คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 435 สอบไม่ได้ / ตอนที่ 436 อาจารย์สวี่
ตอนที่ 435 สอบไม่ได้
“ปลูกสมุนไพร? เจ้าปลูกสมุนไพรเป็นด้วยหรือ” จ้าวหลานมีสีหน้าประหลาดใจ การปลูกสมุนไพรไม่ใช่เรื่องง่าย ก่อนหน้านี้นางเคยได้ยินมาว่าที่เชียนหูมีนาสมุนไพร คนปลูกสมุนไพรเป็นหมอแก่ๆ คนหนึ่งกับบุตรชายของเขาอีกสามคน สองปีแรกปลูกได้ไม่ดีเท่าไร ไม่เพียงไม่ได้กำไรเท่านั้น ยังเสียหายไปไม่น้อย ครั้นถึงปีที่สามแล้วถึงจะจับทางได้ หาต้นทุนคืนมาได้ในหนึ่งปีนั้น ทั้งยังได้กำไรไม่น้อย ปีหลังๆ มานี้แต่ละปีล้วนได้แต่กำไร ตอนนี้กลายเป็นครอบครัวผู้มั่งคั่งของแถวนั้นไปแล้ว
ไป๋จื่อยิ้มจาง “ในหนังสือที่ข้าเคยอ่านมีเขียนวิธีปลูกไว้เจ้าค่ะ ข้าอ่านดูแล้วไม่ยาก จึงให้เถ้าแก่เฉินช่วยข้าจัดหาเมล็ดพันธุ์ พวกเราทดลองปลูกมันดูเสียสามหมู่ก่อน ยังปลูกมากกว่านี้ไม่ได้ หากปลูกได้ดีละก็ ปีหน้าค่อยปลูกมากกว่านี้หน่อยก็ได้”
หูจ่างหลินพูดกับจ้าวหลาน “แต่ไหนแต่ไรมาจื่อยาโถวทำแต่เรื่องที่ตนเองมั่นใจ ให้นางลองทำดูเถอะ ไม่ต้องสนใจหรอกว่าจะได้กำไรหรือไม่ นางอยากทำก็ให้นางทำ”
“ได้ ล้วนฟังพวกท่าน” จ้าวหลานยิ้ม
เสี่ยวเฟิงกล่าวทันที “ข้าไม่เคยทำงานในที่นามาก่อน แต่ข้าเรียนรู้ได้ ข้าทำได้ทุกอย่างเลยนะ”
ไป๋จื่อโบกมือ “ไม่ได้หรอก ตอนนี้ข้าบอกกล่าวกับลู่ผิงอันแล้ว พรุ่งนี้จะให้เขาพาพวกเราไปพบอาจารย์ที่โรงเรียนของเขา เจ้าต้องเรียนหนังสือ”
อาอู่เองก็ต้องการเช่นนั้น และกำลังคิดว่าจะหาโอกาสพูดกับไป๋จื่อ คิดไม่ถึงเลยว่านางจะคิดไปไกลกว่าเขาแล้ว ทั้งยังไม่ได้ตกลงกับเขาด้วยซ้ำไป
“ถูกต้องๆ อาจื่อพูดถูก เจ้าควรจะไปเรียนหนังสือ ไม่ต้องสนใจงานในที่นาหรอก” อาอู่รีบพูด
โจวเสี่ยวเฟิงเข้าโรงเรียนตั้งแต่อายุห้าปี เคยเรียนหนังสือมาแล้วห้าปี ถ้าหากไม่เกิดเรื่องเมื่อสามปีก่อนขึ้น ตอนนี้เขาน่าจะได้ร่วมการสอบระดับท้องถิ่นแล้ว
แน่นอนว่าการเรียนหนังสือเป็นเรื่องดี เพราะเขาจะมีโอกาสสอบผ่าน มีโอกาสก้าวเข้าไปในท้องพระโรง เช่นนั้นแล้วเขาถึงจะมีโอกาสล้างมลทินให้บิดาได้
