คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 395 นกที่ตื่นเช้าย่อมมีหนอนกิน / ตอนที่ 396 คนรักของไป๋เจินจู
- Home
- คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา
- ตอนที่ 395 นกที่ตื่นเช้าย่อมมีหนอนกิน / ตอนที่ 396 คนรักของไป๋เจินจู
ตอนที่ 395 นกที่ตื่นเช้าย่อมมีหนอนกิน
“บ้านของเราเหลือเงินอยู่เพียงสามตำลึงเงิน ข้าลองคิดค่าใช้จ่ายตามที่หมอลู่เคยรักษาให้เจ้าแล้ว สามตำลึงเงินนี้ไม่พอแน่ ถึงแม้ครั้งนี้หมอลู่จะใจกว้าง เก็บค่ารักษาเพียงสามตำลึง แต่พวกเราก็จะถังแตก อย่าว่าแต่ไม่มีเงินจ่ายค่าเรียนของเสี่ยวเฟิงในปีหน้าเลย แค่ฤดูหนาวปีนี้ก็ไม่รู้จะผ่านไปได้อย่างไรแล้ว”
หญิงชรายิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกโมโห เสียงดังขึ้นหลายเท่า “เจ้าใหญ่ เจ้าว่าแม่ควรจะทำอย่างไรดี”
บุตรชายคนนี้ที่อยู่เบื้องหน้า เดิมทีเขานับเป็นคนที่ไร้ประโยชน์ ก่อนหน้านี้นางไม่เคยรู้สึกเลยสักนิด จนกระทั่งวันนี้นางถึงจะตาสว่าง
เหตุผลที่สกุลไป๋ในอดีตมีชีวิตที่สุขสบาย นั่นเป็นเพราะมีจ้าวหลานอยู่ ตั้งแต่จ้าวหลานและไป๋จื่อจากไป บ้านหลังนี้ก็ไม่เคยมีชีวิตที่ดีเลยสักวัน
เพิ่งแยกบ้านไปได้วันเดียวเขาก็แขนหัก เสบียงอาหารที่จะใช้ในฤดูหนาวก็เปียกน้ำ เงินที่เหลือยังจำต้องนำออกมาใช้รักษาเขาอีก ส่วนเขากลับไม่มีความคิดจะรู้สึกผิดเลยสักนิด มีแต่ทำหน้าตาไม่รู้สึกรู้สาอะไร ทั้งยังแสดงท่าทีร้ายกาจเช่นนั้นต่อหน้านางอีก
แต่ไหนเลยเจ้าใหญ่จะสนใจเรื่องในอดีต ตอนนี้เขาเพียงอยากรักษาแขนทั้งสองข้างนี้ให้หาย เพราะเขาไม่อยากกลายเป็นคนพิการ เรื่องในอนาคตก็ค่อยว่ากันในอนาคต คนเราขอเพียงมีชีวิตอยู่ต่อไป จะยังกลัวไม่มีหนทางให้เอาชีวิตรอดอีกหรือ
“ควรจะทำอย่างไรดี? แน่นอนว่าท่านต้องตามหมอมาให้ข้าก่อน เรื่องอื่นวางไว้ค่อยจัดการทีหลัง รักษาแขนให้ข้าถือว่าเร่งด่วนที่สุด หากข้ากลายเป็นคนพิการ พวกท่านจะยังมีชีวิตที่ดีอยู่ได้อีกหรือ ไม่มีเงินก็แค่หาใหม่ แต่ถ้าหากข้าไม่มีแขนแล้ว พวกท่านก็รออดตายได้เลย!”
พูดย่อมเป็นเรื่องง่าย ไม่มีเงินก็แค่หาใหม่ ทั้งชีวิตนี้ของเขาเจ้าใหญ่ เคยหาเงินได้สักเหรียญทองแดงหรือไม่
หญิงชราไม่อยากพูดมากอีกแล้ว นางหมุนกายเข้าเรือนไป ผ่านไปสักพักหนึ่งถึงได้ถือเงินสามตำลึงออกมา หนึ่งตำลึงในนั้นเป็นเงินย่อยรวมอยู่ด้วยกัน นางยัดสามตำลึงเงินใส่มือของหลิวซื่อ “เจ้าไปเชิญหมอลู่เถอะ พูดกับเขาดีๆ อย่างไรเสียก็เป็นคนในหมู่บ้านเดียวกัน ขอให้เขาคิดเงินน้อยๆ หน่อย สกุลเราตกต่ำถึงเพียงนี้แล้ว เขาไม่มีทางมองข้ามไม่ยอมช่วยพวกแน่!”
