจคนเหล่านั้นได้ อาหารเป็นยาของพวกเราต้องขายดีแน่นอนเจ้าค่ะ”
เถ้าแก่เฉินมีวิสัยทัศน์กว้างไกล เขาเคยลิ้มลองอาหารเป็นยาเช่นกัน มันเป็นที่แพร่หลายในเมืองหลวงอย่างมาก ร้านอาหารชื่อดังแทบทุกร้านล้วนมีอาหารเป็นยา ทว่าร้านที่ทำออกมาแล้วรสชาติเป็นเลิศกลับมีน้อยยิ่งกว่าน้อย
อาหารเป็นยาใช้สำหรับปรับสมดุลร่างกาย มีสรรพคุณทางยา และมีความเอร็ดอร่อยของอาหาร จึงได้รับการตอบรับอย่างมากในหมู่ผู้รากมากดี
ทว่าอาหารเป็นยาที่สามารถผสมผสานยาและอาหารเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์ มีรสชาติอร่อยและมีสรรพคุณทางยาได้อย่างแท้จริงนั้น แม้จะเป็นที่เมืองหลวง เขาก็ยังไม่เคยได้ยินว่ามีใครทำออกมาได้ดีสักคน
……….
ตอนที่ 390 อาหารเป็นยาขนานแท้
อาหารเป็นยาที่เถ้าแก่เฉินเคยกิน นับได้ว่ากินง่ายกว่ายาทั่วๆ ไปเท่านั้น ทว่าไม่ได้มีรสชาติเฉกเช่นอาหารที่แท้จริง
“หมายความว่าเจ้ารู้จักอาหารเป็นยาดีหรือ” เถ้าแก่เฉินรู้สึกสนใจขึ้นมาในทันที หากทำอาหารเป็นยาให้ดีได้ เขาอาจจะมีโอกาสหวนคืนสู่เมืองหลวง แม้กระทั่งใช้มันสลัดหลุดจากร้านสาขา และตั้งร้านของตัวเองได้
ไป๋จื่อพยักหน้าพลางยิ้มกริ่ม “รู้จักผิวเผินเท่านั้นเจ้าค่ะ เมื่อก่อนเคยทำอยู่สองสามครั้ง นับว่าพอใช้ได้”
เถ้าแก่เฉินรู้ว่าไป๋จื่อเป็นคนซื่อสัตย์ เอาจริงเอาจัง หากไม่ใช่เรื่องที่มีความมั่นใจ นางไม่มีทางพูดออกมาอย่างแน่นอน และเขายังรู้ว่าอีกว่าไป๋จื่อเชี่ยวชาญวิชาแพทย์ แม้แต่เมิ่งหนานเอ็นข้อมือขาดก็ยังรักษาให้หายได้
นางบอกนางรู้จักอาหารเป็นยา ก็นับว่าไม่มีความแปลกประหลาดใดสักนิด
เขาเก็บซ่อนความดีใจบนใบหน้าเอาไว้ แล้วรีบถามว่า “ความจริงแล้วอาหารเป็นยาไม่ได้ทำยาก ส่วนที่ยากอยู่ตรงที่จะควบคุมรสชาติของอาหารเป็นยานี้ได้อย่างไร ข้าขอไม่ปิดบังเจ้านะ ข้าเคยกินอาหารเป็นยาอยู่สองสามครั้ง ข้ายังลืมรสชาติของมันไม่ลงจนวันนี้ กินยากอย่างยิ่ง”
ไป๋จื่อยิ้มจาง “นั่นเป็นเพราะวิธีการทำไม่ถูกต้องเจ้าค่ะ ในเมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นอาหารเป็นยา ก็ต้องให้ความสำคัญตรงคำว่าอาหาร และในเมื่อยาก็เป็นอาหารได้เช่นกัน ฉะนั้นก็ต้องส่งเสริมสุขภาพและมีรสชาติอร่อย ถึงจะเป็นอาหารเป็นยาขนานแท้เจ้าค่ะ”
เถ้าแก่เฉินเห็นท่าทางมั่นใจในตัวเองของนางแล้ว เขาก็รู้สึกเบิกบานและวางใจได้อย่างแท้จริง จึงตบหน้าขาของตนเองครั้งหนึ่ง “น้องข้า หากเจ้าทำอาหารเป็นยาออกมาได้จริงๆ เช่นนั้นเจ้าก็เป็นผู้มีพระคุณของข้าแล้ว”
เด็กสาวไม่เข้าใจนัก “แค่ทำอาหารเป็นยาเท่านั้น รายได้ล้วนมอบให้ร้านอาหาร ข้าเองได้รับอานิสงส์เล็กน้อยเท่านั้น จะกลายเป็นผู้มีพระคุณของท่านไปได้อย่างไรกันเจ้าคะ”
