คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 459 หูเฟิงส่งจดหมายมา (2) / ตอนที่ 460 หูเฟิงส่งจดหมายมา (3)
- Home
- คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา
- ตอนที่ 459 หูเฟิงส่งจดหมายมา (2) / ตอนที่ 460 หูเฟิงส่งจดหมายมา (3)
ตอนที่ 459 หูเฟิงส่งจดหมายมา (2)
วันนี้อาอู่และจ้าวซู่เอ๋อพาหรูเอ๋อร์มาที่นี่ พวกเขารู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง ด้วยอยากจะนำอาหารที่มีในบ้านให้หรูเอ๋อร์ทั้งหมดจะแย่อยู่แล้ว
ผู้อาวุโสทั้งสองกำลังเย้าแหย่เด็กหญิงอยู่ในลานบ้าน จู่ๆ หลี่ซื่อก็บุกเข้ามา สีหน้าไม่สู้ดีเท่าไรนัก
หัวหน้าหมู่บ้านเห็นสีหน้านางแล้ว เขาก็พลันทำหน้าบึ้งทันที ถามเสียงทุ้มว่า “เจ้ามาทำอะไร”
หลี่ซื่อขมวดคิ้วมองหรูเอ๋อร์ครั้งหนึ่ง แล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้ามาไม่ได้หรือเจ้าคะ นางเด็กนี่ยังมาได้เลย แล้วข้าจะมาไม่ได้หรือไรกัน ข้ายังเป็นสะใภ้สกุลหวังของพวกท่านอยู่หรือไม่”
ฮูหยินอันถอนใจเสียงหนึ่ง นางไม่อยากวิวาทกับสะใภ้ ด้วยกลัวว่าจะทำให้หรูเอ๋อร์ตกใจกลัว จึงจูงเด็กหญิงเข้าไปในเรือนแล้ว
“เจ้าพูดมาตามตรงเถอะ คิดจะทำอะไรอีก” หัวหน้าหมู่บ้านถามหลี่ซื่อ ทั่วทั้งหมู่บ้านนี้ ทุกคนล้วนเคารพเขาในฐานะหัวหน้าหมู่บ้าน จะมีก็แต่สะใภ้คนนี้นี่แหละ ที่แต่ไหนแต่ไรไม่เคยเห็นเขาอยู่ในสายตา
หลี่ซื่อกวาดสายตามองบนโต๊ะขนาดเล็กที่อยู่ในลานบ้าน บนนั้นวางผลไม้แห้งและขนมไว้จำนวนหนึ่ง ทั้งยังมีกล่องที่หน้าตาเตะตาอีกกล่องหนึ่งด้วย
นางกลืนน้ำลาย ก่อนจะเชิดหน้า “หลานชายของท่านอยากกินขนม ให้ข้ามาถามว่าท่านมีขนมบ้างหรือไม่”
หัวหน้าหมู่บ้านมองกล่องขนมบนโต๊ะ นี้เป็นขนมที่ไป๋จื่อให้เขามาเมื่อวาน เขานำออกมาเพราะคิดจะให้หรูเอ๋อร์ ยังไม่ทันได้เปิดฝากล่องด้วยซ้ำ
“ไยก่อนหน้านี้ไม่เห็นพวกเจ้ามาขอขนมกินจากข้าเลย แต่ช่วงนี้กลับขยันมาที่นี่บ่อยนัก นี่มันอะไรกัน ใครบอกเจ้าว่าข้ามีขนมหรือ ถึงแม้ข้าจะมี แล้วตาเฒ่ายายเฒ่าสองคนอย่างข้ากินไม่ได้ ต้องให้พวกเจ้ากินเท่านั้นหรือไร”
หลี่ซื่อถลึงตา “ท่านพูดอะไรของท่าน ข้าไม่ได้ขอไปกินเองเสียหน่อย ข้าขอไปให้หลานชายของท่านกินต่างหาก ท่านนี่จริงๆ เลยนะ ลูกคนอื่นกลับเอ็นดู ส่วนหลานชายตัวเองกลับไม่สนใจใยดี มีปู่ย่าบ้านไหนเป็นอย่างพวกท่านบ้าง”
