คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 537 ความดันโลหิตสูง (3) / ตอนที่ 538 เจ้าเมืองตงหยาง
- Home
- คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา
- ตอนที่ 537 ความดันโลหิตสูง (3) / ตอนที่ 538 เจ้าเมืองตงหยาง
ตอนที่ 537 ความดันโลหิตสูง (3)
แท้จริงแล้วแม่นางไป๋มาจากที่ใดกัน อายุยังน้อยแท้ๆ แต่กลับเรียนวิชาฝังเข็มเช่นนี้ได้ อีกทั้งท่าทางยามนางเผชิญหน้ากับผู้ป่วยก็สงบนิ่งและใจเย็น วิชาแพทย์ของนางน่าจะไม่เลวเลยทีเดียว
หลังจากถอนเข็มเสร็จสิ้น ไป๋จื่อก็กดที่จุดเส่าฟู่และจุดเหลากงบนฝ่ามือข้างซ้ายของเฉินไท่เหริน ครั้นออกแรงกดไปแล้วถึงสามครั้งแล้ว ในที่สุดเฉินไท่เหรินก็ฟื้นขึ้นมา
เขาลืมตาขึ้น เห็นผ้าม่านฝ้ายสีฟ้าอันคุ้นเคย สมองพร่าเลือน เขาดื่มมากจนเกินไปหรือ ไยตรงหน้าถึงได้หมุนเวียนวนเช่นนี้
“นายท่าน ในที่สุดท่านก็ฟื้นแล้ว ข้ากลัวแทบแย่ ฮือๆ…” ฮูหยินเฉินปรี่เข้าไปหาสามี ซบลงบนแขนของเขา ร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดไม่ยอมหยุด
นางร้องไห้ออกมาจริงๆ หลายปีที่อยู่กินกันฉันท์สามีภรรยา นางใช้ชีวิตสุขสบายมาโดยตลอด ผู้เป็นสามีหาเงินมาได้ไม่น้อย แต่สิ่งที่น่าเสียใจเพียงอย่างเดียวก็คือพวกเขาไม่เคยมีลูก หากไม่มีเขา ไม่ใช่ว่าพี่น้องหลายคนของสกุลเฉินจะพุ่งมาแย่งสมบัติถึงที่นี่หรือ ถึงตอนนั้นแล้วนางจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร
โชคดีที่เขาฟื้นแล้ว ไม่เช่นนั้นนางก็ไม่รู้จริงๆ ว่าควรทำอย่างไรดี
“เหตุใดเจ้าถึงร้องไห้ ข้าเป็นอะไรไปหรือ” เขาพยายามมองคนรอบๆ ให้ชัดเจน และเห็นไป๋จื่อยืนอยู่ข้างเตียงอย่างคาดไม่ถึง “อาจื่อ? ไยเจ้าถึงอยู่ที่นี่ได้”
ไป๋จื่อทำหน้าบึ้ง “ไยข้าถึงอยู่ที่นี่? เรื่องนี้ข้าต้องถามท่านมากกว่า ก่อนหน้านี้ข้าบอกท่านแล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ กำชับท่านอย่างเด็ดขาดแล้วเชียวว่าอย่าดื่มสุรา กินเนื้อสัตว์ให้น้อย ท่านได้ฟังข้าบ้างหรือไม่”
คราวนี้เฉินไท่เหรินถึงนึกเรื่องในวันนี้ขึ้นได้ ก่อนหน้านี้เขาดื่มอยู่ในร้านอาหารกับสหายสองสามคนแท้ๆ ทว่าดื่มเข้าไปแล้วก็รู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย ทีแรกเขาคิดว่าตนเองเมา จึงตั้งใจว่าจะไปสูดอากาศไล่ความเมาที่ริมหน้าต่าง ทว่าเขาเพิ่งลุกขึ้นก็รู้สึกเจ็บหน้าอกเป็นอย่างยิ่ง ภาพตรงหน้าพร่าเลือน เขาอยากจะเรียกใครบางคน แต่ครั้นอ้าปา ดวงตาของเขาก็คล้ายมืดบอด และไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้นแล้ว
