คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 535 ความดันโลหิตสูง (1) / ตอนที่ 536 ความดันโลหิตสูง (2)
- Home
- คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา
- ตอนที่ 535 ความดันโลหิตสูง (1) / ตอนที่ 536 ความดันโลหิตสูง (2)
ตอนที่ 535 ความดันโลหิตสูง (1)
กลางดึกขนาดนี้ ใครมาเคาะประตูกัน
ไป๋จื่อลุกขึ้น หยิบชุดคลุมผ้าฝ้ายบนราวมาสวม ก่อนจะหยิบกระบองไม้จากในมุมห้องมาด้วย “พี่สะใภ้ ท่านไปอยู่กับหรูเอ๋อร์ในห้องเถอะ ข้าจะออกไปดูสักหน่อย”
จ้าวซู่เอ๋อร์จะยอมให้นางออกไปเพียงลำพังได้อย่างไร จึงรีบหยิบกระบองไม้อีกท่อนมาถือไว้ในมือเช่นกัน “ข้าจะไปกับเจ้าด้วย หากเป็นคนที่น่าสงสัยเหล่านั้น พวกเราสองคนจะได้พอไล่เขาไปได้”
ก็ดีเหมือนกัน มีคนเพิ่มขึ้นก็เท่ากับมีแรงเพิ่มขึ้น ไป๋จื่อไม่ได้ปฏิเสธ ทั้งสองคนลงไปชั้นล่างพร้อมกัน ครั้นเดินไปถึงประตูลานบ้าน นางก็ตะโกนถามว่า “ใครเคาะประตูน่ะ รู้หรือไม่ว่าตอนนี้กี่ยามแล้ว”
เสียงที่ดังมาจากข้างนอกดูร้อนใจมาก “แม่นางไป๋ เรื่องใหญ่ขอรับ จู่ๆ นายท่านของข้าก็เป็นลมไป เรียกอย่างไรก็ไม่ยอมตื่น ชักกระตุกอีกต่างหาก สีหน้าของเขายิ่งทำให้ข้าตกใจแทบตาย ท่านบอกข้าไว้ไม่ใช่หรือ ว่าหากนายท่านของข้าเป็นอะไรไป ก็ให้ข้ามาหาท่านได้เลย”
ไป๋จื่อรีบถาม “นายท่านของเจ้าคือเถ้าแก่เฉินหรือ”
คนผู้นั้นตอบว่าใช่ไม่ขาดปาก
เด็กสาวรีบเปิดประตูรั้ว แสงจันทร์คืนวันขึ้นสิบห้าค่ำเจิดจ้ามาก ส่องใบหน้าของชายหนุ่มตรงหน้าชัดแจ้ง เป็นเด็กรับใช้ที่นางเห็นอยู่ข้างกายพี่ใหญ่เฉินในวันนั้นจริงๆ
“นายท่านของเจ้าเป็นอะไรกันแน่” ไป๋จื่อถาม
“วันนี้นายท่านของข้าไปดื่มสุรากับสหายของเขา ข้าโน้มน้าวเขาให้ดื่มน้อยๆ หน่อย เดิมทีนายท่านของข้าก็ไม่อยากดื่มมาก แต่สหายหลายคนของเขากลับไม่ยอม รินสุราให้เขาถ้วยแล้วถ้วยเล่า ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร จู่ๆ นายท่านของข้าก็บอกว่าเวียนหัวมาก เพิ่งลุกขึ้นยืนก็ล้มพับลง ข้าเชิญหมอมาแล้ว แต่หมอคนนั้นบอกว่าเขารักษาไม่ได้ ข้าหมดหนทางแล้วจึงมาหาท่าน” เด็กรับใช้คนนั้นกล่าว
ไปจื่อมองไปข้างนอกแวบหนึ่ง มีรถม้าจอดอยู่ข้างทาง นางจึงกล่าวกับเด็กรับใช้ว่า “เจ้ารอข้าก่อน ข้าจะไปหยิบของสักหน่อย”
