คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 471 หมอเฉิน (1) / ตอนที่ 472 หมอเฉิน (2)
ตอนที่ 471 หมอเฉิน (1)
ชายหนุ่มถูกวางไว้ข้างๆ ผู้บาดเจ็บที่สลบไสลอยู่สองคน ส่วนคนที่พาพวกเขามาจากไปในทันที ไม่แม้แต่จะมองเขาอีกสักครั้ง
เขาเจ็บปวดจนทนไม่ไหว อยากจะลุกขึ้นตรวจสอบบาดแผลของตนเอง ไป๋จื่อจึงหลุดปากพูดไปว่า “เจ้าอย่าขยับ ขืนขยับเจ้าต้องพิการแน่”
หมอเฉินได้ฟังวาจาของไป๋จื่อ จึงหันไปมองชายหนุ่มผู้นั้นครั้งหนึ่ง แล้วขมวดคิ้วโดยพลัน “นอนดีๆ อย่าขยับขาเชียว”
ชายหนุ่มไม่กล้าขยับอีก ถึงแม้จะเจ็บเพียงไร เขาก็อดทนอดกลั้นไว้ เพราะไม่อยากจะเสียขาข้างนี้ไป
หลังจากหมอเฉินใส่ยาบนบาดแผลตรงหน้าเสร็จสิ้น เขาก็ลุกขึ้นไปควานหาไม้ดามคู่หนึ่งในมุมกระโจม ก่อนจะหยิบไม้ดามมาถึงตรงหน้าชายหนุ่ม เตรียมจะดามขาให้เขา
ใช่ว่าทาบไม้ดามบนขาที่หักโดยตรงก็ใช้ได้แล้ว ต้องบังคับบริเวณที่ขาของเขาหักให้เข้าที่เข้าทางก่อน แล้วจึงใช้ไม้ดามทำให้กระดูกคงที่ ขั้นตอนนี้จะเจ็บปวดรวดร้าวอย่างยิ่ง ผู้ป่วยเจ็บจนขยับขาขึ้นมาถือเป็นสิ่งต้องห้ามที่สุดในขั้นตอนนี้ ถึงได้ต้องมีใครอีกคนคอยจับขาข้างที่บาดเจ็บเอาไว้ ป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องที่คาดฝัน
และในกระโจมขนาดใหญ่ตอนนี้ นอกจากหมอเฉินแล้วก็มีเพียงไป๋จื่อเท่านั้น
หมอเฉินชำเลืองมองไป๋จื่อ ถามว่า “เจ้าเป็นพนักงานของร้านขายยาหรือ”
ไป๋จื่อพยักหน้า “ขอรับ ข้าเป็นพนักงานของร้านโถงสมุนไพร”
หมอเฉินถามอีกว่า “รู้วิชาแพทย์หรือไม่”
“รู้อยู่บ้างขอรับ” ไป๋จื่อยิ้มจาง
“รู้หรือไม่ว่าต้องเชื่อมชาที่หักแล้วอย่างไร” หมอเฉินเลิกคิ้ว
ไป๋จื่อพยักหน้าอีกครั้ง “รู้ขอรับ หมอเฉินอยากให้ข้าช่วยหรือ”
หมอเฉินพยักหน้า “ผู้ช่วยของข้าป่วย วันนี้มีผู้บาดเจ็บมาก หากเจ้าช่วยข้าได้บ้างก็ย่อมดีที่สุด”
เด็กสาวก้าวไปข้างหน้า แล้วรับไม้ดามมาจากในมือของอีกฝ่าย “ได้ช่วยท่านหมอเฉินรักษาผู้คน ถือเป็นโชคดีของคนรุ่นหลังอย่างข้า”
