คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 493 ยาปี้ซิน / ตอนที่ 494 น้ำแกงงูข้นแสนอร่อย
ตอนที่ 493 ยาปี้ซิน
ตอนที่หลอมยา ไป๋จื่อให้หมอเฉินควบคุมกระบวนการร่วมกับต้วนเฉิง นางเพียงอ้าปากออกคำสั่ง คอยบอกพวกเขาว่าต้องเร่งไฟเมื่อใด ต้องผสมอะไรลงไปเมื่อใด
ในการเรียนรู้อะไรบางอย่าง ใช้สมองจดจำเพียงอย่างเดียวไม่มีประโยชน์ ต้องปฏิบัติจริงด้วย ลงมือฝึกฝน ทำเช่นนี้แล้วถึงจะจดจำสิ่งที่เรียนมาไว้ในหัวใจ กลายเป็นความรู้ของตนเองไปโดยปริยาย
ครั้นหลอมยาขับพิษเสร็จสิ้นก็เป็นเวลาย่ำค่ำแล้ว ในกระโจมหลังใหญ่มีกลิ่นยาตลบอบอวล ผู้ที่ได้กลิ่นมันล้วนรู้สึกสดชื่น ราวกับว่าหากได้กินสักเม็ดจะโบยบินขึ้นสู่สวรรค์ได้ ถือเป็นแรงดึงดูดมหาศาลที่การหลอมยาสร้างขึ้น
ในยุคปัจจุบันไม่ค่อยมีใครอยากเรียนศาสตร์การหลอมยาสักเท่าไร และน้อยคนนักที่จะยอมเสียเงินซื้อยาลูกกลอนมารักษาอาการป่วย พวกเขายอมกินยาแผนปัจจุบันที่มีผลข้างเคียงมาก เพราะมันมีราคาถูก ออกฤทธิ์เร็ว ศาสตร์การหลอมยาจึงแทบจะขาดคนสืบทอดไปแล้ว
ไป๋จื่อมีโอกาสพบอาจารย์เว่ยครั้งหนึ่งโดยบังเอิญ นางไปซื้อยาที่ร้านสมุนไพรจีนของเขา วันนั้นเขากำลังหลอมยาอยู่พอดี ยามที่นางไปถึงที่นั่น เตาหลอมยาเพิ่งจะเปิดออก กลิ่นหอมกำจรในคราวนั้นที่นางได้กลิ่น เป็นกลิ่นเดียวกับในตอนนี้ไม่มีผิดเพี้ยน วินาทีนั้นนางตัดสินใจเรียนหลอมยา ไม่ว่าจะลำบากและเหนื่อยยากเพียงใด นางล้วนอดทนอดกลั้น จนในที่สุดก็สำเร็จวิชาจนได้
“ยาขับพิษนี้มีชื่อว่าอะไร” ต้วนเฉิงถาม
ไป๋จื่อหยิบยาเม็ดหนึ่งไว้ในมือ ใช้เล็บจับมันเล็กหน่อย ก่อนจะพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม “ประสิทธิภาพไม่เลว มันมีชื่อว่ายาปี้ซิน (หัวใจมรกต)”
นางผ่าครึ่งยาลูกกลอน เผยให้เห็นสีเขียวมรกตข้างในนั้น “เพราะมันมีสีเขียวมรกตด้านในเช่นนี้ จึงได้ชื่อว่ายาปี้ซิน”
ยาปี้ซินที่หลอมได้มีทั้งหมดสิบเม็ด นางหยิบออกมาหกเม็ด ส่วนที่เหลือสี่เม็ดส่งให้หมอเฉิน “ข้าขอเพิ่มสักเม็ด พวกท่านคงไม่ถือสากระมัง”
หมอเฉินคิดไม่ถึงว่านางจะให้พวกเขาถึงสี่เม็ด ในใจรู้สึกปีตินัก เขาโบกมือในทันที “ไม่ถือสา หากเจ้าต้องการ จะนำไปทั้งหมดก็ย่อมได้ วันหน้าข้าจะลองหลอมดูสักครั้ง”