หมายความว่าเขาไม่ได้เมา แต่มีอาการป่วยบางอย่างสินะ
“หรือว่าข้าดื่มสุราจนเกิดอาการป่วยจริงๆ” เขามีสีหน้าประหลาดใจ เพราะไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลย ว่าตนจะดื่มสุราจนป่วยได้
“อาการของท่านในครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากการดื่มสุราเพียงอย่างเดียว แต่สุรามีส่วนทำให้มันเกิดขึ้นจริงๆ พี่ใหญ่เฉิน ข้าขอแนะนำท่านจากใจจริง หากท่านไม่อยากให้เรื่องในวันนี้เกิดขึ้นอีก ท่านก็อย่าได้ดื่มสุรา และต้องทำตามที่ข้ากำชับไว้อย่างเคร่งครัด ลดน้ำหนักเสีย ร่างกายของท่านถึงจะมีโอกาสแข็งแรงขึ้นได้ หากยังอ้วนเช่นนี้ต่อไป วันใดที่ท่านเป็นโรคเบาหวานขึ้นมา อย่าว่าแต่สุราเลยเจ้าค่ะ เพราะแม้แต่อาหารมันเลี่ยน ท่านก็จะกินได้ทีละน้อยในแต่ละมื้อ ชีวิตเช่นนั้นน่าเจ็บปวดยิ่งกว่านะเจ้าคะ” ไป๋จื่อกล่าว
นางเคยเห็นผู้ป่วยโรคเบาหวานมาแล้วมากมาย ความเจ็บปวดที่อยากกินแต่ไม่กล้ากินเช่นนั้น แม้นางจะไม่เคยประสบมาด้วยตนเอง แต่ในสายตาของนาง ความรู้สึกนั้นเป็นความทรมานอย่างมาก
ถึงแม้จะเป็นศตวรรษที่ยี่สิบสาม ก็ยังคงไม่มีการทำยาที่สามารถรักษาโรคเบาหวานได้ เมื่อเป็นโรคเบาหวานแล้ว แม้จะดูแลรักษาเป็นอย่างดี แต่นานวันเข้าก็ต้องมีสักวันที่เป็นทุกข์เพราะอาการกำเริบ
เฉินไท่เรินไม่รู้ว่าโรคเบาหวานที่นางพูดถึงคืออะไร แต่ดูจากท่าทางของนางแล้ว เขาก็รู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ เพราะนั่นหมายความว่าวันนี้เขาโชคดีรอดชีวิตมาได้
หมอซ่งที่อยู่ข้างๆ ถามว่า “แม่นางไป๋ โรคเบาหวานที่เจ้าพูดถึงคืออะไรหรือ ไยข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย” ความดันโลหิตสูงที่นางพูดถึงก่อนหน้านี้ เขาก็ไม่เคยได้ยินเช่นกัน ตอนนี้พูดถึงโรคเบาหวานอีกหรือนี่
ไป๋จื่อกล่าว “โรคเบาหวานก็คือโรคปัสสาวะร่วงที่พวกท่านรู้จักกัน หากเป็นโรคปัสสาวะร่วงเล่า ท่านเคยได้ยินหรือไม่”
หมอซ่งพยักหน้า “แน่นอนว่าข้าเคยได้ยินโรคปัสสาวะร่วงมาก่อน แต่นั่นเป็นโรคที่ถึงชีวิต ไม่มียาใดรักษาได้ เมื่อเป็นโรคนี้แล้ว คนที่ร่างกายแข็งแรงจะซูบผอมในเวลาอันสั้น กินยาใดเข้าไปก็ไร้ประโยชน์ มีชีวิตอยู่ได้ไม่นานเท่านั้น”
……….