เด็กรับใช้ดีใจมาก รีบรับคำทันที แล้วกลับไปรอที่รถม้า
นางกลับไปหยิบกระเป๋าผ้าที่ใส่ยาและอุปกรณ์อื่นๆ เอาไว้ จากนั้นนางก็บอกกล่าวกับจ้าวซู่เอ๋อสักสองสามคำ แล้วถึงหมุนกายเดินไปหาเด็กรีบใช้
รถม้าเคลื่อนตัวอย่างยากลำบากท่ามกลางหิมะตกหนัก หลายครั้งรถลื่นไถลจนตัวนางเกือบจะถูกเหวี่ยงออกจากตัวรถ เห็นได้ชัดว่าบังคับรถบนพื้นหิมะเช่นนี้อันตรายนัก
เมื่อถึงบ้านของเฉินไท่เหรินก็เป็นยามเหม่าสามเค่อแล้ว หากเป็นช่วงฤดูร้อน เวลานี้ท้องฟ้าน่าจะสว่างเจิดจ้า แต่ฤดูหนาวมีช่วงเวลากลางคืนยาวกว่ากลางวัน ตอนนี้จึงยังไม่มีแสงแรกของวันใหม่โผล่มาให้เห็น
นางเพิ่งเข้าไปในบ้านของเฉินไท่เหริน ก็ได้ยินเสียงสตรีร้องไห้จวนเจียนจะขาดใจดังมา
เด็กรับใช้นำไป๋จื่อเข้าไปในเรือน หมอซ่งที่เขาเชิญมาจากโถงสมุนไพรยังไม่กลับไป บัดนี้กำลังเขียนใบสั่งยาอยู่
เดิมทีเขาไม่คิดจะออกใบสั่งยา เพราะเขาเคยเห็นอาการป่วยของเฉินไท่เหรินนี้มาก่อนเช่นกัน มันใช้ยาอะไรก็รักษาไม่หาย ถึงแม้จะช่วยยื้อชีวิตกลับมาไว้ได้ แต่ผู้ป่วยก็ไม่ได้ดีขึ้นกว่าเดิมมากนัก แม้กระทั่งจะกลายเป็นคนที่แม้แต่พูดก็ยังพูดไม่คล่อง
เพราะเช่นนั้นเจียดยาอะไรก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้น ทว่าฮูหยินเฉินขอร้องเขาไม่ยอมเลิกรา เขาจึงหมดหนทางจริงๆ และจำต้องตอบตกลงเขียนใบสั่งยาไปก่อน
“ฮูหยิน แม่นางไป๋มาแล้วขอรับ”
เด็กรับใช้พาไป๋จื่อเข้าไปในห้อง หมอซ่งผู้นั้นเงยหน้ามองมา ครั้นเห็นว่าเป็นไป๋จื่อเขาก็จำได้ในทันที “เจ้าไม่ใช่แม่นางไป๋ ที่มาซื้อปลิงและลิ่นเมื่อครั้งก่อนหรอกหรือ”
ไป๋จื่อไม่ว่างกล่าวทักทายเขา นางเพียงพยักหน้ารับเบาๆ ถือว่าเป็นการทักทายแล้ว
นางเดินไปถึงข้างเตียงของเฉินไท่เหริน ก่อนจะรีบตรวจร่างกายของเขาตั้งแต่หัวจรดเท้ารอบหนึ่ง โดยรวมสามารถวินิจฉัยได้ว่าเป็นลมหมดสติเพราะความดันโลหิตพุ่งขึ้นสูงอย่างเฉียบพลัน แม้ชีพจรจะสับสน ทว่าไม่อ่อนแรง หัวใจของเขาเต้นแรงมาก ตอนนี้ตัดความเป็นไปได้ของภาวะเลือดออกในสมองไปได้
ขอเพียงไม่ใช่ภาวะเลือดออกในสมองก็พอ ตอนนี้นางมีวิธีรักษาแล้ว
นางรีบหยิบกระเป๋าเข็มออกมาจากในล่วมยา แล้วเริ่มฝังเข็มโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
……….