ไป๋จื่อส่ายหน้า “นั่นคงไม่ง่ายขอรับ การจะหลอมยาชนิดนี้ ความจริงแล้ววัตถุดิบชนิดอื่นนับว่าหาง่าย ทว่างูลายดอกกลับหาตัวจับยากจริงๆ วันนี้พวกข้าก็พบมันโดยบังเอิญ ถึงได้มันมาเช่นนี้”
เมื่อพูดถึงงูลายดอก หมอเฉินก็พลันรู้สึกหิวขึ้นมา รีบถามว่า “ยามนี้แล้ว คนของหน่วยเสบียงหลับกันหมดแล้วกระมัง เจ้าจะยังทำน้ำแกงงูข้นใช้หรือไม่” ก่อนหน้านี้เขาเคยกินน้ำแกงงูข้นในร้านอาหารป่าเมื่อครั้งอยู่ในเมืองหลวง รสชาติของมันแปลกใหม่จนทำให้เขาลืมไม่ลงทีเดียว
นางพยักหน้า “แน่นอนว่าทำขอรับ พวกท่านรออยู่ที่นี่เถอะ ข้าทำเสร็จแล้วจะยกมาให้”
เดิมทีหมอเฉินอยากจะไปกับนางด้วย เพราะเกรงว่าจะถูกวิญญาณที่หิวโหยเหล่านั้นแย่งไปครั้นเพิ่งทำเสร็จ ทว่าเขายังไม่ทันจะได้ออกจากกระโจม ก็มีผู้บาดเจ็บถูกส่งมาอีก ต้วนเฉิงยิ่งหวังพึ่งไม่ได้ เขาจึงจำใจต้องอยู่ที่นี่
ไป๋จื่อถืองูและยาลูกกลอนจากไป นางง่วนอยู่ในหน่วยเสบียงพักหนึ่ง กลิ่นหอมของน้ำแกงงูข้นก็กระจายไปทั่วบริเวณ หูเฟิงได้กลิ่นแล้วก็ออกมาในทันที คนที่จะทำอาหารให้มีกลิ่นหอมเช่นนี้ได้ นอกจากไป๋จื่อแล้ว ค่ายทหารแห่งนี้จะมีใครทำได้อีก
นางรีบยกน้ำแกงงูข้นถ้วยใหญ่ส่งให้หูเฟิง “เจ้ารีบกินเถอะ อีกเดี๋ยวหากมีคนมาจะไม่เหลือถึงเจ้าเอา”
ขณะพูด นางก็ยัดยาลูกกลอนสองเม็ดใส่มือของเขาด้วย “นี่เป็นยาลูกกลอนของฟู่เจิง เจ้าหาโอกาสส่งไปให้เขาเสีย ให้เขากินวันละหนึ่งเม็ดเป็นเวลาสองวัน พักผ่อนอีกสักสองสามวัน หลังจากนั้นบาดแผลภายในก็จะสมานแล้ว”
ความจริงแล้วยาลูกกลอนนี้ไม่เพียงมีประสิทธิภาพในการขับพิษและบำรุงเลือด แต่ยังมีผลช่วยฟื้นฟูอวัยวะภายในที่ได้รับบาดเจ็บอีกด้วย แน่นอนว่านางไม่ได้บอกเรื่องนี้กับหมอเฉิน
ตอนนี้ไม่ใช่เวลาพูดเรื่องเหล่านี้ วันหลังค่อยบอกเขาก็ยังไม่สาย
หูเฟิงเก็บยาลูกกลอนไว้ในอกเสื้อ ก่อนจะยกน้ำแกงงูข้นร้อนๆ ขึ้นมากินคำหนึ่ง มันสดและอร่อยจริงอย่างที่เขาคาดไว้ ช่วงนี้เขาพักอยู่ในค่ายทหาร วันๆ มีแต่ข้าวสวยเคียงกับผักกาดขาว ไม่ได้เห็นเนื้อสัตว์มานานแล้ว บัดนนี้มีน้ำแกงงูข้นให้กิน เขาย่อมรู้สึกว่ามันสดอร่อยเป็นพิเศษ
……….