หัวหน้าหมู่บ้านรู้สึกโมโหมาก คล้ายกับมีไฟสุมอยู่ในอกจนเอ่อท้น เขาชี้หลี่ซื่อด้วยนิ้วมือที่สั่นเทาไม่ยอมหยุด “เจ้ามันชั่วร้ายนัก เจ้ากล้าพูดออกมาเช่นนี้ได้อย่างไร ใครกันที่ไม่ยอมให้พวกข้าเจอกับหลาน พวกข้าส่งข้าวของไปให้หลานตั้งหลายอย่าง แต่เจ้าไม่ให้ข้าเห็นแม้กระทั่งหน้าของเขา แล้วเจ้ายังมีหน้ามาพูดจาเช่นนี้อีกรึ”
เขาปวดใจแปลบๆ พยายามสงบไฟโทสะนี้ให้ได้มากที่สุด ทว่าไฟโทสะลุกโชนเหมือนกับภูเขาไฟก็ไม่ปาน จะกดอัดไว้อย่างไรก็ทำไม่ได้ อาจจะเป็นเพราะกดเก็บความรู้สึกนี้มาเนิ่นนานแล้ว เมื่อได้ระบายออกมาเสียบ้าง จึงไม่อาจจัดการกับมันได้เลย
หลี่ซื่อเท้าสะเอว มือข้างหนึ่งชี้หน้าต่อว่าหัวหน้าหมู่บ้าน “ในเมื่อวันนี้พูดมาถึงขั้นนี้แล้ว เช่นนั้นพวกเราก็พูดกันอย่างตรงไปตรงมาดีกว่า เหตุผลที่ข้าไม่ให้ท่านเจอหลาน นั่นล้วนเป็นความผิดของท่าน ท่านเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน ได้รับเงินเดือนในทุกเดือน มีชีวิตที่สุขสบาย แต่พวกข้ากลับต้องใช้ชีวิตซอมซ่อ ท่านมีใจรักบุตรชายของท่านบ้างหรือไม่ หากท่านรักเขาจริง ท่านก็ควรนำเงินเดือนของท่านออกมา ให้ข้าจัดการดูแลเงินของครอบครัว…”
หัวหน้าหมู่บ้านรู้สึกเพียงว่าหน้ามืดตาลาย ใบหน้าของหลี่ซื่อที่อยู่เบื้องหน้าบิดเบี้ยว ปากยังคงขยับไม่หยุด ทว่าเขาฟังวาจาของนางไม่รู้เรื่องอีกแล้ว
ปากที่ขยับพ่นละอองน้ำลายอย่างต่อเนื่องของหลี่ซื่อพลันหุบลง นางเห็นชายชราล้มลงตรงหน้ากับตาตนเอง “นี่…ท่านเป็นอะไรไป ท่านอย่ามาแกล้งทำหน่อยเลย ข้ายังไม่ทันได้ลงมือเลยนะ ท่านล้มลงไปเอง ไม่เกี่ยวกับข้า”
ฮูหยินอันได้ยินเสียงจากในเรือน จึงกล่าวในใจว่าแย่แล้ว ก่อนจะรีบถลันออกมาข้างนอก เห็นสามีของตนล้มตะแคงอยู่บนพื้น ส่วนลูกสะใภ้ยืนอยู่ข้างๆ เขา ไม่เข้าไปประคองแม้สักนิด ปากขยับพะงาบๆ ไม่รู้ว่าพูดอะไรอยู่ นางจึงพุ่งตัวเข้าไปถึงข้างกายของเขา สีหน้าของนางในเวลานี้ซีดเซียวจนน่ากลัว ขณะเดียวกันก็เขย่าร่างของเขาเรื่อยๆ หมายจะปลุกเขาให้ฟื้นขึ้นมา แต่เขากลับไม่ตอบสนองนางแม้สักกระผีก นางอยากจะประคองเขาลุกขึ้น ทว่าตนเองก็ไม่ได้มีเรี่ยวแรงมากขนาดนั้น
……….
