คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 483 ภาวะขาเดลือด / ตอนที่ 484 เจ้ารู้จักข้า?
ชายหนุ่มสองคนกรูไปข้างหน้า หมอเฉินเองก็รีบตามเข้าไปตรวจดูเช่นกัน เขาผ่อนลมหายใจเพราะความโล่งอกหลังจากจับชีพจรดูแล้ว “ก่อนหน้านี้เขาให้เลือดมากเกินไป เดิมทีก็ร่างกายอ่อนแออยู่แล้ว บวกกับให้เลือดเข้าไปอีก จึงทำให้เลือดลมไหลเวียนติดขัด อีกทั้งเหนื่อยล้าเป็นเวลานาน”
“เช่นนั้นเขาจะเป็นอะไรหรือไม่” ชายหนุ่มรียถาม
หมอเฉินยิ้มพลางโบกมือ “ไม่หรอก อีกเดี๋ยวข้าจะนำยามาให้เขา บำรุงร่างกายสักหน่อย ไม่นานเขาก็จะกลับมาแข็งแรงดังเดิมแล้ว”
เขากล่าวกับชายหนุ่มคนที่ให้เลือดอีกว่า “เจ้าเองก็ต้องบำรุงร่างกายนะ ข้าเห็นเจ้าให้เลือดไปไม่น้อยเลย”
ชายหนุ่มรีบโบกมือ “ไม่ต้องหรอกขอรับ ท่านให้หมอหนุ่มก็พอแล้ว ข้าร่างกายแข็งแรง แค่ให้เลือดย่อมไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”
หมอเฉินไม่พูดจามากความกับอีกฝ่ายอีก เขาหมุนกายไปหยิบข้าวของที่ไป๋จื่อยัดเข้าไปในกระเป๋าผ้า
ที่แท้ในกระเป๋าใบนี้ของเขาไม่ได้ใส่เงินหรือตั๋วเงินเอาไว้ แต่กลับใส่ข้าวของแปลกประหลาดเหล่านี้อีกไว้ต่างหาก มิน่าเล่าเขาถึงไม่ยอมให้ดู
หลังจากเก็บของเรียบร้อย หมอเฉินก็ให้พวกเขาทั้งสองคนอยู่ที่นี่ก่อน ส่วนเขากลับไปยังกระโจมหลังใหญ่ที่อยู่ติดกัน
ครึ่งชั่วยามให้หลัง มู่หยางฟื้นขึ้นมาแล้ว เขามองยอดกระโจมที่เพิ่งปะรูรั่วอย่างดี ความเจ็บปวดทั่วร่างทำให้เขาครางออกมาอย่างอดไม่อยู่ เจ็บ เจ็บเหลือเกิน ดูจากความรู้เจ็บเช่นนี้แล้ว ท่าทางเขาจะยังมีชีวิตอยู่
“นายกองมู่ ท่านตื่นเสียที” นายทหารสองคนเห็นมู่หยางฟื้นแล้ว ดวงตาของทั้งสองคนพลันชุ่มชื้น หยดน้ำตาไหลลงมาหยดแล้วหยดเล่า
“เหตุใดต้องร้องได้ ข้ายังไม่ตายไม่ใช่หรือ” เขายกมือขึ้นจับหน้าอกของตนเอง บริเวณนั้นไม่มีผ้าพันแผล ไม่ใช่ว่าบาดเจ็บแล้วต้องพันแผลหรือไร
“ลูกธนูเล่า” เขาถาม
ทั้งสองคนพยักหน้า “ดึงไปแล้วขอรับ ข้าเป็นคนดึงออกมาเองกับมือ”
“ดึงลูกธนูออกมาแล้ว แต่ข้ายังไม่ตายหรือนี่” มู่หยางถาม เขาเคยดึงลูกธนูให้สหายคนหนึ่งเช่นกัน ทว่าทุกคนล้วนตายตกอย่างไม่มีข้อยกเว้น
“หมอหนุ่มคนนั้นรักษาให้ท่านขอรับ วิชาแพทย์ของเขาเรียกได้ว่าเป็นที่หนึ่ง ท่านแม้กระทั่งหัวใจหยุดเต้นไปหลายครั้ง นางก็ยังช่วยชีวิตท่านกลับมาได้ อีกทั้งยังกล่าวว่าหลังจากนี้ท่านจะไม่เป็นอะไร ไม่เป็นอะไรเลยแม้สักนิดเดียว” ชายหนุ่มกล่าว
นายกองมู่หันไปมอง เขาเห็นเพียงคนผู้หนึ่งนอนนิ่งอยู่บนเตียง รูปร่างเล็กและผอม ไม่ต่างอะไรกับสตรีเพศ
“หลับอยู่หรือ” เขาเอ่ยถาม
นายทหารหนุ่มอีกคนรีบพูดขึ้นมา “ไม่ใช่หลับหรอกขอรับ เขาสลบไปต่างหาก เพราะเขาใช้เลือดของตัวเอง เติมเข้าไปในร่างกายของท่าน บวกกับทำการรักษาให้ท่าน อาจจะเป็นเพราะเหนื่อยเกินไป ครั้นฝืนทนต่อไปไม่ไหว จึงสลบไสลไปเช่นนี้”
ชายหนุ่มอีกคนรีบพูดต่อ “แต่ท่านหมอเฉินบอกว่าเขาไม่เป็นอะไร บำรุงร่างกายสักหน่อยก็หายดีแล้วขอรับ”