ตอนที่ 536 ความดันโลหิตสูง (2)
ฮูหยินเฉินไม่เคยพบไป๋จื่อมาก่อน เพียงได้ยินเฉินไท่เหรินพูดถึงนางเท่านั้น รู้แค่ว่านางเป็นคนที่คุณชายสกุลเมิ่งถูกตาต้องใจ รู้ว่านางทำอาหารเก่งมาก ทั้งยังมีหัวการค้าอย่างยิ่ง แต่กลับไม่คาดคิดเลยว่านางจะยังเป็นหมออีกด้วย
“แม่นางไป๋ สามีของข้าเขาเป็นอะไรกันแน่” ฮูหยินเฉินถามพร้อมน้ำตาอาบแก้ม
ไป๋จื่อฝังเข็มลงบนจุดสำคัญทั่วร่างกายของเฉินไท่เหริน เพื่อหยุดยั้งเลือดลมที่ดเอ่อขึ้นมาไม่ยอมหยุด และคลายความดันของการไหลเวียนโลหิตที่บีบคั้นสมอง
หลังจากฝังเข็มเสร็จแล้ว นางถึงจะลุกขึ้นกล่าวกับฮูหยินเฉินว่า “ข้าเคยบอกกับเขาไว้แล้ว ว่าเขาอ้วนเกินไป อวัยวะภายในต่างๆ รวมถึงหัวใจและหลอดเลือด ล้วนได้รับผลกระทบเพราะความอ้วนของเขา ต้องกินให้น้อย ขยับให้มาก กินของมันให้น้อย กินผักให้มาก ส่วนสุราเป็นสิ่งที่ต้องห้ามอย่างยิ่ง ทว่าเขาคล้ายจะไม่ได้จำคำพูดของข้าไว้ใส่ใจเลยเจ้าค่ะ”
ฮูหยินเฉินทั้งร้อนใจ ทั้งโมโห “ข้าก็โน้มน้าวเขาแล้ว ให้เขาดื่มน้อยๆ หน่อย แต่เขาก็ไม่ฟังข้าเลย หนึ่งวันเขากินข้าวถึงห้ามื้อ แต่ละมื้อต้องมีปลาตัวใหญ่และเนื้อชิ้นใหญ่ เขากินเช่นนี้จะไม่อ้วนได้อย่างไรไหว”
ไป๋จื่อถอนใจเสียงหนึ่ง ก่อนจะปลอบใจอีกฝ่ายว่า “โชคดีที่วันนี้เด็กรับใช้ของท่านไปหาข้าทันเวลา เขาถึงได้ไม่เป็นอะไร ทว่าหลังจากวันนี้เป็นต้นไป หากเขาเอาแต่กินดื่มตามใจ ไม่คิดคำนึงถึงการงดเว้นบ้าง ครั้งหน้าเขาอาการกำเริบขึ้นมา ก็อาจจะไม่โชคดีเช่นนี้แล้วนะเจ้าคะ”
“ไม่เป็นอะไร? สามีของข้าไม่เป็นอะไรแล้วหรือ” ฮูหยินเฉินดีใจมาก แต่ก็นึกถึงคำพูดที่หมอซ่งพูดไว้ก่อนหน้านี้ จึงเกิดความสงสัยขึ้นมาบ้าง หมอซ่งบอกว่าโรคนี้เกินกว่าความสามารถของเขา แต่เด็กสาวนางนี้กลับบอกว่าไม่เป็นอะไรหรือนี่
แท้จริงแล้วนางควรเชื่อใครกัน
ฮูหยินเฉินมองไปทางหมอซ่ง ถึงอย่างไรเสียหมอซ่งก็อายุมากกว่า อีกทั้งเป็นหมอประจำโถงสมุนไพร ร้านขายยาอันดับหนึ่งของเมืองชิงหยวน เมื่อก่อนนางก็เคยปวดหัวตัวร้อน และล้วนเชิญหมอซ่งมาทำการรักษาทั้งสิ้น จึงเชื่อถือวิชาแพทย์ของเขาเป็นอย่างมาก
พูดง่ายๆ ก็คือนางเชื่อหมอซ่องมากกว่าไป๋จื่อ