ตอนที่ 460 หูเฟิงส่งจดหมายมา (3)
หรูเอ๋อร์ก็วิ่งออกมาจากในเรือนเช่นกัน หลังจากเห็นสถานการณ์ตรงหน้าแล้ว นางกลับใจเย็นยิ่งกว่าใครๆ ทั้งยังบอกกับฮูหยินอันว่า “ท่านย่า รีบให้คนไปตามพี่ไป๋มาแล้ว พี่ไป๋เก่งวิชาแพทย์ที่สุดเลย”
ฮูหยินอันเงยหน้าถลึงตามองหลี่ซื่อ “ยังตะลึงอะไรอยู่ รีบไปตามไป๋จื่อมาสิ”
ขณะนี้สติของหลี่ซื่อกระเจิดกระเจิงไปแล้ว ก่อนหน้านี้นางคิดว่าชายชราจงใจหลอกนาง แต่ดูจากตอนนี้แล้วก็ไม่เหมือน หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเขาจริงๆ นางต้องถูกดึงเข้าไปพัวพันด้วยแน่นอน หากไม่ถูกคนชี้หน้าต่อว่าจนตายสิน่าแปลก
นางปรี่ออกจากลานบ้านไปราวกับคนบ้า ไม่นานนักก็พาสามีมาด้วย
หวังซู่เกินเห็นผู้เป็นพ่อมีสภาพเช่นนั้น เขาก็มีสีหน้าชะงักค้าง ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี
ฮูหยินอันต่อว่า “พวกเจ้าสองคนยังตะลึงอะไรอยู่ คนหนึ่งไปตามท่านหมอลู่ อีกคนหนึ่งไปตามไป๋จื่อที ให้นางรีบมาที่นี่หน่อยเถอะ”
คราวนี้สองสามีภรรยาถึงจะตื่นจากภวังค์ รีบร้อนออกจากลานบ้านไปอีกครั้ง หลี่ซื่อไปเชิญหมอลู่ นางพบกับหมอลู่ที่หน้าประตูบ้านพอดี เขากำลังจะออกไปข้างนอก โชคดีที่นางมาถึงทันเวลา เพราะหากช้ากว่านี้ไปเพียงก้าวเดียว หมอลู่ก็คงเดินทางเข้าเมืองไปแล้ว
หมอลู่ตามหลี่ซื่อไปถึงบ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน ขณะนี้หัวหน้าหมู่บ้านฟื้นขึ้นมาแล้ว ส่วนฮูหยินอันร้องไห้จนไม่มีเสียงใดออกมาแล้ว สติหลุดลอยหายไปหลายส่วนทีเดียว
คนแก่ตัวไปแล้วกลัวอะไรมากที่สุด คำตอบก็คือความโดดเดี่ยว!