“เจ้าน่ะไม่รู้อะไร ความจริงแล้วก่อนที่ข้าจะมาเมืองชิงหยวน ข้าเป็นผู้บริหารอันดับหนึ่งของเมืองหลวง นับเป็นคนที่มีหน้ามีตามากเช่นกัน ต่อมาเพราะเรื่องบางเรื่อง ผิดใจกับหัวหน้าผู้บริหาร เขาจึงบันดาลโทสะย้ายข้ามาดูแลร้านอาหารที่เมืองชิงหยวน”
“พริบตาเดียวก็ผ่านไปสิบปีแล้ว ปีที่แล้วหัวหน้าผู้บริหารป่วยไข้กลับบ้านเกิด หลังจากหัวหน้าผู้บริหารคนใหม่รับตำแหน่งแล้ว เขาก็ออกคำสั่งลดโทษให้เหล่าผู้บริหารที่หัวหน้าผู้บริหารคนก่อนย้ายไป ขอเพียงมีความดีความชอบ ก็จะพ้นจากโทษนี้ แม้กระทั่งจะพิจารณาไถ่ตัวให้ด้วย” แม้เขาเป็นผู้บริหารของสกุลว่าน ชื่อเสียงโด่งดัง มีเสื้อผ้าและอาหารครบครัน ทั้งยังเรียกได้ว่าบริหารกิจการมาไม่น้อย ทว่าตกมาอยู่ในจุดนี้ เขาก็เป็นแค่ข้ารับใช้คนหนึ่งของสกุลว่าน สัญญาทำงานยังอยู่ในกำมือของสกุลว่าน หากไถ่ตัวมาได้จริง ชีวิตนี้ของเขาก็ไม่มีอะไรต้องเสียใจแล้ว
ไป๋จื่อเข้าใจในทันที จู่ๆ นางก็เห็นใจพี่ใหญ่เฉินที่อยู่ตรงหน้าอยู่บ้าง เขาไม่ได้มีชีวิตสวยหรูเหมือนที่มองเห็นได้จากภายนอกจริงๆ
“พี่ใหญ่เฉิน วางใจเถอะ ในเมื่อจะทำแล้ว พวกเราก็ต้องทำให้ดี ทำอาหารเป็นยาออกมาให้ดีที่สุด”
เฉินไท่เหรินลุกขึ้นยืน ยกชาที่เหลืออยู่ครึ่งถ้วยขึ้นดื่มก่อนจนหมด “ดี พวกเราใช้ชาต่างเหล้า อวยพรให้ประสบความสำเร็จ”
ไป๋จื่อมีความั่นใจเต็มเปี่ยม จึงลุกขึ้นและตอบรับในทันทีว่า “ตกลงเจ้าค่ะ อวยพรให้ประสบความสำเร็จ”
นางหยิบกระดาษออกมาอีกแผ่นหนึ่ง ก่อนจะเขียนรายชื่อสมุนไพรลงไป แล้วยื่นให้เฉินไท่เหริน “พี่ใหญ่เฉิน นี่เป็นเมล็ดพันธุ์สมุนไพรที่ข้าต้องการ ของพวกนี้หากข้าไปตามหามาเองเกรงว่าจะลำบากนัก แต่ถ้ามีท่านออกหน้าให้น่าจะสะดวกไม่น้อยเจ้าค่ะ”
ร้านขายสมุนไพรชื่อดังผูกขาดการขายเมล็ดพันธุ์สมุนไพรไว้ คนทั่วไปไม่มีทางซื้อได้แน่
ทว่าเฉินไท่เหรินไม่ใช่คนธรรมดา เขาจะต้องมีวิธีการจัดหามาจนได้แน่นอน
เฉินไท่เหรินไม่รู้วิชาแพทย์ ทว่าเขาก็อายุมากกว่านาง รายชื่อสมุนไพรส่วนใหญ่เขาคุ้นเคยอยู่ไม่น้อย เขาถามด้วยสีหน้าใคร่รู้ว่า “เจ้าต้องการของเหล่านี้มาทำอะไร หากต้องการสมุนไพร ข้ามีลู่ทางหามาได้อยู่แล้ว เจ้าต้องการเท่าไรก็ย่อมได้ รับรองว่าได้ราคาต่ำที่สุดอย่างแน่นอน”
ไป๋จื่อโบกมือ “สมุนไพรแห้งพวกนั้นใช้ไม่ได้เจ้าค่ะ อาหารเป็นยาที่ข้าจะทำต้องใช้สมุนไพรสดใหม่ จำพวกที่เพิ่งเก็บมาจากในสวน ทำอาหารเป็นยาออกมาแล้วถึงจะมีสรรพคุณทางยา และในขณะเดียวกันก็มีกลิ่นหอมสดชื่นและอร่อยเจ้าค่ะ”