หลิวซื่อรับเงินไป ในใจทั้งดีใจทั้งอัดอั้น ดีใจที่สามีมีหนทางรอด ทว่าก็อัดอั้นเพราะไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรต่อไป
เจ้ารองกลับเข้าเรือนไป กินน้ำแกงปลาที่เหลือจนหมด
ไป๋เจินจูนั่งอยู่ใต้บานหน้าต่าง มองท้องฟ้าที่มีเมฆดำปกคลุมด้านนอก ในแววตาเต็มไปด้วยความแค้นเคือง
จางซื่อวางถ้วยน้ำแกงปลาสีขาวละเอียดลงตรงหน้านาง ก่อนจะถามเสียงเบา “เจ้าคิดอะไรอยู่หรือ”
ไป๋เจินจูตื่นจากภวังค์ แล้วถอนใจเสียงหนึ่ง “ไม่ได้คิดอะไรเจ้าค่ะ” นางรับตะเกียบที่ผู้เป็นมารดาส่งมาให้ คีบเนื้อปลาชิ้นหนึ่งใส่ปาก รสชาติสดหวานคลายความขุ่นเคืองใจของนางไปได้ในทันที “ท่านแม่ ปลานี้สดนัก”
จางซื่อเห็นบุตรสาวกินอย่างเอร็ดอร่อย ก็พลันยิ้มออกมา “ค่อยๆ กินนะ ยังมีเหลืออีก”
ฟู่กุ้ยที่อยู่ข้างๆ กลืนน้ำแกงปลาในปาก สีหน้าพึงพอใจยิ่ง “ท่านพ่อ ท่านแม่ ถ้าหากพวกเรามีปลากินเช่นนี้ทุกวันคงจะดีไม่น้อยเลย!”
จางซื่อต่อว่ายิ้มๆ “เจ้านี่ตะกละจริง ฝันหวานทีเดียวเชียว แม่น้ำตรงหน้าหมู่บ้านของพวกเราทั้งลึก ทั้งไหลเชี่ยว มีปลาอยู่ในนั้นไม่น้อย แต่ไม่ใช่ว่าใครๆ ก็จับมันได้ วันนี้พ่อของเจ้านับว่ามีโชค ถือได้ตกปลามาได้หลายตัวเช่นนี้”
เจ้ารองยิ้มรับคำ “ก่อนหน้านี้ข้าเคยได้ยินว่ามีคนตกปลาได้อยู่บ่อยๆ ทีแรกข้าก็ไม่เชื่อ เพราะไม่เข้าใจว่าเหตุใดพวกเขาตกปลาได้ แต่ข้าตกไม่ได้บ้าง วันนี้ข้าเข้าใจกระจ่างแจ้งแล้วว่าเป็นเพราะเหตุใด”
“เพราะอะไรหรือ” จางซื่อยิ้มถาม
“โบราณว่าไว้ นกที่ตื่นเช้าย่อมมีหนอนกิน ขอเพียงตื่นเช้ามากพอก็ไปทันเวลา หากวันนี้ข้าไปช้ากว่านี้เพียงเล็กน้อย ปลานี้คงจะเป็นของบ้านอื่นไปแล้วกระมัง” เจ้ารองกล่าวจบก็หัวเราะร่า
……….