“รู้หรือไม่ว่าควรต้องทำอย่างไร” หมอเฉินเอ่ยถาม
ไป๋จื่อนั่งลองลงข้างๆ ชายหนุ่มผู้นั้น นางวางไม้ดามลงก่อน แล้วใช้มือทั้งสองข้างกดทั้งต้นขาและหน้าแข้งของเขาเอาไว้ ลอบออกแรงเล็กน้อย สองมือของนางค่อยๆ ขยับเข้าสู่ตรงกลาง พาให้ชายหนุ่มร้องโอดโอยเพราะความเจ็บปวด ขาของเขาสั่นระริกไม่ยอมหยุด แต่กลับไม่กล้าขยับเขยื้อนมากไปกว่านี้ จนกระทั่งสองมือของไป๋จื่อแนบชิดอยู่ด้วยกัน
ในดวงตาของหมอเฉินปรากฏแววประหลาดใจ แต่ก็ไม่ได้สงสัยอะไร เพียงหยิบไม้ดามมาพันขาที่หักของชายหนุ่มไว้ในทันที
ครั้นทำให้ขาที่บาดเจ็บมั่นคงแล้ว หมอเฉินก็เอ่ยไป๋จื่อว่า “เจ้าหนุ่มพูดปดนะ”
ไป๋จื่อหัวเราะน้อยๆ “ผู้อาวุโสพูดเล่นแล้ว ข้าเพียงทำงานอยู่ที่ร้านสมุนไพรเป็นนประจำ ยามท่านหมอมาข้าก็เคยช่วยเป็นลูกมือให้เขาอยู่บ้าง ไปๆ มาๆ ก็ได้เรียนรู้วิธีกันพันแผลและทำแผลอยู่บ้าง แต่ไม่นับว่าเชี่ยวชาญหรอกขอรับ”
หมอเฉินพิจารณาไป๋จื่อ ด้วยไม่รู้ว่าในวาจาของเด็กหนุ่มผู้นี้มีความจริงอยู่กี่ส่วน เท็จอยู่กี่ส่วน เขาหันไปกวาดสายตามองนายทหารคนที่มาพร้อมกับชายหนุ่มขาหัก เขาหน้าซีดเผือดไร้สี หน้าอกกระชั้นกระเพื่อมขึ้นลง เจ็บปวดมากอย่างเห็นได้ชัด แต่กลับกัดฟันอดทนอยู่ตลอด ไม่ได้ร้องส่งเสียงแม้สักแอะ
เขากล่าวกับไป๋จื่อ “เจ้าไปดูเขาหน่อยสิ”
ไป๋จื่อนั่งยองลงเบื้องหน้าชายหนุ่มอีกคน นางไม่จับชีพจรให้เขา เพียงยื่นมือไปเลิกเสื้อผ้าชุ่มเลือดบนร่างกายของเขาขึ้น บริเวณใต้สะดือมีบาดแผลยาวถึงห้าชุ่น น่าจะเป็นบาดแผลจากดาบหรือกระบี่
นางไม่ได้แตะต้องบาดแผล จากนั้นก็มองไปยังขาข้างขวาของเขา กางเกงข้างขวาโชกเลือดเช่นเดียวกัน เลือดซึมผ่านผ้าที่ฉีกขาด ส่วนเลือดบนบาดแผลแห้งกรังไปนานแล้ว แต่ยังคงมองเห็นความลึกของแผลจากกระบี่นี้ได้
ไป๋จื่อฉีกผ้าข้างๆ บาดแผลออก หลังจากสังเกตอย่างละเอียดแล้ว ในที่สุดคิ้วที่ขมวดมุ่นก็คลายออก
“โชคดียิ่งนัก!”
