คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 545 วันเฉลิมพระชนม์ไทเฮา / ตอนที่ 546 ที่มาของพู่หยก (1)
- Home
- คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา
- ตอนที่ 545 วันเฉลิมพระชนม์ไทเฮา / ตอนที่ 546 ที่มาของพู่หยก (1)
ตอนที่ 545 วันเฉลิมพระชนม์ไทเฮา
วันที่เก้าเดือนสิบเอ็ด วันเฉลิมพระชนม์ไทเฮา
เหล่าขุนนางน้อยใหญ่รวมตัว เรียงแถวกันถวายพระพรและของขวัญให้ไทเฮา ขุนนางที่มีระดับต่ำกว่าขั้นห้าจะไม่ได้เห็นพระพักตร์ของไทเฮา คนที่นำของขวัญของพวกเขาไปถวายแก่ไทเฮาจึงมีแต่ขันทีฝ่ายใน ดังนั้นเมื่อลงนามถวายพระพรแล้วก็ถือว่าสิ้นเรื่อง
ฮ่องเต้สะสางภารกิจของพระองค์เสร็จแล้ว ก็รีบมาถวายพระพรไทเฮาที่ตำหนักฝูอันบ้าง
ในตำหนักฝูอันคึกคักเป็นอย่างยิ่งเช่นปีที่ผ่านๆ มา ของขวัญประณีตงดงามมากมายนับไม่ถ้วนทยอยมาถึงไม่ขาดสาย นางกำนัลและขันทีผลัดกันนำพวกมันไปเก็บให้ห้องโดยไม่หยุดพัก
“เสด็จแม่ การจัดงานเฉลิมพระชนม์ในปีนี้ ดูท่าทางคึกคักกว่าปีที่แล้วอีกพ่ะย่ะค่ะ!” ฮ่องเต้เข้ามาในตำหนักพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะโค้งคำนับไทเฮาที่นั่งอยู่บนตำแหน่งประธาน ซึ่งวันนี้อยู่ในชุดหรูหราสง่างาม
ไทเฮาเม้มปากยิ้มจางๆ ดูแล้วนางพอใจกับวันเฉลิมพระชนม์ปีนี้มากทีเดียว
“ฮองเฮาเอาใจใส่นัก นางจัดงานงานเฉลิมพระชนม์ในครั้งนี้ได้ครบพร้อม ได้ยินว่าเตรียมงานอยู่หลายวันทีเดียว ทำให้นางซูบผอมลงไปมาก ฮ่องเต้ เจ้าต้องตบรางวัลให้นางถึงจะถูกต้อง”
ฮ่องเต้ก็ยิ้มเช่นกัน พระองค์พยักหน้าหงึกหงัก แต่สายตากลับไม่ค่อยสบายใจอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นก็เริ่มเปลี่ยนประเด็น “วันนี้เสด็จแม่ได้รับของขวัญใดที่ถูกตาต้องใจเป็นพิเศษหรือไม่”
“มีสิ เจ้าลองดูสิ่งนี้” ไปเฮาหวักมือเรียกนางกำนัลที่อยู่ข้างๆ นางกำนัลผู้นั้นรีบนำกล่องกำมะหยี่สีแดงเข้ามา หลังจากเปิดฝากล่องออกมาแล้ว พู่หยกที่สมบูรณ์แบบก็ปรากฏแก่สายตาของฮ่องเต้
สีหน้าของฮ่องเต้เปลี่ยนไปโดยพลัน พระองค์แย่งกล่องมาจากในมือของนางกำนัล แล้วหยิบพู่หยกข้างในนั้นออกมาตรวจสอบอย่างละเอียด ทว่ายิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกไม่ดี
“ฮ่องเต้ เจ้าเป็นอะไรไป ของสิ่งนี้มีปัญหาอะไรหรือ” นางเป็นไทเฮา จะไม่เคยเห็นสมบัติล้ำค่าใดบ้างเล่า ทว่าพู่หยกที่พิเศษ มีคุณภาพเป็นเลิศหายากเช่นนี้ นางเห็นเพียงครั้งแรกก็รู้สึกโปรดปรานมาก เมื่อครู่ยังจับมันเล่นอยู่ตั้งเนิ่นนาน
“ได้มาจากที่ใดหรือพ่ะย่ะค่ะ” ฮ่องเต้รีบถาม