ตอนที่ 396 คนรักของไป๋เจินจู
จางซื่อเบิกบานใจจนยิ้มไม่หุบ “ในที่สุดเจ้าก็ตาสว่างเสียที เมื่อก่อนที่นี่มีจ้าวหลาน นางทำงานทั้งในและนอกบ้าน ส่วนพวกเจ้าว่างงาน ข้าเองอยู่ในบ้านก็สบายใจเช่นกัน นับว่ามีชีวิตที่ไม่เลวเลยทีเดียว แต่วันนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว หากตอนนี้อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปก็ต้องพึ่งตนเอง ปลูกข้าวลงที่ดิน ไหนเลยจะตื่นสายได้อีก ไม่ตื่นเช้าก็ต้องกินลมตะวันตกเฉียงเหนือแล้วล่ะ”
นางหันไปมองไป๋เจินจูที่มีเรื่องหนักอกหนักใจครั้งหนึ่ง ก่อนจะกล่าวกับสามีว่า “เจินจูของพวกเราก็อายุไม่น้อยแล้ว ถึงวัยแต่งงานแล้วเช่นกัน ก่อนหน้านี้เคยมีคนมาสู่ขอนาง ทว่าตั้งแต่จ้าวหลานแยกบ้านจากพวกเราไป ก็ไม่เคยมีใครมาทาบทามอีกเลย เพราะทั่วทั้งหมู่บ้านล้วนรู้ว่าบ้านของพวกเราขาดจ้าวหลานไปแล้วก็ไม่น่าจะมีชีวิตสุขสบาย จึงไม่อยากมาเกี่ยวดองกับพวกเรา นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ข้าร้อนใจอยากแยกบ้าน มีบ้านใหญ่คอยถ่วงอยู่เช่นนี้ หากเจินจูอยากหาครอบครัวที่ดีแต่งออกไป นั่นเป็นเรื่องยากยิ่งกว่าการขึ้นสวรรค์เสียอีก”
“ตอนนี้พวกเราแยกบ้านแล้ว ขอเพียงพวกเราตั้งใจทำงาน แต่งองค์ทรงเครื่องให้เจินจูสักหน่อย ก็คงไม่ต้องกังวลว่าจะหาครอบครัวที่ดีไม่ได้แล้วกระมัง”
เจ้ารองกำลังจะตอบรับ กลับเห็นไป๋เจินจูลุกขึ้นยืนอย่างกระตือรือร้น นางกล่าวกับผู้เป็นมารดาว่า “ท่านแม่ ข้าไม่อยากแต่งให้ใคร ข้าอยากอยู่เคียงข้างพวกท่านทั้งสอง ไม่ได้อยากแต่งออกไปอยู่บ้านใดทั้งนั้น”
จางซื่อปิดปากหัวเราะเสียงเบา “ดูสิ ไม่ต้องอายหรอก ช่างไร้เดียงสานัก มีสตรีคนใดไม่อยากแต่งงานบ้าง เรื่องแต่งงานก็แค่จะช้าหรือเร็วเท่านั้น ปีนี้เจ้าอายุสิบห้าปีแล้ว ถึงแม้ปีนี้จะยังหมั้นหมายไม่ได้ แต่ปีหน้าจะต้องหมั้นหมายไว้อย่างแน่นอน ขืนชักช้าต่อไป เจ้าจะกลายเป็นสตรีแก่เอานะ”
ไป๋เจินจูร้อนใจ “ท่านแม่ ข้าไม่ได้อาย ข้าพูดจริงๆ เจ้าค่ะ ข้าไม่อยากแต่งให้ผู้ใด”
ฟู่กุ้ยวางชามในมือลง ก่อนจะพลิกหลังมือขึ้นเช็ดน้ำแกงที่มุมปาก กล่าวกลั้วหัวเราะว่า “ท่านแม่ ในใจของท่านพี่ชอบพอคนผู้หนึ่งอยู่แล้ว ไม่ใช่ไม่อยากแต่งให้ผู้ใดหรอก”
จางซื่อชะงักงัน ในใจชอบพอคนผู้หนึ่ง? แต่ไหนแต่ไรเจินจูไม่ค่อยได้พูดคุยกับผู้ใด ไม่ออกจากประตูรั้ว ไม่ห่างจากประตูห้อง แล้วนางไปชอบพอใครตั้งแต่เมื่อใดกัน
