คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 413 ป่วยไข้แต่กำเนิด / ตอนที่ 414 เนื้อวัวที่แสนอร่อย
- Home
- คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา
- ตอนที่ 413 ป่วยไข้แต่กำเนิด / ตอนที่ 414 เนื้อวัวที่แสนอร่อย
ตอนที่ 413 ป่วยไข้แต่กำเนิด
หูเฟิงกล่าวกับเสี่ยวเฟิงว่า “เสี่ยวเฟิง รีบให้พ่อของเจ้ากินข้าวเร็ว” ส่วนเขาอ้อมไปถึงข้างๆ ของฟู่เจิง
ฟู่เจิงบาดเจ็บหนักมาก บาดแผลบนเรือนร่างเน่าเปื่อยและเกิดหนอง กลิ่นเหม็นจากหนองที่ได้กลิ่นตอนเข้ามาในกระโจม ก็โชยมาจากตัวเขานี่แหละ
เขาช่วยให้ฟู่เจิงหายใจก่อน ระหว่างที่หยิกตัวก็ให้อีกฝ่ายดื่มน้ำ เขาทำได้เพียงเท่านี้
หากมีไป๋จื่ออยู่ด้วย นางจะต้องมีวิธีช่วยพวกเขาที่ดีกว่านี้แน่
ฟู่เจิงตื่นขึ้นมาได้แค่ช่วงสั้นๆ ไม่นานก็สลบไปเช่นเดิม เกรงว่าเขายังไม่ทันได้เห็นหน้าของหูเฟิงชัดๆ เลยด้วยซ้ำ
โจวกังกลืนอาหารในปากลงคออย่างยากลำบาก ก่อนจะถอนใจกล่าวว่า “เขาหิว พวกข้าไม่ได้กินข้าวมาหลายวันแล้ว”
เสี่ยวเฟิงร้องไห้ “ต้องโทษที่ข้าไร้ประโยชน์ ทุกครั้งที่มาส่งข้าวล้วนถูกผู้คุมข้างนอกนั่นฉวยไป ทำให้พวกท่านต้องทนหิวอยู่หลายวันเช่นนี้”
โจวกังลูบผมของเสี่ยวเฟิง พลางยิ้มอย่างขมขื่นว่า “เด็กโง่ จะโทษเจ้าเช่นนั้นได้อย่างไร ต้องโทษที่พ่อไม่มีประโยชน์ต่างหาก ถึงปกป้องพวกเจ้าไม่ได้ ทั้งยังทำให้เจ้าต้องตกระกำลำบากอยู่ที่นี่”
เด็กชายส่ายหน้า “ข้าไม่ลำบากเลย ท่านพ่อ ข้าไม่ลำบากเลยจริงๆ ขอเพียงได้พบท่าน ขอเพียงท่านพ่อยังมีชีวิตอยู่ ข้าก็พอใจแล้ว”
หูเฟิงโอบฟู่เจิงไว้ในอ้อมกอด แล้วหันหน้าไปมองเสี่ยวเฟิงกับโจวกัง เอ่ยเสียงขรึมว่า “เสี่ยวเฟิง เจ้าวางใจเถอะ พ่อของเจ้าไม่มีทางตาย มีข้าอยู่ตรงนี้ พวกเขาจะมีชีวิตอยู่ต่อ ความลำบากและทุกข์ที่พวกเราเคยได้รับ สุดท้ายแล้วพวกเราจะคืนกลับไปทีละนิด และชิงทุกอย่างที่เดิมทีเคยเป็นของพวกเรากลับมา”
โจวกังรู้สึกซาบซึ้งอย่างยิ่งยวด จิ้นอ๋องของพวกเขากลับมาแล้ว กลับมาแล้วจริงๆ
ราวกับว่ารู้สึกได้ถึงความฮึกเหิมอันเร่าร้อนของทั้งหูเฟิงและโจวกัง ฟู่เจิงที่นอนอยู่ในอ้อมแขนของชายหนุ่มจึงค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาแล้ว