ตอนที่ 538 เจ้าเมืองตงหยาง
ไป๋จื่อเอ่ยว่า “ไม่ใช่ว่าไม่มียาใดถูกกับโรคปัสสาวะร่วง แต่ไม่มีทางรักษาโรคนี้ได้ นั่นเป็นเรื่องจริงเจ้าค่ะ”
หมอซ่งตะลึงไปเล็กน้อย ก่อนจะถามต่อในทันที “โรคปัสสาวะร่วงนี้ ควรใช้ยาอะไรควบคุมมันหรือ”
เรื่องนี้พูดขึ้นมาแล้วต้องลากยาวแน่ๆ นางไม่มีอยากพูดเรื่องนี้ อย่างน้อยก็ไม่อยากพูดเรื่องนี้ในตอนนี้
“วันหลังหากมีเวลาว่าง พวกเราค่อยมาพูดเรื่องนี้กันนะเจ้าคะ” ไป๋จื่อยิ้มจาง
หมอซ่งร้อนใจอยากรู้ ทว่าก็เค้นถามนางก็ไม่ใช่เรื่องดีนัก ความจริงเขาไม่รู้ว่าที่นางพูดเป็นเรื่องจริงหรือหลอก แต่เขาเห็นนางช่วยชีวิตของเถ้าแก่เฉินกลับมาได้อย่างง่ายดายแล้ว เช่นนั้นก็คงจะเป็นเรื่องหลอกไปไม่ได้แน่
นางอายุยังน้อย แต่กลับมีความรู้มากมายถึงเพียงนี้ ช่างทำให้คนอับอาย และนับถือในความเก่งกาจของนางเสียจริง
“พี่ใหญ่เฉิน ท่านจำที่ข้าพูดได้หรือไม่” นางถามเฉินไท่เหริน
เฉินไท่เหรินพยักหน้าระรัว “จำได้ เมื่อมีบทเรียนครั้งนี้แล้ว ข้าก็ไม่กล้าที่จะไม่ฟังคำพูดของเจ้าแล้วละ”
ไป๋จื่อหลุดหัวเราะโดยพลัน “ท่านนี่นะ ช่างไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตาจริงๆ เอาละ ข้าจะเขียนใบสั่งยาให้ท่าน ท่านเจียดยามากินตามใบสั่งยานี้ กินก่อนสักสามวัน หลังจากนั้นข้าจะหลอมยาลดความดันมาให้ท่าน ท่านกินวันละหนึ่งเม็ดยามตื่นนอนก็พอแล้ว ป้องกันไม่ให้อาการกำเริบอีก”
จากนั้นนางก็กล่าวกับฮูหยินเฉินที่อยู่ข้างเตียง “พี่สะใภ้ หากท่านหวังดีกับเขาจริง ก็ฟังคำแนะนำของข้าสักหน่อยนะเจ้าคะ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เวลาเขาจะออกจากบ้าน อย่าได้เตรียมรถม้าให้เขา ให้เขาเดินให้มากๆ เดินอยู่ข้างนอกนั่นหลายๆ รอบในทุกวัน กินอาหารรสอ่อน น้ำมันน้อย เกลือน้อย กินปลาให้มาก กินของหวานมันให้น้อย ผักเป็นของดี อย่าได้ดูถูกมันเชียวเจ้าค่ะ ยิ่งกินมากก็ยิ่งส่งผลดีต่อร่างกาย”
นางกวาดสายตามองถ้วยตุ๋นที่อยู่บนโต๊ะขนาดเล็กในห้อง “น้ำแกงบำรุงร่างกายก็ควรกินให้น้อยนะเจ้าคะ คนที่ร่างกายอ้วนท้วนสมบูรณ์ ไม่ได้ป่วยไข้อะไร จะกินน้ำแกงบำรุงร่างกายไปทำไมกัน ท่านดูเนื้อทั่วตัวของเขานี่สิเจ้าคะ ยังต้องบำรุงอีกหรือไร”