นางถลึงตามองฟู่กุ้ยครั้งหนึ่ง “อย่าพูดมั่วซั่ว คนอื่นได้ยินเข้าคงไม่ดีแน่”
ฟู่กุ้ยส่ายหน้า “ท่านแม่ ข้าไม่ได้พูดมั่ว ในใจของท่านพี่…”
ไป๋เจินจูถลันมาข้างหน้า ปิดปากของน้องชายเอาไว้ ไม่ให้เขาพูดต่อไปอีก “เจ้าหุบปากเดี๋ยวนี้ ปกติเจ้าชอบพูดมั่วต่อหน้าข้าน่ะช่างเถอะ แต่ยังกล้าพูดมั่วต่อหน้าท่านพ่อกับท่านแม่อีกหรือนี่ ขืนเจ้ายังกล้าพูดต่อไปอีก ระวังไว้เถอะข้าจะฉีกปากเจ้า”
ปีนี้ฟู่กุ้ยอายุสิบสามปี เขามีรูปร่างผอมและเตี้ย สูงพอๆ กับไป๋เจินจูที่อายุสิบห้า ทว่าพละกำลังกลับมหาศาลกว่าเด็กสาวอย่างไป๋เจินจูนัก
เขาออกแรงดันพี่สาวของตนออกไป แลบลิ้นพูดว่า “ข้าไม่ได้พูดมั่วสักหน่อย ท่านชอบหูเฟิงไม่ใช่หรือ ข้ารู้ตั้งนานแล้ว ไม่ต้องปิดบังข้าหรอก เรื่องพรรค์นี้ปิดบังไปแล้วจะสมดังใจปรารถนาได้อย่างไร”
จางซื่อหน้าเปลี่ยนสี “เจินจู ฟู่กุ้ยพูดจริงหรือ เจ้าชอบพอหูเฟิงรึ”
ไป๋เจินจูหน้าแดงราวกับก้นลิงก็ไม่ปาน “ข้าไม่ได้ชอบเขา ท่านอย่าไปฟังฟู่กุ้ยพูดมั่วเลย”
เจ้ารองและจางซื่อล้วนเป็นคนที่มีประสบการณ์ แค่มองท่าทีขวยเขินของบุตรสาวปราดเดียวก็เข้าใจทุกอย่างแล้ว
จางซื่อนร้อนรน รีบจับมือของไป๋เจินจูไว้ “เด็กโง่ของแม่ เจ้าชอบใครไม่ชอบ แต่กลับชอบหูเฟิงเนี่ยนะ”
ไป๋เจินจูชะงักไปเล็กน้อย มองผู้เป็นแม่อย่างไม่เข้าใจ “ท่านแม่ ท่านหมายความว่าอย่างไร เหตุใดข้าถึงจะชอบเขาไม่ได้”
“เจ้าต้องถามอีกหรือว่าเพราะเหตุใด คนทั่วทั้งหมู่บ้านล้วนเห็นชัดแจ้งตำตา หูเฟิงกับนางเด็กไป๋จื่อเหมือนคู่ข้าวใหม่ปลามันอย่างไรอย่างนั้น ทั้งยังใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันทั้งวันอีก ไม่แน่ว่าอาจจะหมั้นหมายกันไว้แล้วก็เป็นได้ เจ้าชอบเขาแล้วจะมีประโยชน์อะไร ไม่มีความหวังเลยสักนิด!” จางซื่อกล่าว
*****
เพื่อเป็นการตอบแทนนักอ่านที่สนับสนุนเราเสมอมา
เราขอมอบโค้ดเหรียญทองให้เป็นของขวัญปีใหม่แก่นักอ่านผู้โชคดีที่เข้ามาอ่านนิยายในตอนนี้
*โค้ดมีจำนวนจำกัด และต้องเติมภายในวันที่ 31 มกราคม 2565
คุณนักอ่านสามารถเติมเหรียญได้ในเมนู *กรอกรหัสโปรโมชัน* ในแอปแอนดรอยด์ หรือ ในหน้ากระเป๋าเงินในเว็บไซต์ (https://fictionlog.co/i/payment) ทั้งนี้ โค้ดเหรียญทองต้องพิมพ์เป็นตัวใหญ่ ไม่มีสัญลักษณ์อื่นนอกจาก – _ และไม่มีเว้นวรรคทั้งหน้าและหลังโค้ด
สวัสดีปีใหม่ 🙂
—