มู่หยางพยักหน้า แม้จะไม่เข้าใจว่าอะไรคือการที่เลือดของอีกฝ่ายมาอยู่ในร่างของตน แต่อย่างไรเสียหมอหนุ่มผู้นี้ก็ช่วยชีวิตของเขาไว้ ทั้งยังดูแลเขาอย่างดี เขาต้องขอบคุณผู้มีพระคุณผู้นี้แน่นอน
“นายกองมู่ ท่านหิวหรือไม่ ข้าจะไปหาอะไรมาให้ท่านกิน”
มู่หยางรู้สึกเจ็บ ไม่ได้รู้สึกหิว แต่เขารู้ว่าหากอยากจะหายดี ก็จำต้องกินอะไรเข้าไปบ้าง ไม่เช่นนั้นร่างกายจะยิ่งอ่อนแอลงเรื่อยๆ เขาต้องหายดีให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ จำเป็นจะต้องเป็นเช่นนั้น เพราะจิ้นอ๋องต้องการเขา กองทหารหุ้มม้าเกราะต้องการเขา
ชายหนุ่มอีกคนหนึ่งเอ่ย “ข้าไปเอง หมอหนุ่มบอกไว้ว่าหากนายกองมู่หิว ก็ให้เขากินน้ำแกงเสียหน่อย เพราะยังกินอย่างอื่นไม่ได้ ต้องดูอาการในวันพรุ่งนี้อีกครั้ง”
“เช่นนั้นก็ได้ เจ้าไปนำน้ำแกงข้าวจากหน่วยเสบียงมาสักหน่อย ข้าจะรออยู่ที่นี่”
หลังจากออกมาจากกระโจมแล้ว ชายหนุ่มก็มุ่งหน้าไปยังหน่วยเสบียง ภายในนั้นกำลังง่วนอยู่กับการเตรียมอาหาร เขาไปหาจู่ซื่อทันทีที่เข้าไปข้างใน “ข้าเป็นคนจากกองทหารม้าหุ้มเกราะ นายกองมู่ของพวกข้าได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้กินได้เพียงน้ำแกงข้าวเท่านั้น พวกเจ้ามีบ้างหรือไม่”
หูเฟิงที่กำลังหั่นผักอยู่พลันหยุดมือ ก่อนจะหันไปมองชายหนุ่ม “เจ้าว่าอะไรนะ นายกองมู่ได้รับบาดเจ็บหรือ สาหัสหรือไม่”
คนผู้นั้นคุ้นหน้าหูเฟิง แต่ก็นึกไม่ออกว่าเคยเห็นเขาที่ไหนมาก่อน จึงถามว่า “เจ้ารู้จักนายกองมู่ของพวกข้าด้วยหรือ”
……….
ตอนที่ 484 เจ้ารู้จักข้า?
หูเฟิงพยักหน้า “รู้จัก เขาบาดเจ็บสาหัสหรือไม่”
ชายหนุ่มพยักหน้าเช่นกัน “บาดเจ็บหนักมาก แต่ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้ว หมอหนุ่มที่มาใหม่รักษาเขาจนหาย ตอนนี้เขาฟื้นขึ้นมาแล้วละ”
หูเฟิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะรีบถามอีกว่า “แล้วหมอหนุ่มเป็นอย่างไรบ้าง”
ชายหนุ่มชะงักไปเล็กน้อย หรือเขาก็รู้จักหมอหนุ่มผู้นั้นด้วยเช่นกัน
“เพื่อช่วยชีวิตนายกองมู่ หมอหนุ่มเหนื่อยจนสลบไปแล้ว แต่หมอเฉินบอกว่าเขาไม่เป็นอะไรมาก ดื่มยาและบำรุงร่างกายสักหน่อยก็หายแล้ว”
มือของหูเฟิงกำเสื้อผ้าของตนเองจนแน่น เส้นเลือดที่หลังมือปูดโปน ไม่รู้ว่าเขาเสียแรงไปเท่าไร ถึงกดข่มความต้องการที่จะถลันไปยังกระโจมหน่วยแพทย์ได้ เขาถามย้ำชัดทีละคำ “เขาไม่เป็นอะไรจริงๆ ใช่หรือไม่”
ขณะนี้จูซื่อยกน้ำแกงข้าวเข้ามาแล้ว ด้วยกลัวว่าจะร้อนลวกเกินไป เขาจึงใส่มันลงไปในกล่องอาหาร แล้วส่งให้ชายหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้า
เขารีบรับไว้ พลางพูดกับหูเฟิงพร้อมรอยยิ้ม “ไม่เป็นอะไรแล้ว ไม่เชื่อเจ้าก็ไปดูเองเถอะ”
ไปดูหรือ เขาอยากไปแน่นอนอยู่แล้ว แต่เขาไปไม่ได้ หมอเฉินรู้จักเขา หูจื้อที่อยู่ข้างๆ กระโจมหน่วยแพทย์ก็รู้จักเขาเช่นกัน หากเขาบุ่มบ่ามไปที่นั่นแล้วพบพวกเขาเข้า ตนเองไม่เพียงถูกเปิดโปง แต่เกรงว่ายังต้องพัวพันไปถึงไป๋จื่อและมู่หยางด้วย
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงไปที่นั่นไม่ได้!
