คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 501 หักหลังหรือไม่ / ตอนที่ 502 ชื่นชมบารมีของจอมพลหวัง
- Home
- คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา
- ตอนที่ 501 หักหลังหรือไม่ / ตอนที่ 502 ชื่นชมบารมีของจอมพลหวัง
ตอนที่ 501 หักหลังหรือไม่
มีเพียงเช่นนั้น เขาถึงจะมีสีหน้าเรียบนิ่งได้ปานนี้ เป็นปกติสุขยิ่งนัก!
หลังของจู้หยวนตั้งตรงแหน็วอยู่เสมอ ไม่กล้าบกพร่อง สีหน้าจริงจังทีเดียว “เรียนท่านจอมพล ข้าจงรักภักดีต่อเซียวอ๋อง ย่อมต้องทำตามคำสั่งของเซียวอ๋องอยู่แล้ว”
จอมพลหวังโมโหหนัก เขาฟาดฝ่ามือหนึ่งลงบนโต๊ะ พาให้กาน้ำชาบนนั้นล้มคว่ำ น้ำชาสีอำพันหกเรี่ยราดเต็มโต๊ะไปหมด “ไร้สาระ ที่นี่เป็นดินแดนของแคว้นฉู่ เป็นกองทัพของฝ่าบาท เจ้าบอกว่าเจ้าภักดีต่อเซียวอ๋อง? เช่นนั้นแล้วเจ้าเอาฝ่าบาทไปไว้ที่ใด”
จู้หยวนคุกเข่าลง “ท่านจอมพลอย่าได้โมโห ข้าเพียงพลั้งปากไปเท่านั้น”
สีหน้าของหูจื้อและสื่อลี่หยวนเริ่มไม่น่ามอง พวกเขาจะคาดคิดได้อย่างไร ว่าจู้หยวนจะพูดจาเช่นนั้นต่อหน้าจอมพลหวัง ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าเขามีใจซื่อสัตย์จากใจ หรือซื่อสัตย์จอมปลอม
จอมพลหวังหยิบกาน้ำชาบนโต๊ะ แล้วเขวี้ยงไปทางจู้หยวนอย่างแรง
จู้หยวนหลับตาปี๋ ไม่กล้าหลบหลีก ปล่อยให้กาน้ำชากระเบื้องกระแทกที่ขอบหน้าผาก เขาแม้กระทั่งไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด เพราะตอนนี้เขาไม่เจ็บตรงไหนไปกว่าตรงหัวใจอีกแล้ว
เลือดสดอุ่นๆ ไหลลงมาจากขมับ หยดลงบนเสื้อแพรของเขาหยดแล้วหยดเล่า
หูจื้อรีบประคองจู้หยวนให้ลุกขึ้น ก่อนจะลากเขาออกไปจากกระโจมของจอมพล
เมื่อคนเดินไปไกลแล้ว รองแม่ทัพจางก็ปรี่มาที่ข้างกายของจอมพลหวังทันควัน ยื่นมือไปลูบหลังเขาพลางเอ่ย “ท่านนจอมพล ท่านอย่าได้แสดงอารมณ์โกรธเลยนะขอรับ”
จอมพลหวังโบกมือ “ข้าไม่ได้โกรธ”
ไม่ได้โกรธ? เมื่อครู่นี้เขาเขวี้ยงกาน้ำชาใส่จู้หยวนจนบาดเจ็บ แต่ยังมาบอกว่าไม่ได้โกรธอีกหรือนี่
“เจ้าดูออกหรือไม่ว่าพวกจู้หยวนและหูจื้อแตกต่างกัน” จอมพลหวังเอ่ยถาม