เขาพยายามลืมตาที่พร่ามัว มองใบหน้าที่แม้จะสกปรก แต่กลับซ่อนความงดงามและคมกล้าเอาไว้ไม่มิดนั้น เขาคุ้นเคยกับใบหน้านั้นเป็นอย่างยิ่ง เพราะเขาเคยเห็นใบหน้าอยู่ในฝันมานับไม่ถ้วน
“ทะ ท่านอ๋อง?” ฟู่เจิงมองใบหน้าที่อยู่ตรงหน้าด้วยความตะลึงลาน นี่เป็นเรื่องจริงหรือนี่
หูเฟิงพยักหน้า กล่าวด้วยขอบตาแดงก่ำ “ข้าเอง ข้ามาช้าไป ลำบากพวกท่านแล้ว”
ฟู่เจิงอ้าปาก อยากจะส่งเสียงร้องไห้ แต่กลับไม่อาจส่งเสียงใดๆ ออกมาได้ มีเพียงน้ำตาไหลอาบลงมาอย่างไม่ยอมหยุด
ที่เขามีชีวิตมาจนถึงวันนี้ได้ เป็นเพราะปณิธานที่ไม่ยอมแพ้และไม่เชื่อ เขาไม่เชื่อว่าจิ้นอ๋องจะตาย ไม่เชื่อว่าจิ้นอ๋องจะทอดทิ้งพวกเขา ยิ่งไม่เชื่อว่าบุคคลที่พวกเขาเห็นว่าเก่งกาจไม่มีใครเทียบอย่างจิ้นอ๋องจะพ่ายแพ้
เขาจึงกัดฟันรอดชีวิตมาได้ ทนรับการทรมานจากคนที่ไม่ใช่มนุษย์เหล่านี้ ก็เพื่อให้วันนี้มาถึง ในที่สุดวันที่คอยก็มาถึงเสียที
“ข้ารู้เสมอ ข้ารู้ว่าท่านอ๋องจะต้องกลับมา ความลำบากที่ข้าได้รับเหล่านั้น นับว่าไม่เสียเปล่าแล้ว!”
หูเฟิงกล่าวเสียงขรึม “คุยกันที่นี่คงไม่สะดวกนัก พวกเจ้าจำไว้ว่าจะต้องรอดชีวิต ข้าจะหาทางช่วยพวกเจ้าออกไปให้ได้”
ฟู่เจิงพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ข้าทนทุกข์มานานถึงเพียงนี้ ก็เพื่อรอให้วันนี้มาถึง ข้าไม่มีทางตายเด็ดขาด ตายไม่ได้เด็ดขาด ข้ายังอยากติดตามท่านอ๋อง เคียงบ่าเคียงไหล่ของท่านอ๋องไปตลอดชีวิต”
“ดี จำคำของพวกเจ้าไว้” หูเฟิงยกอาหารมา ป้อนให้เข้ากินทีละคำ
โจวกังที่อยู่ข้างๆ กินอิ่มแล้ว เขากล่าวกับหูเฟิงว่า “ท่านอ๋อง ข้ามีเรื่องจะขอร้องท่านเรื่องหนึ่ง
หูเฟิงเหล่มองเสี่ยวเฟิงครั้งหนึ่ง “เจ้าอยากให้เสี่ยวเฟิงไปจากที่นี่หรือ”
“เสี่ยวเฟิงเพิ่งอายุสิบสาม ป่วยไข้แต่กำเนิด ร่างกายอ่อนแอนัก ขืนอยู่ที่นี่ต่อไป เขาต้องรับไม่ไหวแน่นอน” โจวกังกล่าว
ป่วยไข้แต่กำเนิด? มิน่าเล่าเขาถึงผอมแห้งเช่นนี้
หูเฟิงพยักหน้า “เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะหาทางให้เขาไปจากที่นี่”
เสี่ยวเฟิงรีบแย้ง “ข้าไม่ไป ท่านพ่อ พวกเราไม่มีบ้านให้อยู่แล้ว หากข้าไปแล้ว ข้าจะไปอยู่ที่ใดกัน”
……….