ตอนที่ 494 น้ำแกงงูข้นแสนอร่อย
หูเฟิงเพิ่งกินเสร็จ กำลังคิดจะพูดอะไรบางอย่างกับไป๋จื่อ กลับเห็นหมอเฉินรีบร้อนเดินมาทางพวกเขาเสียก่อน
ไป๋จื่อรีบพูดขึ้นว่า “เจ้าไปก่อนเถอะ มีอะไรค่อยว่ากัน”
ชายหนุ่มถอนใจอย่างจนใจเสียงหนึ่ง หมอเฉินผู้นี้ชอบพูดเปลี่ยนเรื่องอยู่เสมอ สงสัยจริงๆ ว่าเขาจงใจหรือไม่
หูเฟิงรีบออกจากหน่วยเสบียงไป ครั้นหมอเฉินเข้ามาถึง ก็เหลือบเห็นเงาหลังที่รีบเร่งของเขาไวๆ รู้สึกว่าคุ้นตานัก จึงเอ่ยถามว่า “เมื่อครู่นั่นใครหรือ”
“แค่ทหารลาดตระเวนขอรับ เขามากินน้ำแกงถ้วยหนึ่งแล้วก็ไป” ไป๋จื่อตอบอย่างขอไปที
หมอเฉินเองก็ไม่สงสัย ถึงอย่างไรเสียคนที่รูปร่างคล้ายคลึงกันก็มีอยู่ถมไป ไม่มีอะไรน่าแปลก
“รีบนำมาให้ข้าสักถ้วยเถอะ อีกเดี๋ยววิญญาณที่หิวโหยพวกนั้นก็จะมาแล้ว ข้าแย่งชิงกับพวกเขาไม่ไหวหรอก” เขาได้กลิ่นหอมโชยออกมาจากในหม้อ พาให้เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่
“พวกเราอย่ากินอยู่ที่นี่เลยขอรับ นำกลับไปที่กระโจมแพทย์ทหารดีกว่า จะได้ให้ทหารที่บาดเจ็บพวกนางลองชิมดูด้วย” ไป๋จื่อกล่าว
หมอเฉินเห็นว่าในหม้ออาหารยังเหลืออยู่ไม่น้อย จึงพยักหน้ารับ “ตกลง ข้ายกหม้อเอง เจ้าก็นำถ้วยกับตะเกียบมาด้วย”
หนึ่งผู้อาวุโส หนึ่งผู้เยาว์เดินออกจากตรงนั้นอย่างว่องไว เหล่าทหารลาดตระเวนที่ตามกลิ่นมาจึงเห็นแต่ความว่างเปล่า ครั้นเห็นถ้วยเปล่าวางอยู่บนโต๊ะ ภายในนั้นไม่เหลือน้ำแกงแม้สักหยด ก็พากันบ่นอุบ
“ล้วนต้องโทษเจ้า บอกให้เจ้าเร่งฝีเท้าหน่อย แต่เจ้าก็ไม่ฟัง คราวนี้เป็นอย่างไรเล่า ไม่เหลืออะไรแล้ว”
“โทษข้าได้ด้วยหรือ ข้าเดินอยู่ข้างหน้าสุด ส่วนพวกเจ้าอยู่ข้างหลังไม่เห็นอะไรสักอย่าง แม่ทัพหูและแม่ทัพสื่ออยู่ข้างหน้าข้า แล้วข้าจะกล้าเดินเร็วได้หรือ”
“ดึกป่านนี้แล้ว วันนี้ก็ไม่มีการสู้รบเสียหน่อย แม่ทัพหูกับแม่ทัพสื่อเดินเตร็ดเตร่อยู่ข้างนอกทำอะไร”
“เรื่องนี้พวกเจ้าไม่รู้หรอกรึ ได้ยินมาว่าพรุ่งนี้จอมพลหวังก็จะมาถึงแล้ว พวกเขาจึงต้องตรวจสอบให้ทั่วบริเวณ ปกปิดสิ่งที่ควรปกปิด สิ่งที่ไม่ควรให้จอมพลหวังเห็น ก็ย่อมต้องซุกซ่อนให้ดี”
“สายข่าวของเจ้าไม่ธรรมดาเลยนะ เช่นนั้นเจ้ารู้หรือไม่ ว่าแม่ทัพหูและแม่ทัพสื่อไม่อยากให้จอมพลหวังเห็นอะไรมากที่สุด”
“นี่ยังต้องถามอีกหรือไร แน่นอนว่าเป็นกองทหารม้าหุ้มเกราะและกองทหารเกราะดำ แต่น่าเสียดายนัก ครั้งนี้ทั้งสองกองได้รับชัยชนะ พวกเขาอยากจะนำสหายจากสองกองนี้ไปวิพากษ์วิจารณ์ ก็เกรงว่าจะไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว!”