ฮูหยินเฉินหน้าแดง ก่อนจะก้มหน้าลงบ่นเสียงเบา “นั่นก็เพราะอยากมีลูกต่างหาก แต่ข้าไม่ตั้งท้องเสียที หมอซ่งบอกว่าร่างกายของข้าไม่ได้มีปัญหาอะไร ข้าจึงคิดจะบำรุงสามีของข้าเสียหน่อย ไม่แน่ว่าอาจจะช่วยให้ข้าตั้งท้องก็ได้”
ไป๋จื่อถอนใจเสียงหนึ่ง “ยิ่งบำรุงเท่าไร ท่านก็ยิ่งไม่ตั้งท้องเจ้าค่ะ ข้าขอบอกท่านตามตรงนะเจ้าคะ ที่พวกท่านไม่ได้บุตรเสียที นั่นก็เป็นเพราะเขาอ้วนเกินไปต่างหาก เมื่อเขาผอมลง ร่างกายอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานแล้ว ท่านคอยดูเถอะเจ้าค่ะว่าจะท้องหรือไม่”
ฮูหยินเฉินตาเป็นประกาย รีบร้อนถามทันทีว่า “เจ้าพูดจริงหรือ ขอเพียงเขาผอมลงได้ ข้าจะตั้งท้องใช่หรือไม่”
“ข้าเพียงพูดว่าจะมีโอกาสเพิ่มขึ้นเจ้าค่ะ ไม่มีเรื่องใดแน่นอน บางคนมีข้อบกด้านการให้กำเนิดบุตรแต่กำเนิด พูดยากเจ้าค่ะ” ไป๋จื่อกล่าว
ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ไป๋จื่อก็ให้ความหวังแก่สองสามีภรรยาอย่างพวกเขาแล้ว
เพื่อจะมีลูกสักคน ไม่ว่าอย่างไรนางก็จะทำให้สามีของตนผอมลงให้ได้
ตอนนี้ฟ้าสว่างโร่แล้ว นางยืนอยู่ข้างนอกประตูบ้านสกุลเฉิน ก่อนจะเงยหน้ามองดวงอาทิตย์ที่ถูกเมฆหนาบดบังเอาไว้ แสงแดดอบอุ่นเริ่มส่องผ่านมวลเมฆออกมาแล้ว
นางทนผ่านคืนสิบห้าค่ำมาได้ในครั้งนี้ แล้วครั้งต่อไปเล่า?
…
เมืองตงหยาง
“นายท่าน ใต้เท้าเหอมาขอพบขอรับ” พ่อบ้านชรายืนอยู่หน้าห้องหนังสือ กล่าวกับชางซูหังที่กำลังคัดอักษรอยู่ด้านใน
ชางซูหังหยุดขยับพู่กัน เขาเงยหน้ามองไปทางพ่อบ้าน “เขามาทำอะไร”
“เขาบอกว่ามีของบางอย่างจะมอบให้นายท่านขอรับ” พ่อบ้านกล่าว
มอบของ?
ชางซูหังวางพู่กันลง “ในเมื่อมามอบของให้ เช่นนั้นก็ให้เขารออยู่ในโถงเถอะ อีกเดี๋ยวข้าจะไปพบ” เขาไม่นับว่าคุ้นเคยกับเหอหมิงผู้นี้ อีกฝ่ายไหว้วานให้เขาจัดการธุระให้อยู่หลายครั้ง แต่น่าเสียดายนักที่เขาขี้งกเหลือเกิน ตนขู่ว่าจะเปิดเปิงเรื่องที่เขาทุจริตไปแล้วด้วยซ้ำ คราวนี้นำอะไรมาให้อีก
ครั้นชางซูหังเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังฉากบังลมแล้ว เขาหยอกเย้าสาวใช้ที่นำชาเข้ามาให้อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นไปที่ห้องโถง