“ขุนนางคนหนึ่งมอบให้ข้า มีอะไรหรือ” ไทเฮาสงสัย
ฮ่องเต้พลันถามอีก “ผู้ใดมอบให้กัน”
ไทเฮาชำเลืองสายตาไปทางนางกำนัลคนนั้น นางกำนัลจึงรีบกล่าวว่า “ทูลฝ่าบาท พู่หยกนี้ใต้เท้าเจ้าเมืองชางแห่งเมืองตงหยางมอบให้เพคะ”
ฮ่องเต้กล่าวกับขันทีคนสนิททันที “ส่งคนไปเรียกเขามาพบข้า และให้คนไปที่จวนของจิ้นอ๋องสักหน่อย ตามพ่อบ้านซุนมา แล้วให้เขาพาคนที่ดูแลคลังของจวนมาด้วย”
เมื่อขันทีไปแล้ว ไทเฮาก็ร้อนใจถามว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้นรึ เจ้าจะตามพ่อบ้านของจวนจิ้นอ๋องมาทำอะไร”
ฮ่องเต้ชี้พู่หยกในมือพลางกล่าวว่า “หยกนี้เป็นของเยี่ยนเอ๋อร์ เหตุใดไปอยู่ในมือของเจ้าเมืองชางได้ เดิมทีมันเป็นของของจวนจิ้นอ๋องแท้ๆ จะไปอยู่ที่คนอื่นได้อย่างไรกัน ทั้งยังนำมามอบให้ท่านเป็นของขวัญวันเฉลิมพระชนม์อีกด้วย”
สีหน้าของไทเฮาเปลี่ยนไปเช่นกัน “น่ะ นี่เป็นของของเยี่ยนเอ๋อร์รึ เจ้าไม่ได้มองผิดไปใช่หรือไม่”
“พู่หยกเช่นนี้ ทั้งโลกนี้มีเพียงแค่สองชิ้นเท่านั้น เป็นตงฟางมู่ได้มาจากยอดฝีมือต่างถิ่นคนหนึ่ง ในปีนั้นข้ากับตงฟางมู่หมั้นหมายไว้ให้เยี่ยนเอ๋อร์ พู่หยกนี้ถือเป็นของหมั้น แล้วข้าจะจำผิดได้อย่างไรกัน”
ดูท่าทางคงจะไม่มีทางผิดไปได้แล้ว ในใจของไทเฮารู้สึกเสียดายมาก เพราะนี่เป็นของที่นางโปรดปรานและหามาได้ยากเย็น ทว่ามันกลับเป็นของหมั้นของเยี่ยนเอ๋อร์ไปเสียได้ ท่าทางนางจะไม่มีวาสนากับมันแล้ว
ฮ่องเต้ไม่ได้รั้งอยู่นาน พระองค์ถือพู่หยกรีบร้อนจากไปแล้ว
…
ห้องทรงอักษร
ชางซูหังที่เดิมทีอยู่ร่วมงานเลี้ยงกับเหล่าขุนนางที่ตำหนักเจาเหอถูกเชิญมาที่ห้องทรงอักษรแล้ว
นี่ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นและกังวลใจอยู่ในคราวเดียวกัน
ของขวัญเพิ่งจะออกจากมือไป หรือว่าไทเฮาจะกล่าวชมเชยเขาต่อหน้าฮ่องเต้แล้ว ฮ่องเต้คิดจะเลื่อนตำแหน่งให้เขาแล้วหรือนี่ ช่างรวดเร็วทันใจยิ่งนัก เร็วเสียจนเหมือนฝันไป ไม่สมจริงแม้เพียงสักนิด
……….
ตอนที่ 546 ที่มาของพู่หยก (1)
“ฮ่องเต้เสด็จ!” เสียงเล็กแหลมของขันทีดังขึ้นจากข้างนอก ชางซูหังถึงได้รีบคุกเข่าลง
เขาหมอบลงกับพื้น ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองผู้ปกครองแผ่นดินโดยตรง เห็นเพียงฉลองพระบาทหรูหราปักลายคู่หนึ่งเดินผ่านไป
“เจ้าคือเจ้าเมืองตงหยางหรือ” ฮ่องเต้ประทับลงที่ด้านหลังโต๊ะทรงอักษร ขมวดคิ้วเพ่งมองชางซูหังด้วยสายตาเย็นชา
ชางซูหังยังคงหมอบอยู่กับพื้น หากฮ่องเต้ไม่ทรงสั่ง เขาย่อมไม่กล้าขยับเขยื้อน “ทูลฝ่าบาท กระหม่อมชางซูหังพ่ะย่ะค่ะ”
“เงยหน้าขึ้น!”