“แต่ข้าได้ยินมาอีกว่า ที่นางกองมู่แห่งกองทหารม้าหุ้มเกราะได้รับบาดเจ็บสาหัส นั่นเป็นฝีมือของคนที่แม่ทัพหูส่งมา ความจริงแล้วแม่ทัพหูต้องการฆ่านายทหารสองคนในค่ายทหาร แต่คิดไม่ถึงเลยว่านายกองมู่จะไม่สนใจความปลอดภัยของตนเอง ช่วยนายทหารสองคนนั้นเอาไว้ นายกองมู่เกือบตาย ยากนักกว่าจะช่วยชีวิตกลับมาได้ แม่ทัพหูโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเพราะเรื่องนี้ และตอนนี้อยู่ในช่วงวิกฤติ จอมพลหวังอาจมาถึงที่นี่ได้ทุกเมื่อ เขาจึงไม่กล้าทำอะไรมาก ทำได้เพียงปล่อยผ่านไป!”
หูเฟิงได้ยินคำพูดนี้ดังมาจากนอกกหน่วยเสบียงอย่างชัดเจน บนใบหน้าหล่อเหลาของเขาเต็มไปด้วยไอสังหาร แววตาคมปลาบดุจคมดาบอันเย็นยะเยือก หลังจากทหารลาดตระเวนพวกนั้นเดินจากไปไกล เขาถึงได้กัดฟันกล่าว “หูจื้อ จำทุกอย่างที่เจ้าทำในวันนี้ เวลานี้ให้ดี จำเรื่องที่เจ้าทำกับข้าเมื่อสามปีก่อนไว้ด้วย ข้าจะให้เจ้าชดใช้เป็นร้อยเท่า”
…
ไป๋จื่อและหมอเฉินยกหม้อและถ้วยกลับกระโจมหน่วยแพทย์ แม้นำแกงงูข้นในหม้อจะมีมากมาย แต่กลับไม่เพียงพอให้พวกเขาทุกคนเติมท้องจนอิ่ม ดังนั้นนางจึงตักให้ทุกคนเพียงครึ่งถ้วย “น้ำแกงข้นมีไม่มาก ทำได้เพียงแบ่งให้ทุกคนชิมน้อยหน่อยนะขอรับ”
เหล่าผู้ป่วยก็ไม่ใช่เด็กแล้ว จะไม่เข้าจเหตุผลนี้ได้อย่างไร น้ำแกงงูข้นเหล่านี้แบ่งมาจากส่วนของหมอหลายคนให้พวกเขาแท้ๆ แล้วใครจะบ่นได้ว่ามันน้อยเกิน พวกเขากล่าวขอบคุณยังน้อยเกินไปด้วยซ้ำ
หมอเฉินหิวมานานแล้ว ครั้นเห็นน้ำแกงข้นเหลืออยู่ในหม้อไม่มากแล้ว จึงรีบตักให้ตนเองถ้วยหนึ่ง