…
มู่หยางหลับไปอีกหนึ่งตื่นหลังจากกินน้ำแกงข้าว ยามที่ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง หมอหนุ่มที่สลบไปคนนั้นกำลังใช้สิ่งของแปลกประหลาดขยับไปมาอยู่บนหน้าอกของเขา
ไป๋จื่อเห็นเขาตื่นขึ้นมาแล้ว จึงรีบเก็บเครื่องฟังตรวจ แล้วยิ้มถามว่า “รู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง”
“เจ้าคือหมอหนุ่มที่รักษาข้าหรือ” มู่หยางมุ่นคิ้ว
นางพยักหน้า “ไม่ใช่แค่ข้านะ ยังไม่ท่านหมอเฉินด้วย ข้าชื่อว่าไป๋จื่อ ยินดีนักที่ได้พบเจ้า มู่หยาง”
ความประหลาดใจพลันปรากฏบนบหน้าของมู่หยาง “เจ้ารู้จักข้า?”
ไป๋จื่อนั่งลงที่ข้างกายเขา สายตากวาดมองประตูกระโจมที่มีม่านผ้าปิดไว้อยู่ ไม่มีใครเข้ามา และไม่มีใครเดินอยู่ด้านนอก คราวนี้นางถึงจะกล่าวเสียงเบา “ข้าไม่ได้รู้จักแค่เจ้านะ แต่ข้ารู้จักหูเฟิงด้วย”
สีหน้าของมู่หยางดูลุกลี้ลุกลนขึ้นมา “เจ้ากับเขา เขา…” เขาอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรออกไป เพราะเขาไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าผู้นี้มีความสัมพันธ์ใดกับจิ้นอ๋องกันแน่ รู้เรื่องจิ้นอ๋องมากน้อยเพียงใด แล้วรู้ว่าหูเฟิงก็คือจิ้นอ๋องหรือไม่
ไป๋จื่อเข้าใจกระจ่างแจ้ง จึงกล่าวเสียงเบาดังเดิม “ข้าบอกเจ้าเช่นนี้ เพราะอยากให้เจ้าเอาใจใส่รักษาดูแลบาดแผลอย่างดี ไม่ได้มีเจตนาอื่นใด ก่อนหน้าที่หูเฟิงจะมาที่นี่ เขาอยู่กับข้าตลอด ตอนนี้เขาต้องการให้ข้าช่วยเขา ข้าจึงมาที่นี่ ง่ายๆ เช่นนี้เอง”
มู่หยางเข้าใจแล้วเช่นกัน เขาพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ขอบคุณนะ ขอบคุณเจ้ามาก! หมอไป๋!”
นางลุกขึ้นยืน แล้วพูดกับมู่หยางอีกว่า “เย็นนี้จะมีคนมาพาเจ้าไป เจ้าจงจำไว้ว่าอย่าให้บาดแผลโดนน้ำ และต้องมาที่นี่วันละครั้งทุกวัน ข้าต้องตรวจดูสภาพการสมานแผล อย่าลืมว่าต้องกินยาให้ตรงเวลาด้วย”
มู่หยางตอบรับคำพูดของนาง แม้กระทั่งจดจำไว้ในใจทุกพยางค์ พลางมองหมอหนุ่มตัวเล็กตรงหน้าด้วยแววตาเลื่อมใส
…
ครั้นม่านราตรีโดรยตัว ค่ายหทารส่งศพออกไปจำนวนหนึ่ง มีทั้งนายทหารที่บาดเจ็บหนักจนรักษาไม่ได้ บ้างเป็นเชลยที่ทนรับบทลงโทษไม่ไหว อีกทั้งยังมีแม่ทัพที่ถูกขังและทนรับการทรมานถึงสามปี แต่สุดท้ายก็ยังไม่ยอมจำนน
ศพถูกโยนลงไปในหลุมฝังศพทั้งหมด ด้วยหมายจะปล่อยให้พวกเขาเน่าเปื่อยไปตามธรรมชาติ แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นอาหารอันโอชะของหมาป่าดุร้ายกลางหุบเขา
ในหลุมศพส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว หูเฟิงนำผ้าที่เตรียมไว้แล้วออกมาปิดจมูก ก่อนจะโน้มตัวกระโดดลงไป โดยที่ไม่มีความลังเลเลยสักนิดเดียว