“เอาล่ะ ตกลงตามนี้ พรุ่งนี้พวกเราก็ไปดูที่สำนักศึกษาซื่อเหอสักหน่อย หากเจ้าพอใจ พวกเราก็จะเรียนหนังสือกันที่นั่น ได้ยินมาว่าอาจารย์สวี่เป็นจู่เหริน มีความสามารถยิ่งนัก หากเจ้าตั้งใจเรียนก็จะต้องมีอนาคตที่ดีแน่” ไป๋จื่อกล่าว
โจวเสี่ยวเฟิงไม่ปฏิเสธอีก “ตกลง ข้าจะฟังเจ้า”
หลังจากกินข้าวเสร็จ เรื่องราวก็ตกลงกันตามนั้น จ้าวซู่เอ๋อและจ้าวหลานเก็บถ้วย ชาม ตะเกียบไปจากโต๊ะจนเกลี้ยง ทุกคนคุยเล่นกันอีกสักพักหนึ่ง ก่อนจะแยกย้ายกันไป
เช้าวันต่อมา อาอู่เตรียมรถตั้งแต่เช้าตรู่ พร้อมทั้งนำขนมจำนวนหนึ่งที่ไป๋จื่อเตรียมไว้ไปที่บ้านของหมอลู่ด้วย เมื่อรับลู่ผิงอันที่เพิ่งกินข้าวเช้าเสร็จขึ้นรถม้า เขาถึงจะหันรถกลับไปรับไป๋จื่อและเสี่ยวเฟิง
ลู่ผิงอันเพิ่งเคยนั่งรถม้าดีๆ เช่นนี้เป็นครั้งแรก จึงรู้สึกแปลกใหม่มาก ทว่าถึงอย่างไรเขาก็โตกว่าไป๋จื่อและเสี่ยวเฟิงเล็กน้อย แม้ในใจจะตื่นเต้นเพียงใด ก็คงจะไม่งามหากแสดงออกมาทั้งหมด กระนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าและประกายในดวงตาของเขา กลับปิดบังอย่างไรก็ไม่มิด
ไป๋จื่อยิ้มถาม “ได้ยินมาว่าเจ้าเข้าร่วมการสอบระดับท้องถิ่นด้วย ผลสอบเป็นอย่างไรบ้าง”
“อาจจะเป็นเพราะเครียดเกินไป ก่อนเข้าสอบจึงปวดท้องกะทันหัน ผลสอบไม่ดีเท่าไร” ลู่ผิงอันกล่าวพร้อมเกาศีรษะอย่างเคอะเขิน
โจวเสี่ยวเฟิงกล่าวต่อ “เพิ่งครั้งแรกเท่านั้น ย่อมต้องเครียดเป็นแน่แท้ ปีหน้าพวกเราไปสอบด้วยกัน ข้ามีเคล็ดลับในการสอบด้วย ถึงตอนนั้นจะถ่ายทอดให้เจ้าได้รับรู้ รับรองว่าเจ้าไม่มีทางเครียดอีกแน่”
ลู่ผิงอันพลันเบิกบานใจ “เคล็ดลับอะไรหรือ บอกข้าตอนนี้เลยเถอะ”
โจวเสี่ยวเฟิงส่ายหน้า “ไม่ได้หรอก เคล็ดลับนี้มีต้องบอกเจ้าก่อนสอบเท่านั้นถึงจะได้ผล บอกไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์”
ลู่ผิงอันมองโจวเสี่ยวเฟิง เด็กหนุ่มร่างผอม ท่าทางอายุสิบสองสิบสามปี “ปีหน้าเจ้าจะร่วมสอบระดับท้องถิ่นรึ เรียนแค่ปีเดียวน่ะหรือ” เขาเริ่มเรียนหนังสือตั้งแต่อายุเก้าปี ขณะนี้เรียนมาหกปีเต็มๆ ถึงจะเข้าร่วมการสอบระดับท้องถิ่นได้
……….