แตกต่างกัน? รองแม่ทัพจางคิดดู ก่อนจะพยักหน้าในทันที “พอท่านพูดเช่นนี้ ข้าก็ถึงรู้ตัวว่าแตกต่างกันจริงๆ เพราะตามจริงแล้วจู้หยวนนับว่าเป็นผู้หักหลังจิ้นอ๋อง วันนี้เขาพบท่าน อย่างไรเสียก็ต้องมีทีท่าเหมือนกับพวกหูจื้อ ขณะที่ปอดแหกนั้น ก็ต้องรู้สักหวั่นเกรงท่านด้วย แต่ดูจากท่าทางของเขาแล้ว อย่าว่าแต่หวั่นเกรงเลย แม้แต่ปอดแหกก็ไม่ได้อยู่ในพจนานุกรมของเขา ข้ากล่าวถูกต้องหรือไม่ขอรับ”
จอมพลหวังเอ่ย “ข้าก็คิดเช่นนั้น หากไม่ได้ทำเรื่องเลวทราม ตกกลางคืนก็ไม่ต้องกลัวผีสางมาเคาะประตู ในเมื่อประพฤติตัวอย่างชอบธรรม แล้วไยจะต้องปอดแหกด้วยเล่า คนที่ปอดแหกน่าจะมีแต่คนที่ทำเลวเหล่านั้น”
รองแม่ทัพจางเข้าใจในทันที “ท่านหมายความว่าจู้หยวนผู้นี้ไม่ได้หักหลังจิ้นอ๋องหรือขอรับ”
จอมพลหวังพยักหน้าหงึกหงัก “ถูกต้อง ได้ยินมาว่ากองทหารนกกระจอกดำในตอนนี้มีทหารมากกว่าสองหมื่น สามปีมานี้บาดเจ็บไปแค่ไม่กี่พัน ส่วนกองทหารม้าหุ้มเกราะและกองทหารเกราะดำกลับบาดเจ็บอยู่หลายหมื่น สองกองรวมกันยังมีกำลังทหารไม่เท่ากองทหารนกกระจอกดำหนึ่งกองเลย”
เขากล่าวกับรองแม่ทัพจางว่า “เจ้าไปสืบดูสักหน่อย ผู้นำกองทหารม้าหุ้มเกราะเป็นใคร คนที่นำกองทหารม้าหุ้มเกราะและกองทหารเกราะดำจนได้รับชัยชนะก่อนหน้านี้ เจ้าต้องพาเขามาพบข้าให้ได้”
รองแม่ทัพจางตอบรับก่อนจะออกไป ในกระโจมหลังใหญ่มีแต่องครักษ์คนสนิท เขามองอาหารบนโต๊ะ ไม่รู้สึกอยากอาหารเลยสักนิด จึงให้ทุกคนมาแบ่งกันกิน
จอมพลหวังนอนพักผ่อนอยู่บนเตียงไม้ในกระโจม ขณะกำลังจะเคลิ้มกลับ กลิ่นหอมยั่วยวนใจสายหนึ่งก็ลอยเข้ามาเตะจมูก หอมยิ่งกว่ากลิ่นของอาหารบนโต๊ะเมื่อครู่นี้มากมายนัก
เสียงตะคอกขององครักษ์ดังมาจากด้านอกกระโจม คล้ายกับกำลังไล่ใครไปอย่างไรอย่างนั้น
เขารีบลงจากเตียง แล้วเดินไปตรวจสอบดูที่ข้างนอกกระโจม ก่อนจะเห็นเด็กหนุ่มที่กำลังยกชามกระเบื้องขนาดใหญ่ ถูกองครักษ์ดันให้ออกไปไกลๆ
แปลกนัก เด็กหนุ่มผู้นี้ดูผอมแห้งแรงน้อย แต่สองมือที่ถือชามกระเบื้องกลับมั่นคงมาก แม้จะมีองครักษ์ดันร่างออกไป จนร่างกายของเขาถอยกรูดอย่างต่อเนื่อง ทว่าสิ่งของที่อยู่ในมือกลับไม่กระฉอกออกมาเลยแม้สักนิดเดียว
……….