หมอซ่งก้าวขึ้นมาหนึ่งก้าว เขาพูดกับไป๋จื่อ “แม่นางไป๋ เจ้าว่าเถ้าแก่เฉินเป็นโรคอะไรหรือ”
ไป๋จื่อตอบทันทีว่า “ความดันโลหิตเพิ่มขึ้นสูงอย่างกะทันหันในเวลาสั้นๆ เลือดลมกดอัดหัวใจ ส่งผลให้หัวใจเต้นเร็ว ปวดหัว หน้ามืด รวมถึงอาการอื่นๆ ข้าไม่รู้ว่าพวกท่านเรียกโรคนี้ว่าอย่างไร แต่ข้าเรียกมันว่าความดันโลหิตสูงเจ้าค่ะ”
หมอซ่งทำหน้างงงัน หมายความว่าอย่างไรกัน ความดันโลหิตสูง? ความดันโลหิตสูงคืออะไร เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย ทว่าอาการที่นางกล่าวถึงกลับถูกต้องทั้งสิ้น
ไป๋จื่อยิ้มจาง “ท่านหมอซ่ง พูดตามตรงนะเจ้าคะ โรคนี้ท่านรักษาไม่ได้ แต่ข้ารักษาได้ พวกท่านไม่เชื่อข้า ข้าเข้าใจได้ เพราะถึงอย่างไรเสียพวกเราก็ไม่ได้คุ้นเคยกันนัก อีกเดี๋ยวพี่ใหญ่เฉินตื่นขึ้นมา พวกท่านก็จะรู้เองเจ้าค่ะ ว่าข้าไม่ได้หลอกพวกท่าน”
ฮูหยินเฉินรีบโบกมือ “ไม่ๆ แม่นางไป๋เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าจะไม่เชื่อเจ้าได้อย่างไร ไม่ใช่เช่นนั้นเลย”
ไม่ว่าฮูหยินเฉินจะเชื่อหรือไม่ ไป๋จื่อก็ไม่ได้ใส่ใจนัก พี่ใหญ่เฉินเคยช่วยเหลือนางมาไม่น้อย วันนี้เขาป่วยไข้ นางยื่นมือเข้าช่วยเหลือก็เป็นเรื่องที่สมควรทำแล้ว ไยต้องสนใจด้วยว่าคนอื่นจะมองอย่างไร
“เจ้าบอกว่าเขาเป็นความดันโลหิตสูง แล้วจะรักษาโรคนี้ได้อย่างไร” ฮูหยินเฉินถามอีก
ไป๋จื่อชี้ไปยังเข็มเงินบนจุดต่างๆ รอบกายของเฉินไท่เหริน “ในเมื่อความดันโลหิตเพิ่มสูงขึ้นทำให้เกิดอาการหน้ามืด เช่นนั้นก็ต้องลดความดันโลหิตก่อน เขาถึงจะฟื้นขึ้นมาได้โดยเร็วที่สุดเจ้าค่ะ”
นางกล่าวจบก็ไปดึงเข็มออก ท่วงท่าของนางว่องไวนัก ยามถอนเข็มก็ไม่ได้ถอนออกมาโดยตรง ยังต้องหมุนเข็มที่จุดนั้นก่อน แล้วจึงถอนออกมา วิธีฝังเข็มเช่นนี้หมอซ่งเคยได้ยินมาก่อนเช่นกัน ว่ากันว่าการแทงเข็มและถอนเข็มทุกจุดล้วนแตกต่างกัน ซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง ไม่ใช่ว่าอยากเรียนก็เรียนได้ ต้องมีพรสวรรค์ทีเดียว แม้กระทั่งมีความอดทนในการฝึกฝนวิชา ที่สำคัญที่สุดคือ วิชาฝังเข็มนี้เป็นวิชาลับ ไม่ใช่ว่าใครอยากเรียนก็สามารถเรียนได้