คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 433 อย่าได้กล่าวโทษข้า / ตอนที่ 434 ปลูกอะไร
ตอนที่ 433 อย่าได้กล่าวโทษข้า
เมิ่งหนานมีสีหน้าเคร่งขรึมแล้ว “ท่านแม่ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนาง ข้าไม่ได้ชอบพอเจิ้งหรูเสวี่ย ย่อมไม่อาจแต่งกับนางอยู่แล้ว”
“เป็นแม่นางคนหนึ่งจริงๆ ด้วย ข้าอยากเห็นยิ่งนัก ว่าแท้จริงแล้วนางเป็นนางฟ้านางสวรรค์จากที่ใด ถึงทำให้คุณชายสกุลเมิ่งของพวกเราเป็นเช่นนี้ไปได้” ครั้นกล่าวจบ สวี่ซื่อก็ถอยหลังไปสองก้าว โดยมีสาวใช้สองคนขวางอยู่เบื้องหน้านาง คราวนี้นางถึงจะนำจดหมายออกมาอ่าน
ตัวหนังสือบนจดหมายไม่นับว่าสละสลวย แต่ก็พอจะจัดว่าเป็นระเบียบเรียบร้อยได้อยู่ ลายมือของสาวใช้ข้างกายนางยังน่าอ่านกว่า แค่มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าไม่ใช่ลายมือที่เขียนโดยคุณหนูตระกูลใหญ่
บนจดหมายไม่ได้มีข้อความอะไรมาก เนื้อความในนั้นน่าจะเป็นการตอบจดหมายของเมิ่งหนาน เพียงบอกว่าทุกอย่างไปได้ดี ขอเขาอย่าเป็นกังวลใจ ทั้งยังบอกว่าไม่คิดมาเมืองหลวง พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณในความหวังดีของเขา…
นั่นหมายความว่า บุตรชายของนางชอบพอสตรีนางนี้ คิดรับนางมาอยู่ที่เมืองหลวง ทว่านางไม่ยอมหรือนี่
บุตรชายของนางถูกปฏิเสธหรือ
แท้จริงแล้วเป็นสตรีแบบใด ถึงได้ไม่ชอบพอคุณชายแห่งสกุลเมิ่งของพวกเขา วิสัยทัศน์ของนางสูงส่งเพียงใดกัน
สีหน้าของเมิ่งหนานไม่น่ามองขึ้นเรื่อยๆ เขาปรี่เข้าไปแย่งจดหมายกลับมา ก่อนจะกวาดสายตามองเร็วๆ เสียรอบหนึ่ง
นางปฏิเสธเขา นางปฏิเสธดังที่เขาคาดการณ์ไว้ แม้ว่าเขาจะเดาได้ตั้งแต่ต้น แต่เขาก็ยังคงผิดหวังมากอยู่ดี
เขาพับจดหมายเรียบร้อย ใส่เข้าไปในซอง แล้วนำมันใส่เข้าไปในอกเสื้ออย่างทะนุถนอม ก่อนจะช้อนสายตามองสวี่ซื่อ “ท่านแม่ ท่านไม่จำเป็นต้องสนใจว่านางเป็นใคร ท่านเองก็เห็นแล้ว ว่านางไม่สนใจลูกชายคนนี้ของท่านเลยสักนิด”
สวี่ซื่อแค่นหัวเราะ “ใครจะรู้ว่านางไม่ใช่สุนัขจนตรอกยอมต่อสู้จนสุดชีวิต รู้จักถอยเพื่อบุกกันเล่า”
เมิ่งหนานสายหน้า “นางไม่ใช่คนพรรค์นั้น ท่านแม่ ในสายตาของท่าน ลูกชายของท่านเป็นคนที่แยกแยะวิธีการเขียนจดหมายเช่นนี้ไม่ออกเลยหรือไร”