ตอนที่ 502 ชื่นชมบารมีของจอมพลหวัง
เด็กหนุ่มอธิบายกับองครักษ์คนนั้น “พี่ชาย ข้าเพียงมาชื่นชมบารมีของท่านจอมพลหวัง ได้ยินมาว่าเขาชอบกินอาหารป่า เมื่อวานศิษย์พี่ของข้าจับงูได้สองตัว จึงทำน้ำแกงงูข้นมาให้ ข้าไม่ได้มีเจตนาอื่นเลยจริงๆ”
องครักษ์ผู้นั้นไม่อยากฟังนางพูดจาไร้สาระอย่างเห็นได้ชัด จึงชักดาบที่ข้างเอวออกมา เอ่ยขู่ว่า “อย่ามาพูดจามากความ จอมพลหวังเป็นผู้ใด จะกินอาหารที่คนเช่นพวกเจ้านำมาได้อย่างไร รีบไปเสีย ขืนยังไม่ไปก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ”
เขากล่าวพลางยื่นเท้าไปหมายจะเตะเด็กหนุ่ม ทว่าจอมพลหวังกล่าวเสียงดังขึ้นมาก่อน “หยุด!”
องครักษ์ได้ยินเสียงของจอมพลหวัง พลันรีบดึงเท้าที่เพิ่งเตะออกไปกลับมาในทันที ก่อนจะหันกายไปอย่างนอบน้อม ประสานมือคารวะจอมพลหวัง “ท่านจอมพล เด็กคนนี้มีที่มาไม่ชัดเจน ข้ากำลังจะไล่เขาไปพอดีขอรับ”
จอมพลหวังชำเลืองมองเขาอย่างเฉยชา “มีที่มาไม่ชัดเจน? ในค่ายทหารแห่งนี้ยังมีใครมีที่มาไม่ชัดเจนอีกหรือ”
อีกฝ่ายพลันมีสีหน้ากระอักกระอ่วน พลางคิดว่าควรจะพูดจาไกล่เกลี่ยอย่างไรดี
ทว่าจอมพลหวังกลับเดินไปหาเด็กหนุ่มคนนั้น เอ่ยถามเสียงนุ่มว่า “เจ้าชื่อว่าอะไร เป็นคนของหน่วยใด เหตุใดถึงนำน้ำแกงงูข้นมาให้ข้า”
ไป๋จื่อรีบทำความเคารพเขา แล้วเอ่ยตอบ “ข้าชื่อว่าไป๋จื่อขอรับ เป็นศิษย์ของท่านหมอลู่แห่งหน่วยแพทย์ เมื่อวานศิษย์พี่ของข้าจับงูมาได้สองตัว อาจารย์บอกข้าว่าท่านชอบกินน้ำแกงงูข้นเช่นกัน จึงให้ข้านำมาส่งให้ท่านสักชามขอรับ”
จอมพลหวังดมกลิ่นนั้นอีกครั้ง มันหอมเสียยิ่งกว่าน้ำแกงงูข้นที่เขาเคยกินในเมืองหลวงเสียอีก
“ที่แท้เป็นศิษย์ของหมอทหารเฉิน” เขาพิจารณาไป๋จื่อตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะพยักหน้า “เขาใช้ได้ทีเดียว จำได้ด้วยว่าข้าชอบกินของป่า”
ไป๋จื่อยิ้ม “อาจารย์มักจะพูดถึงท่านอยู่บ่อยๆ ชมว่าท่านในปีนั้นองอาจเหมือนเทพสงคราม ข้ากับศิษย์พี่ล้วนชื่นชมท่านยิ่งนัก ข้าจึงขอร้องอาจารย์ว่าจะนำน้ำแกงงูข้นนี้มาให้ท่านด้วยตนเอง ไม่เช่นนั้นข้าก็ไม่รู้ว่าจะได้มีโอกาสพบท่านหรือไม่”