ตอนที่ 436 อาจารย์สวี่
“เขาไม่ได้เรียนแค่ปีเดียว เขาเคยเรียนหนังสือมาแล้วห้าปี เพียงแต่หลายปีมานี้เกิดเรื่องบางเรื่องขึ้น จำต้องขาดเรียนไป ตอนนี้ก็แค่เริ่มทบทวนใหม่เท่านั้นเอง” ไป๋จื่อกล่าว
ลู่ผิงอันเข้าใจกระจ่างแจ้งในทันที “ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง หากเป็นเช่นนั้น ข้าว่าเจ้าต้องสอบได้ดีแน่นอนเชียวล่ะ”
ไป๋จื่อยิ้มถาม “ไป๋เสี่ยวเฟิงก็เรียนที่สำนักศึกษาซื่อเหอนี่ เหตุใดครั้งนี้เขาไม่เข้าร่วมการสอบระดับท้องถิ่นด้วยเล่า”
“ครั้งนี้เขาสอบได้ที่โหล่ในสำนักศึกษา มีเพียงผู้ที่สอบได้สิบอันดับแรกเท่านั้นถึงจะได้เข้าร่วมการสอบระดับท้องถิ่น จึงไม่มีที่ว่างให้เขาอย่างไรเล่า” ลู่ผิงอันกล่าวพลางหัวเราะ
“สอบได้ที่โหล่?” ไป๋จื่อเองก็เบิกบานใจนัก เพราะหญิงชราและหลิวกว้าหัวคิดว่าไป๋เสี่ยวเฟิงจะได้ร่ำรวย มีหน้ามีตาในอนาคต หากพวกนางรู้ว่าเขาสอบได้ที่โหล่ละก็…
“อาจารย์บอกว่าเขาจิตใจไม่นิ่งสงบ ไม่สามารถจดจ่อกับการเรียนหนังสือได้อย่างเต็มที่ เขาหยิ่งทะนงนัก คนเช่นนี้ไม่เหมาะจะเรียนหนังสือโดยสิ้นเชิง ไม่มีทางสอบได้ตำแหน่งอะไรแน่นอน ทั้งยังแนะนำให้เขากลับไปเสีย” ลู่ผิงอันเอ่ย
“คนสกุลไป๋รู้เรื่องนี้หรือไม่” ไป๋จื่อถามขึ้นมา
ลู่ผิงอันส่ายหน้า “คนอย่างไป๋เสี่ยวเฟิงหรือจะบอกเรื่องนี้กับคนสกุลไป๋ แต่อาจารย์พูดไว้แล้ว ว่าขอเพียงเขาปรับปรุงนิสัย อาจารย์ก็จะสอนเขาต่อไป”
เมื่อนึกถึงทีท่าไม่ยี่หระ เห็นตนเองเป็นสาวรับใช้ของไป๋เสี่ยวเฟิงแล้ว นางก็พลันโมโหขึ้นมา ทั้งยังหวังจริงๆ ว่าชั่วชีวิตนี้ของเขาจะสอบไม่ผ่านระดับท้องถิ่น
ขณะที่สนทนากัน รถม้าก็หยุดลงตรงหน้าประตูของสำนักศึกษาซื่อเหอ เพราะเป็นตำบลทั่วไป สำนักศึกษาจึงมีหน้าตาธรรมดามาก ไม่ได้สง่างามและน่าเกรงขามเหมือนสำนักศึกษาในความเข้าใจของไป๋จื่อ
อีกสามวันถึงจะเป็นวันเปิดเรียน ตอนนี้ประตูหน้าของสำนักศึกษาจึงปิดสนิท ลู่ผิงอันก้าวไปเคาะประตู ไม่นานนักประตูบานเก่านั้นก็เปิดออก ผู้อาวุโสอายุห้าสิบต้นๆ คนหนึ่งเดินออกมา “ลู่ผิงอัน? ไยเจ้าถึงมาที่นี่”