ฮูหยินสกุลเมิ่งมุ่นคิ้ว พิจารณาเมิ่งหนานที่อยู่เบื้องหน้า การกลับมาในครั้งนี้ เขาเปลี่ยนไปมากจริงๆ สุขุมลุ่มลึกยิ่งกว่าเมื่อสองปีที่แล้ว ยิ่งนานวันเข้านางยิ่งมองไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
“หนานเอ๋อร์ หากเจ้าชอบพอสตรีนางนี้จริงๆ ข้าส่งคงไปรับนางเข้าจวนก็ได้ ขอเพียงเจ้ารับปากเรื่องงานแต่งดองกันสกุลเจิ้ง ข้ารับปากว่าเมื่อเจ้ากับเสวี่ยเอ๋อร์แต่งกันแล้ว ข้าจะมอบฐานะที่ดีให้กับนาง มอบตำแหน่งอนุให้กับนาง เช่นนั้นเท่ากับว่าเจ้าจะสมดังใจปรารถนาด้วย”
เมิ่งหนานกลับไปนั่งที่หน้าโต๊ะหนังสือ หยิบหนังสือที่โยนทิ้งไปก่อนหน้านี้ขึ้นมา แล้วพิรี้พิไรกล่าวว่า “อนุของสกุลเมิ่ง อย่างไรก็เป็นอนุอยู่วันยันค่ำ ท่านแม่ ไม่ใช่ว่าทุกคนล้วนชอบความฟุ้งเฟ้อและความร่ำรวย อย่างน้อยนางก็ไม่ชอบ”
สวี่ซื่อทำหน้าตาคร่ำเคร่งในทันที กล่าวด้วยโทสะ “แล้วนางต้องการอะไร ต้องการจะเป็นนายหญิงแห่งสกุลเมิ่งหรือไร”
สายตาของเมิ่งหนานมองเพียงหนังสือ ไม่ได้มองผู้เป็นมารดาอีก “ท่านเองก็อ่านจดหมายแล้ว นางบอกหรือว่าต้องการเป็นนายหญิงแห่งสกุลเมิ่ง ข้าต่างหากที่อยากแต่งกับนาง แต่นางไม่ยินยอม แล้วท่านยังจะกังวลใจอะไรอีก”
เมื่อสวี่ซื่อได้ยินดังนั้นก็ยิ่งมีเพลิงโทสะสุมอกหนักข้อกว่าเก่า บุตรชายของนางสูงศักดิ์มากนัก ไยเด็กสาวนางนี้ถึงปฏิเสธเขาได้ คนที่ปฏิเสธนางควรจะเป็นคุณชายเมิ่งผู้นี้ถึงจะถูกต้อง
“ฮูหยิน อย่าได้ใส่อารมณ์กับคุณชายเพราะเด็กสาวบ้านป่าคนหนึ่งเลยนะเจ้าคะ เรื่องนี้พวกเราค่อยๆ ตกลงกันก็ได้” แม่นมอู๋ที่ตามสวี่ซื่อมาด้วยพูดเสียงเบา
ในใจของสวี่ซื่อก็คิดเช่นนั้น นางยังไม่เคยเห็นหน้าค่าตาเด็กสาวนางนั้นเลย โยนโทสะใส่เมิ่งหนานไปย่อมไม่ใช่เรื่องดีอยู่แล้ว
ความโกรธขึ้งในใจของนางค่อยๆ ลดลง นางสูดหายใจเข้าเต็มปอด แล้วกล่าวกับเมิ่งหนานว่า “หนานเอ๋อร์ ไม่ว่าแม่จะทำอะไรล้วนคำนึงถึงเจ้า เจ้าอย่าได้กล่าวโทษข้าเลยนะ”
“ท่านแม่ นางไม่อยากมาเมืองหลวงก็เพราะนางอยากใช้ชีวิตอิสระ หากท่านถือสิทธิ์ใดไปรบกวนนาง ทำเรื่องอะไรที่ไม่สมควรทำ ก็อย่าเสียใจหากข้าจะโกรธเคืองท่านเลย” เมิ่งหนานกล่าว
……….