ตลอดทั้งชีวิตของคนคนหนึ่ง มีทั้งพ่อแม่ บุตรชายและบุตรสาว ทว่าคนที่จะอยู่เคียงข้างตนไปจนถึงปลายทางได้ ก็มีแค่ผู้เป็นครึ่งชีวิตของตนเองเท่านั้น ส่วนคนที่เหลือผ่านมาแล้วก็ผ่านไป
สองสามีภรรยาสูงวัยใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันมาเนิ่นนาน ไม่มีใครยอมแยกจากใคร เพราะหากขาดใครคนใดคนหนึ่งไปแล้ว อีกคนที่ยังเหลืออยู่จะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร
หมอลู่รีบจับชีพจรของหัวหน้าหมู่บ้าน สีหน้าเคร่งเครียดทีเดียว
“เป็นอย่างไรบ้าง เขาไม่สบายตรงไหน” ฮูหยินอันถาม
“หัวหน้าหมู่บ้านร้อนใจและโมโหจนเป็นลมสลบชั่วขณะ ทว่าเลือดลมของเขารุนแรงเกินไป ชีพจรทั้งเร็วและกระชั้น ท่าทางไม่ดีเลย!” หมอลู่กล่าว
“หมายความว่าอย่างไร รุนแรงแค่ไหนกันเชียว” ฮูหยินอันไม่ค่อยเข้าใจนัก
หมอลู่รีบตอบ “หัวหน้าหมู่บ้านอายุมากแล้ว เดิมก็ควรจะรักษาสุขภาพร่างกายอยู่เป็นนิจ ไม่อาจโกรธเป็นฟืนเป็นไฟจนเกินไปได้ ไม่เช่นนั้นหากเกิดอารมณ์โมโหมาก ก็อาจจะกระตุ้นอาการร้ายแรงบางอย่างได้”
“อาการร้ายแรงบางอย่างหมายถึงอะไรกัน” ฮูหยินอันสับสนทีเดียว หมอลู่พูดจาให้ชัดเจนในรอบเดียวไม่ได้เลยหรือไร
หลี่ซื่อที่อยู่ข้างๆ กล่าวต่อ “ท่านหมายถึงลมชักใช่หรือไม่” คนชราเป็นลมชักขณะทะเลาะกับผู้อื่นมีให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง ในหมู่บ้านนี้มีคนเคยเป็นเช่นนั้นมาแล้วสองคน
หมอลู่มองฮูหยินอันครั้งหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าในที่สุด “ข้าดูแล้วคล้ายอาการลมชักทีเดียว แต่ข้าเองก็ไม่แน่ใจนัก”
ฮูหยินอันมีชีวิตมาจนถึงอายุปูนนี้แล้ว ไยนางไม่เคยได้ยินคำว่าลมชักสองคำนี้มาก่อนเลย นางจะรู้ได้เช่นไรว่าลมชักหมายถึงอะไร ตอนนี้นางรู้สึกเพียงเบื้องหน้าหมุนวน ฝืนร่างกายไม่ไหวอีกต่อไป สุดท้ายก็เป็นลมล้มลงในอ้อมกอดของหมอลู่
หลี่ซื่อร้อนใจจนต้องกระทืบเท้า “นี่ๆๆ เหตุใดเป็นลมไปอีกคนแล้ว นางคงไม่ได้มีอาการลมชักหรอกกระมัง” หากสองสามีภรรยาสูงวัยต่างก็เป็นโรคลมชักกันทั้งคู่ เช่นนั้นนางไม่ต้องปรนนิบัติพวกเขาทั้งสองคนไปพร้อมๆ กันหรือไร
แย่แล้ว!
“ท่านหมอลู่ ท่านเป็นพยานให้ข้าด้วย เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับข้า ข้าไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น และไม่ได้ทำอะไรเลยด้วย” หลี่ซื่อพูดเสียงดังใส่หมอลู่
หมอลู่มองตาขวางใส่นาง ครั้นพูดจาก็ไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไร “มาพูดเรื่องพวกนี้เอาตอนนี้จะไปมีประโยชน์อะไร ยังไม่รีบพานางเข้าไปในเรือนอีกหรือ”
ยามไป๋จื่อรีบร้อนมาถึง หมอลู่กำลังฝังเข็มให้ฮูหยินอันอยู่ ฮูหยินอันไม่ได้เป็นอะไรมาก ฝังเข็มไปสองเข็มก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว
ไป๋จื่อเร่งฝีเท้าไปข้างหน้า ก่อนจะเอ่ยถาม “ท่านลุงหัวหน้าหมู่บ้านเป็นอย่างไรเจ้าคะ”
ฮูหยินอันรีบลุกขึ้นเพื่อลงจากเตียง นางปรี่เข้าไปจับมือของไป๋จื่อไว้แน่น “จื่อยาโถว เจ้าต้องช่วยจ่างฟู่นะ ต้องช่วยเขาให้ได้!”