ชางซูหังรีบเงยหน้า ทว่าดวงตายังคงมองที่เบื้องล่าง ไม่กล้ามองฮ่องเต้ซึ่งหน้า
“ดูของสิ่งนี้สิ เจ้ารู้จักมันหรือไม่” ครั้นฮ่องเต้กล่าวจบ ขันทีก็รีบนำกล่องกำมะหยี่มาวางลงตรงหน้าชางซูหัง “ใต้เท้าชาง เชิญดู”
นี่ไม่ใช่ของขวัญวันเฉลิมพระชนม์ที่เขาถวายแก่ไทเฮาหรอกหรือ
ฮ่องเต้มองเขาเขม็ง เอ่ยถามเสียงทุ้ม “ได้มาจากที่ใด”
ในใจของชางซูหังเต้นโครมคราม กล่าวในใจว่าแย่แล้ว หรือว่าของสิ่งนี้จะมีปัญหาอะไร
“ทูลฝ่าบาท ลูกผู้น้องของกระหม่อมได้ของสิ่งนี้มาจากร้านเครื่องลายคราม กระหม่อมเห็นว่ามันงดงามไม่ธรรมดา จึงซื้อมาจากเขาเพราะอยากถวายแก่ไทเฮาพะยะค่ะ”
ฮ่องเต้เห็นว่าสายตาของเขาแปลกไป ชัดเจนว่าเขาไม่ได้พูดความจริง “โอ้? ซื้อมาจากร้านเครื่องลายคราม ร้านนั้นอยู่ที่ใดกัน นำทางข้าไปเดี๋ยวนี้ หากเจ้ากล้าพูดปดกับข้า นั่นถือเป็นความผิดฐานดูหมิ่นข้า และเจ้ารู้หรือไม่ว่าดูหมิ่นข้าควรจะถูกตัดสินโทษอย่างไร”
ชางซูหังหวาดกลัวจนเหงื่อเย็นๆ ออกทั้งตัว เกือบจะเป็นอัมพาตไปอยู่แล้ว เขารีบเขกศีรษะให้ฮ่องเต้ “ฝ่าบาทไว้ชีวิตด้วย ฝ่าบาทไว้ชีวิตด้วย พู่หยกนี้ไม่ได้ได้มาจากร้านเครื่องลายคราม แต่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของกระหม่อมมอบให้พ่ะย่ะค่ะ”
“เรื่องจริงหรือ”
“เรื่องจริงทุกประการพ่ะย่ะค่ะ!” ชางซูฟังรีบพยักหน้า
ตอนนี้ในใจของชางซูหังกล่าวทักทายบรรพบุรุษสิบแปดชั่วโคตรของเหอหมิงรอบหนึ่งแล้ว เขากล้าหลอกต้มตนเช่นนี้ คอยดูเถอะกลับไปจะต้องจัดการเขาให้สาสม
ฮ่องเต้ไม่ได้สนใจเขา และไม่ได้เรียกให้เขาเงยหน้าอีก เพียงให้เขาคุกเข่าต่อไปเช่นนั้น
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ชางซูหังรู้สึกว่าหัวเขาและขาของตนชาจนไร้ความรู้สึกไปโดยปริยายแล้ว แทบจะไม่รู้สึกถึงขาของตนเองแล้วด้วยซ้ำ ทรมานอย่างยิ่งยวด ทว่าเขาก็ยังคงไม่กล้าขยับร่างอยู่ดี
ขันทีเฒ่าคนหนึ่งรีบร้อนเดินเข้ามา กล่าวกับฮ่องเต้ว่า “ฝ่าบาท พ่อบ้านซุนมาแล้วพะยะค่ะ”
“ให้พวกเขาเข้ามา” ฮ่องเต้พยักหน้า
ไม่นานนัก ขันทีเฒ่าก็นำบุรุษวัยกลางคนสองคนเข้ามาในห้องทรงอักษร คนหนึ่งที่ดูอาวุโสกว่าฉลาดเฉลียว เขาก้าวขึ้นมาข้างหน้า และคุกเข่าทำความเคารพอย่างคุ้นชิน
ฮ่องเต้จ้องพ่อบ้านซุน ไม่ได้เรียกให้ลุกขึ้น เพียงถามว่า “ของหมั้นของจิ้นอ๋องยังอยู่หรือไม่”
พ่อบ้านซุนพยักหน้าทันที “ทูลฝ่าบาท ของหมั้นของจิ้นอ๋องอยู่ในคลังตลอดพะย่ะค่ะ ตอนที่จิ้นอ๋องจากไปในปีนั้น กระหม่อมให้เขานำติดตัวไปด้วย แต่เขาไม่ยอม จะให้เก็บไว้ที่จวนท่าเดียวเลยพ่ะย่ะค่ะ”
“เช่นนั้นเจ้าดูสิ ว่านี่คืออะไร” ฮ่องเต้มุ่นคิ้วเอ่ย
ขันทียกถาดเข้ามา กล่องกำมะหยี่ในถาดนั้นเปิดฝาอยู่ โดยมีพู่หยกชิ้นหนึ่งวางไว้ข้างใน
สีหน้าของพ่อบ้านซุนชะงักค้าง ยังคิดว่าตนเองตาฝาดไป หลังจากมองดูอย่างชัดเจนแล้ว เขาก็รีบกล่าว “ฝ่าบาท พู่หยกชิ้นนี้ไม่ใช่ของจิ้นอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ยังคงขมวดคิ้ว “ไม่ใช่ของจิ้นอ๋องรึ”
พ่อบ้านซุนพยักหน้า “ถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ บนพู่หยกของจิ้นอ๋องชิ้นนั้น หยดสีแดงชาดบนมือของพระสังกัจจายน์จะอยู่ที่มือซ้าย ทว่าชิ้นนี้อยู่ที่มือขวาพะยะค่ะ”
ฮ่องเต้มีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก ครั้นมองดูให้ชัดเจนอีกครั้ง ก็พบว่าพ่อบ้านซุนกล่าวถูกต้อง พระองค์เพิ่งพบความจริงในข้อนี้ และพู่หยกสองชิ้นมีหยดเลือดสีแดงเตะตาอยู่บนมือเช่นเดียวกัน ของเยี่ยนเอ๋อร์อยู่ที่มือซ้าย ส่วนของเด็กคนนั้นอยู่ที่มือขวา