หมอเฉินเลิกคิ้ว จ้องมองไป๋จื่อที่กำลังยิ้มจางๆ ถามว่า “โชคดีอย่างไร”
ไป๋จื่อลุกขึ้นยืน แล้วชี้ไปยังบาดแผลทั้งสองบนร่างกายของชายหนุ่ม “บาดแผลสองที่นี้ ดูท่าทางเหมือนจะเป็นบาดแผลที่หนักมาก แต่ความจริงแล้วเป็นเพียงบาดแผลที่ภายนอก ไม่ได้ลึกมากจนถึงกระดูกและเส้นเอ็น หลังจากทำการรักษาแล้ว ใช้เวลาไม่นานแผลก็สมานได้แล้วขอรับ”
………
ตอนที่ 472 หมอเฉิน (2)
หมอเฉินถามอีก “ถ้าเป็นเจ้า เจ้าจะรักษาอย่างไร”
“ทำความสะอาดบาดแผลก่อน แล้วค่อยเย็บปากแผลที่ถูกดาบหรือกระบี่ฟัน จากนั้นก็รักษาความสะอาดต่อไป ใช้เหล้าต้มเช็ดแผลทุกเช้าเย็น ไม่จำเป็นต้องทายา เจ็ดวันค่อยตัดไหม เพราะปากแผลสมานแล้วขอรับ” ไป๋จื่อกล่าวตอบ
เย็บผิวหนังและเนื้อที่ถูกฟัน ไม่ต้องใช้ยาใส่แผลหรือนี่ เขาไม่เคยได้ยินการรักษาเช่นนี้มาก่อนเลย
สำหรับเขาแล้วควรจะทายาสำหรับบาดแผลฉีกขาดคุณภาพดี เพื่อหยุดการเน่าเปื่อยของเนื้อ ทั้งยังควรจะเปลี่ยนยาวันละหนึ่งครั้งในทุกวัน วิธีการรักษาเช่นนี้ถึงจะพบเห็นได้ง่ายที่สุด เขาเป็นหมอมาหลายสิบปีแล้ว ทว่ายังไม่เคยได้ยินใครใช้การเย็บรักษาบาดแผลเช่นนี้กับคนมาก่อนเลย
ดูท่าทางวันนี้เขาจะได้เปิดโลกทัศน์แล้ว
หมอเฉินกล่าว “เอาอย่างนี้ดีกว่า ข้ามอบหมายให้เจ้ารักษาผู้ป่วยคนนี้ ทางนั้นมีคนที่บาดเจ็บคล้ายๆ กันกับเขาอยู่ด้วย ข้าจะใช้วิธีของข้ารักษา แล้วพวกเรามาเทียบกันดู ว่าวิธีการรักษาของใครจะมีประสิทธิภาพมากกว่ากัน”
ไป๋จื่อยิ้มจาง “ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้นะขอรับ ทว่าจะตัดสินแพ้ชนะการอย่างไร ชนะแล้วเป็นอย่างไร หรือแพ้แล้วจะเป็นอย่างไร”
ใบหน้าที่ถมึงทึงของหมอเฉินเผยรอยยิ้ม “เจ้าพูดถูก ในเมื่อต้องตัดสินแพ้ชนะ ก็ย่อมต้องมีรางวัล ไม่เช่นนั้นแล้วจะมีความหมายอะไร”
เขายิ่งมองเด็กคนนี้ก็ยิ่งรู้สึกสนใจ จึงยิ้มถาม “เจ้าลองว่ามาสิ ว่าเจ้าต้องการรางวัลอะไร”
ไป๋จื่อยิ้มมุมปาก กล่าวในใจว่าหมอเฉินช่างเป็นคนที่มีแนวทาง รู้ว่านางมีเป้าหมายอยู่แล้ว จึงมอบโอกาสให้นางเสียเลย
นางเองก็ไม่เกรงใจเช่นกัน กล่าวไปตามตรงว่า “หากข้าชนะ ท่านให้ข้าอยู่เป็นผู้ช่วยนะขอรับ” นางกำลังคิดหาหนทางอยู่ต่อไม่ออก นี่ช่างเป็นโอกาสอันสมบูรณ์แบบทีเดียว
“แล้วหากเจ้าแพ้เล่า” หมอเฉินถามพร้อมรอยยิ้ม
ไป๋จื่อยักไหล่ “แพ้ก็ฟังตามบัญชาของท่าน!”