ตอนที่ 414 เนื้อวัวที่แสนอร่อย
โจวกังกล่าว “แต่ถ้าเกิดเจ้าป่วยเมื่ออยู่ที่นี่ พวกข้าจะดูแลเจ้าไม่ได้ เจ้ามีแต่จะต้องตายเท่านั้น”
เสี่ยวเฟิงส่ายหน้า “ข้าไม่ไป ถึงแม้ข้าจะตาย ข้าก็จะตายอยู่เคียงข้างท่านพ่อ”
หูเฟิงพลันกล่าวต่อ “ไม่มีใครจะตายทั้งนั้น เสี่ยวเฟิง เจ้าเชื่อฟังพ่อของเจ้าเถอะ ไปจากที่นี่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเจ้า เจ้าอยู่ต่อก็ช่วยอะไรไม่ได้ สู้จากไปให้ไกล พ่อของเจ้าจะได้วางใจ และร่วมกันทำการใหญ่กับข้าได้”
เขาพูดกับโจวกังอีกว่า “ข้ารู้จักคนคนหนึ่ง นางเชี่ยวชาญวิชาแพทย์มาก หากเสี่ยวเฟิงไปหานางที่นั่น อาจจะรักษาโรคที่เป็นมาตั้งแต่เกิดได้”
โจวกังพลันมีสีหน้าปีติ “เช่นนั้นก็ดียิ่ง!”
ทั้งสามคนสนทนากันต่ออีกพักหนึ่ง ก่อนที่หูเฟิงจะหันไปมองสีท้องฟ้าข้างนอกกระโจม กล่าวว่า “สายแล้ว ขืนพวกข้ายังไม่ออกไปอีก ผู้คุมข้างนอกนั่นคงจะสงสัย พวกเจ้ารักษาร่างกายให้ดี ข้าจะหาโอกาสนำยามาให้พวกเจ้าสักหน่อย แต่อย่าให้ผิดสังเกต”
ครั้นกล่าวจบ เขาก็พาเสี่ยวเฟิงออกไป คืนกระบอกน้ำที่ว่างเปล่าไว้ที่ข้างเอวของผู้คุม แล้วถือกล่องอาหารออกจากค่ายบูรพาที่เจ็ดไป
“ไยเพิ่งกลับมาเอาป่านนี้ ไปทำอะไรมาหรือ” จูซื่อกำลังหั่นผัก เดิมทีงานนี้เป็นความรับผิดชอบของหูเฟิง ทว่าหูเฟิงไม่อยู่ เขาจึงรับหน้าที่แทนก่อน
หูเฟิงกวาดสายตามองไปรอบๆ กล่าวด้วยความสงสัย “เหตุใดเจ้าถึงอยู่ที่นี่เพียงลำพัง คนอื่นเล่า”
จูซื่อชี้ไปยังยอดเขาที่อยู่ไม่ไกล “ไปเก็บฟืน ทีแรกข้าก็จะไปด้วยเช่นกัน ทว่าเจ้ายังทำงานนี้ไม่เสร็จไม่ใช่รึ ข้าเลยว่าจะทำให้ก่อนแล้วค่อยไป”
ชายหนุ่มมองตามนิ้วของจูซื่อไปยังยอดเขาลูกนั้น ขณะเดียวกันก็ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
จูซื่อกวาดผักที่อยู่บนเขียงลงไปในถังไม้ใบใหญ่ ก่อนที่เขาจะดึงแขนเสื้อของหูเฟิง “ในที่สุดก็ทำเสร็จเสียที ต้องไปเก็บฟืนแล้ว เจ้าจะไปด้วยกันหรือไม่”
หูเฟิงพยักหน้า “ไป ต้องไปแน่นอน”