ตอนที่ 434 ปลูกอะไร
สวี่ซื่อแข็งค้างไปทั้งตัว มองบุตรชายที่อยู่เบื้องหน้าด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ บุตรชายที่ว่านอนสอนง่าย ไม่เคยขัดคำสั่งนางแม้แต่ครั้งเมื่อในอดีต ก็คือคนที่อยู่เบื้องหน้านางผู้นี้หรือนี่
เขากล้าพูดจาเช่นนี้กับนางเพื่อเด็กสาวบ้านนอกคนหนึ่งเช่นนี้ หากเด็กสาวผู้นี้ได้เข้ามาในจวนจริงๆ ในบ้านหลังนี้นางยังมีสิทธิ์ได้พูดในฐานะแม่อีกหรือ
สวี่ซื่อโมโหเป็นอย่างยิ่ง แม่นมอู๋ที่อยู่ข้างๆ พยายามส่งสายตาให้นางอย่างต่อเนื่อง หมายจะให้เจ้านายของตนกดข่มไฟโทสะไว้บ้าง เพราะหากทะเลาะกับคุณชายแล้ว ย่อมไม่เป็นผลดีกับใครทั้งสิ้น
ความโกรธเคืองนี้ สวี่ซื่อไม่รู้ว่าควรจะกดมันไว้อย่างไร และไม่รู้ว่าควรออกจากเรือนของเมิ่งหนานอย่างไร
…
เมื่อกลับถึงเรือนฝูโซ่ว สวี่ซื่อนั่งลงบนเก้าอี้ ไม่พูดจาอยู่เนิ่นนานเพราะอารมณ์โกรธ
แม่นมอู๋ยกชาที่เพิ่งชงใหม่มาถึงข้างๆ สวี่ซื่อ ก่อนจะโบกมือไล่เด็กรับใช้ในโถงให้ออกไปก่อน จากนั้นนางถึงจะกล่าวเสียงเบา “ฮูหยิน คนที่มาส่งจดหมายไม่ใช่คนจากฝ่ายงานไปรษณีย์ คนเฝ้าประตูจวนก็ไม่รู้จักเขาเจ้าค่ะ”
“เท่ากับหาที่อยู่ของเด็กคนนั้นไม่ได้อย่างนั้นหรือ” สวี่ซื่อมุ่นคิ้ว
“เรื่องที่คุณชายอยู่ที่เมืองชิงหยวน จินเสี่ยวอันรู้ดีเป็นที่สุด หากท่านอยากรู้อะไร ถามเขาโดยตรงก็สิ้นเรื่องไม่ใช่หรือเจ้าคะ” แม่นมอู๋ถาม
สวี่ซื่อพยักหน้า “ส่งคนไปเรียกเขามา”
แม่นมอู๋ไม่ได้รีบร้อนออกไป นางกล่าวอีกว่า “ฮูหยิน คุณชายเป็นผู้ใหญ่แล้ว ย่อมมีความคิดเป็นของตัวเอง จะโกรธเคืองเขาเพราะเรื่องเล็กน้อยพรรค์นี้ไม่ได้ อย่าทำลายความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกเลยนะเจ้าคะ”
ไยสวี่ซื่อจะไม่รู้เจตนาของแม่นมอู๋ ในอดีตนางให้กำเนิดบุตรชายสองคน บัดนี้เหลือเพียงหนานเอ๋อร์คนเดียว หากไม่พูดดีกับหนานเอ๋อร์ เหล่าลูกอนุของนางจิ้งจอกที่ชั่วร้ายเหล่านั้นคงจะหัวเราะเยาะนางน่าดู ถูกต้อง นางไม่อาจโกรธเคืองบุตรชายเพราะเรื่องเล็กน้อยพรรค์นี้ได้