มนุษย์ล้วนชอบฟังวาจารื่นหู จอมพลหวังก็เป็นเช่นนั้น ย่อมไม่มีข้อยกเว้น อีกทั้งเด็กหนุ่มตรงหน้าผู้นี้ก็ดูฉลาดเฉลียว ถูกใจเขายิ่งนัก
“เข้ามาข้างในเถอะ ให้ข้าชิมฝีมือของเจ้าสักหน่อย” เขากล่าวจบก็หมุนกายกลับไปที่กระโจมหลังใหญ่ ก่อนจะเข้าไปยังกวาดสายตามององครักษ์ที่รังแกไป๋จื่อเมื่อครู่นี้อย่างเย็นชา ถามว่า “เจ้าเป็นคนของใคร”
องครักษ์ผู้นั้นเหงื่อแตกซก รีบตอบทันที “ข้าเป็นคนที่ท่านแม่ทัพหูส่งมาขอรับ”
จอมพลหวังแค่นหัวเราะเสียงเย็น “กลับไปเถอะ บอกแม่ทัพหูของพวกเจ้าด้วย ว่าข้าไม่ต้องการให้เขาส่งใครมาอีก”
องครักษ์รู้ตัวว่าตนเองทำงานผิดพลาด ขณะกำลังจะก้าวเข้าไปขอร้อง องครักษ์คนสนิทที่ติดตามข้างกายของจอมพลหวังก็ขวางหน้าเขาทันที ขับไล่เขาและองครักษ์อีกคนให้ออกไป
ไป๋จื่อรู้สึกเบิกบานใจนัก ที่แท้ก็เป็นสุนัขที่แอบอ้างบารมีจ่าฝูง มิน่าเล่าถึงได้กำเริบเสิบสานเช่นนี้
นางตามจอมพลหวังเข้าไปในกระโจม ภายในนั้นกว้างขวาง การตกแต่งก็ไม่เหมือนกับกระโจมทั่วไป เห็นได้ชัดว่าเป็นการจัดเตรียมให้เขาโดยเฉพาะ
หลังจากนางวางน้ำแกงงูข้นลงบนโต๊ะแล้ว นางถึงจะเปิดฝากระเบื้องเคลือบออก ทำให้กลิ่นหอมสดชื่นยิ่งเข้มข้นเข้าไปใหญ่
บนโต๊ะมีถ้วยเปล่าหลายใบเตรียมไว้ก่อนแล้ว ไป๋จื่อจึงหยิบมันมาถ้วยหนึ่งเพื่อตักน้ำแกงให้จอมพลหวัง จากนั้นก็ตักให้ตนเองด้วยหนึ่งถ้วย แล้วยิ้มกล่าวว่า “ข้าเองก็หิวเช่นกัน อีกทั้งยังไม่ได้ลองชิมเลยขอรับ เช่นนั้นข้าขอกินก่อนสักคำเถอะ”
จอมพลหวังลอบหัวเราะ เด็กคนนี้น่าสนใจทีเดียว มีไหวพริบและรู้ประสานัก
ถึงอย่างไรก็เพิ่งพบกันครั้งแรก นางนับว่าเป็นคนแปลกหน้าสำหรับจอมพลหวัง ของที่คนแปลกหน้านำมาให้เช่นนี้ จะกระเดือกลงคอไปง่ายๆ ได้อย่างไร หากนางไม่กินก่อนสักถ้วย ก็อย่าหวังว่าผู้อื่นจะเชื่อนางเลย
นางยังไม่ทันกินหมดถ้วย จอมพลหวังก็ยกถ้วยของตนเองขึ้นมาบ้าง พลางยิ้มว่า “ข้าอาจจะไม่เชื่อใจคนอื่น ทว่าข้าเชื่อใจหมอเฉิน ส่วนเจ้าก็หยุดกินเท่านี้ ข้าจะได้มีกินเพิ่มอีกถ้วยหนึ่ง