เขาให้เสี่ยวเฟิงไปพักผ่อนในกระโจม พร้อมทั้งนำเนื้อวัวตากแห้งที่ซ่อนไว้ออกมาด้วย “เจ้าหิวก็กินเสีย หากง่วงก็นอนหลับ ไม่ต้องสนใจเรื่องอื่น มีข้าอยู่ทั้งคน”
เสี่ยวเฟิงพยักหน้า ขอบตาร้อนผ่าว ตั้งแต่เขามายังค่ายทหารแห่งนี้ ก็ไม่เคยได้มีชีวิตที่ดีเลยสักวัน ทุกคนล้วนเอาแต่รังแกเขา หัวเราะเยาะเขา ไม่มีใครเห็นใจเพราะว่าเขาผมบางและตัวเล็กเช่นนี้
ระหว่างทางมุ่งหน้าขึ้นสู่ยอดเขา หูเฟิงส่งเนื้อตากแห้งให้จูซื่อ ส่วนตัวเองก็เคี้ยวมันไม่ขาดปากด้วยเช่นกัน
“ไป๋จื่อเป็นคนทำหรือนี่ ตอนที่พวกเราออกจากหมู่บ้าน ข้าเห็นนางยัดห่อของให้เจ้าด้วย มันคือเนื้อตากแห้งรึ”
“อืม!” หูเฟิงตอบรับเสียงเบา สายตาสอดส่องมองรอบข้าง จดจำภูมิประเทศของที่นี่
จูซื่อกัดเนื้อตากแห้งคำหนึ่ง ทันทีที่เนื้อเข้าไปในปาก เขารู้สึกว่าเนื้อสัมผัสแข็งกระด้างมาก ทว่ายิ่งเคี้ยวไปเรื่อยๆ ก็ยิ่งนิ่มและมีรสชาติ ไม่นานนักเขาก็เคี้ยวเนื้อคำนี้จดหมดเกลี้ยง
“มีอีกหรือไม่”
หูเฟิงงุนงง “มีอะไรหรือ”
“เนื้อตากแห้งอย่างไรเล่า! มันรสชาติยอดเยี่ยมนัก ข้าไม่เคยกินเนื้อตากแห้งที่อร่อยขนาดนี้เลย ให้ข้าอีกสักชิ้นเถอะ”
“หมดแล้ว!” หูเฟิงส่ายหน้า
“หมดแล้ว? เป็นไปไม่ได้ ข้าเห็นไป๋จื่อให้เจ้าตั้งห่อใหญ่ นี่ผ่านไปแค่สองวันเท่านั้น เจ้ากินหมดแล้วหรือ ข้าไม่เชื่อหรอก” จูซื่อร้อนรนอยู่บ้าง ของอร่อยขนาดนี้ เขารู้สึกว่ายังลิ้มรสชาติของมันได้ไม่หนำใจเลย
หูเฟิงไม่สนใจเขา “ข้าบอกว่าหมดแล้วก็หมดแล้วสิ เจ้าจะเชื่อหรือไม่ก็เป็นเรื่องของเจ้า!” หากรู้ว่าเขาจะตะกละถึงเพียงนี้ ไม่ให้เขายังจะดีเสียกว่า คราวนี้เนื้อตากแห้งหมดไปชิ้นหนึ่งแล้ว คนผู้นี้ยังไม่รู้จักพออีก
หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น จูซื่อจะต้องเข้าไปแย่งมาแน่ แต่หูเฟิงผู้นี้…เขาไม่กล้าหือด้วย แม้ภายนอกของหูเฟิงจะดูเป็นคนมารยาทดี แต่แววตาของเขากลับแฝงไปด้วยความกดดัน ทำให้เขาไม่กล้าบุ่มบ่ามเข้าใกล้