แม่นมอู๋เห็นสีหน้าของนางอ่อนลง ถึงจะยิ้มกล่าวว่า “วันนี้คุณชายอยู่ในสายตาของฮูหยินแล้ว ส่วนเด็กสาวบ้านนอกนั่นไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องรีบจัดการหรอกเจ้าค่ะ อีกสักพักพวกเราค่อยสอบถามจินเสี่ยวอันเงียบๆ ใช้ประโยชน์จากเขาสักหน่อย ให้เขาปิดปากเงียบต่อหน้าคุณชาย คุณชายไม่มีทางรู้แน่เจ้าค่ะ และไม่มีทางเคืองฮูหยินแน่”
สวี่ซื่อได้ยินแล้วก็พยักหน้าหงึกหงัก “เจ้าคิดคำนวณรอบคอนัก เมื่อครู่ข้าเลอะเลือนไปชั่วขณะ เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้แล้วกัน”
…
หมู่บ้านหวงถัว
เมื่ออาหารเย็นขึ้นโต๊ะแล้ว เสี่ยวเฟิงไม่ได้หยุดขยับตะเกียบเลย เพราะอาหารทุกอย่างล้วนเลิศรสยิ่ง
อาอู่เห็นเขากินอย่างเอร็ดอร่อย โดยเฉพาะดื่มด่ำกับเนื้อวัวจานนั้นเป็นพิเศษ เขาจึงคีบมันใส่ลงในถ้วยของเสี่ยวเฟิงสองชิ้น “ชอบก็กินเยอะๆ หน่อย”
เสี่ยวเฟิงยิ้มกล่าว “ที่จริงข้าเคยกินเนื้อวัวที่อร่อยที่สุดมาแล้ว เป็นเนื้อวัวตากแห้งที่พี่หูให้ข้าตอนข้าจะมาที่นี่ มันทั้งหอม ทั้งเผ็ด แล้วก็อร่อยมาก ถือเป็นที่หนึ่งเลยล่ะ”
“นั่นเป็นเนื้อวัวตากแห้งที่ข้าทำ หากเจ้าชอบ วันหลังมีเวลาว่างข้าจะทำให้สักหน่อย” ไป๋จื่อเอ่ย
“เจ้าเป็นคนทำหรือ เนื้อวัวตากแห้งที่พี่หูมอบให้ข้าน่ะหรือ” เสี่ยวเฟิงรู้สึกอึ้งเล็กน้อย
ไป๋จื่อพยักหน้า “ถูกต้อง ข้ายังคิดว่าเขาจะกินหมดระหว่างทางเสียอีก ไม่คิดเลยว่ามันจะอยู่รอดได้หลายวันขนาดนี้”
เสี่ยวเฟิงเกาศีรษะ ยิ้มอย่างโง่งม “มิน่าเล่าพี่หูถึงซ่อนมันไว้อย่างดี ที่แท้เป็นของที่เจ้าทำนี่เอง” เขายังจำจูซื่อที่อยากกินเนื้อวัวตากแห้งได้ จูซื่อถามพี่หูอยู่หลายรอบ แต่ไม่ว่าอย่างไรพี่หูก็ไม่ยอม ที่แท้เป็นของที่นางทำให้นี่เอง
อาอู่ถามไป๋จื่อว่า “เมล็ดพันธุ์ที่เจ้าแช่ไว้ในถังคืออะไรกันแน่ ดูแล้วไม่เหมือนเมล็ดพันธุ์ข้าวสาลีเลย”
ไป๋จื่ออมพะนำมาหลายวันแล้ว นางเห็นว่าจะต้องลงเมล็ดพันธุ์แล้ว ย่อมไม่อาจปิดบังต่อไปได้อีก จึงกล่าวออกมาตามตรงว่า “แน่นอนว่าไม่ใช่เมล็ดพันธุ์ข้าวสาลี อากาศในตอนนี้ไม่เหมาะจะปลูกข้าวสาลีแล้ว หากอยากจะได้กำไร ก็ไม่อาจปล่อยที่ดินให้ว่างได้”
“ใกล้จะเข้าฤดูหนาวแล้ว จะปลูกอะไรได้เล่า” จ้าวหลานถาม
“เมล็ดพันธุ์เหล่านี้ล้วนเป็นเถ้าแก่เฉินที่หามาให้ข้าเจ้าค่ะ ทั้งหมดเป็นเมล็ดพันธุ์สมุนไพรทั้งสิ้น ข้าต้องการปลูกสมุนไพร หลังจากนี้จะขายให้ร้านสือเค่อทำอาหารเป็นยาเจ้าค่ะ”