ผู้พูดย่อมเป็นอาจารย์หนึ่งเดียวของสำนักศึกษาแห่งนี้ อาจารย์สวี่
“อาจารย์ ที่หมู่บ้านของพวกข้ามีคนหนึ่งอยากเรียนหนังสือ จึงให้ข้านำทางมาพบอาจารย์ขอรับ” ลู่ผิงอันกล่าวด้วยความนอบน้อม
สายตาของอาจารย์ทอดมองไปยังร่างของไป๋จื่อและโจวเสี่ยวเฟิง ที่ยืนอยู่ด้านหลังลู่ผิงอัน
“พวกเขา?” เขาเลิกคิ้ว หนึ่งบุรุษ หนึ่งสตรี บุรุษยังพอว่า แต่สตรีก็มาเรียนหนังสือด้วยหรือ ในสำนักศึกษาแห่งนี้ของเขา ยังไม่เคยรับนักเรียนหญิงมาก่อนเลย
ไป๋จื่อรีบกล่าว “อาจารย์ เขาเป็นญาติผู้น้องของข้า เป็นเขาที่อยากเรียนหนังสือเจ้าค่ะ”
อาจารย์สวี่ร้องอ๋อเสียงหนึ่ง ก่อนจะมองไปยังโจวเสี่ยวเฟิง
โจวเสี่ยวเฟิงรีบคารวะอาจารย์สวี่ตามมารยาท
อาจารย์สวี่พยักหน้าพอใจ กล่าวว่า “ใบไม้ผลิปีหน้าค่อยมาใหม่เถอะ ตอนนี้ไม่รับนักเรียนใหม่แล้ว”
ไป๋จื่อรีบพูดขึ้นมา “อาจารย์สวี่ เสี่ยวเฟิงไม่ใช่นักเรียนใหม่ เขาเคยเรียนหนังสือมาแล้วห้าปี เพียงแต่สองสามปีมานี้ครอบครัวของเขาพบความลำบาก จำต้องล่าช้าไปชั่วขณะ บัดนี้ครอบครัวพร้อมหน้า ถึงได้มีโอกาสกลับมาเรียนอีกครั้ง หวังว่าอาจารย์สวี่จะรับเขาไว้ด้วยเจ้าค่ะ”
อาจารย์สวี่ร้องอ๋ออีกครั้ง แล้วพิจารณาเสี่ยวเฟิงอย่างละเอียด “อยากให้ข้ารับเขาไว้ไม่ใช่เรื่องยาก ข้าจะออกโจทย์ให้ ส่วนเจ้าตอบโจทย์นั้น ขอเพียงตอบได้ก็เป็นอันตกลง”
เสี่ยวเฟิงตอบรับทันที “ตกลงขอรับ!”
ทั้งสามคนตามอาจารย์สวี่เข้าไปในสำนักศึกษา อาจารย์สวี่ให้พวกเขาหาที่นั่งในห้องเรียนที่ว่างเปล่ามานาน ก่อนที่เขาจะหยิบพู่กันขึ้นเขียนโจทย์ลงบนกระดาษ แล้วให้โจวเสี่ยวเฟิงเขียนคำตอบ
อาจารย์สวี่มองไปยังลู่ผิงอัน ก่อนจะทอดถอนใจ “ผิงอัน เจ้าบอกมาสิว่าจู่ๆ ท้องเสียได้อย่างไร เจ้าเสียโอกาสดีในครั้งนี้ไปโดยเปล่าประโยชน์เชียวนะ”
ลู่ผิงอันหัวเราะแหะๆ สองเสียง “ข้าไม่รีบร้อนขอรับ ขอเรียนกับอาจารย์อีกหนึ่งปี เมื่อถึงเวลาสอบจะได้มั่นใจมากยิ่งขึ้น”
อาจารย์สวี่พยักหน้าด้วยความพอใจ “หากทุกคนล้วนคิดเหมือนเจ้าก็คงดี เอาอย่างนี้ ข้าจะให้โจทย์กับเจ้าข้อหนึ่งเช่นกัน ดูสิว่าช่วงนี้เจ้าทิ้งบทเรียนไปหมดแล้วหรือไม่”