หมอเฉินพยักหน้า พลางมองนางด้วยความสนใจเต็มเปี่ยม ใบหน้าปรากฏความชื่นชม “เจ้าคล้ายจะมั่นใจมากเลยนะ”
นางย่อมมั่นใจอยู่แล้ว การรักษานี้ถือเป็นเรื่องเล็กน้อยมากสำหรับนาง ไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรง
“ข้าไม่กล้าพูดว่ามั่นใจเสียสิบส่วน แต่อย่างน้อยก็สูงถึงเก้าส่วนขอรับ” เพิ่มอีกส่วนหนึ่งจะเป็นการโอ้อวด เช่นนั้นเก้าส่วนดีแล้ว
หมอเฉินอารมณ์ดีนัก เขาโบกมือ “เอาละ อย่าพูดจาไร้สาระกันเลย ลงมือกันดีกว่า ผู้ป่วยที่นี่มีมากมาย อีกเดี๋ยวก็จะมีผู้ป่วยใหม่ถูกส่งมาอีก ไม่มีเวลาคุยเล่นอยู่ตรงนี้หรอก”
ไป๋จื่อพยักหน้า ก่อนจะหมุนกายออกจากกระโจมไป แล้วหยิบกระเป๋าผ้าที่นำติดตัวมาจากเมืองชิงหยวนออกจากรถม้า นางควานหาเข็ม ด้าย และแอลกอฮอล์สำหรับใช้ฆ่าเชื้อออกมาจากในนั้นด้วย
ขณะที่นางกำลังทำความสะอาดบาดแผล ชายหนุ่มที่กัดฟันไม่ส่งเสียงมาโดยตลอด ก็ร้องออกมาเพราะทนไม่ไหวในที่สุด เพราะความเจ็บปวดเช่นนี้ไม่ต่างอะไรกับมีคนโรยเกลือลงบนบาดแผลของเขาเลย
หมอเฉินกำลังจัดการบาดแผลให้ผู้ป่วยเช่นกัน เขาใช้น้ำร้อน จึงย่อมไม่ทำให้เกิดความเจ็บปวดเหมือนกับใช้แอลกอฮอล์
เขาหยอกเย้าว่า “เจ้ายังไม่ทันได้เย็บแผลเลย คนก็เจ็บจนเจียนตายเสียแล้ว”
ไป๋จื่อวางแอลกอฮอล์ในมือลง ยิ้มว่า “ไม่หรอกขอรับ หากทนความเจ็บเช่นนี้ไม่ได้ เขาคงไม่รอดมาได้จนถึงตอนนี้ และคงจะตายตกตั้งแต่ท้องโดนปาดแล้ว”
ระหว่างสนทนากัน เข็มเย็บแผลแทงทะลุเนื้อหนังของชายหนุ่มแล้ว เข็มแทงไม่เจ็บเท่าไร แต่ที่เจ็บคือความรู้สึกที่ด้ายยาวๆ ถูกดึงผ่านบาดแผลทีละเล็ก ทีละน้อยมากกว่า…
หมอเฉินวางยาใส่บาดแผลในมือ ลุกขึ้นเดินมาถึงด้านหลังของไป๋จื่อ พลางมองเย็บปากแผลโชกเลือดยาวเหยียดทีละเข็มด้วยความคุ้นชินอย่างหาใดเปรียบ คล้ายกับการเย็บเสื้อผ้าขาดเป็นรูครั้งเมื่อเขายังเด็ก ที่มารดาของเขาจะนั่งอยู่ใต้ตะเกียงน้ำมัน เย็บเสื้อผ้าของเขาให้ทีละเข็มเป็นอย่างดี
ไม่นานนัก ปากแผลที่เคยปรากฏเนื้อสีแดงสดให้เห็นก็หายไป เหลือเพียงรอยตะขาบสีดำยาวตรงเส้นหนึ่งเท่านั้น