คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 549 ตงฟางหว่านเอ๋อร์ / ตอนที่ 550 เผยชิงหานและเซียงอี๋เหนียง
- Home
- คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา
- ตอนที่ 549 ตงฟางหว่านเอ๋อร์ / ตอนที่ 550 เผยชิงหานและเซียงอี๋เหนียง
ตอนที่ 549 ตงฟางหว่านเอ๋อร์
“ท่านตงฟาง มีคนจากในวังมา กำลังรออยู่ข้างนอกเจ้าค่ะ” สาวใช้เพิ่งเคยเห็นขันทีจากในวังครั้งแรก จึงอยากจะมองดูให้มากหน่อย แต่กลับถูกขันทีผู้นี้ถลึงตาต่อว่ามาประโยคหนึ่ง ทำเอานางตกใจไม่น้อยเลย
ตงฟางมู่มุ่นคิ้ว เขาไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับงานครึกครื้นไนวังอยู่แล้ว แต่ท่าทางฮ่องเต้จะรู้ว่าเขาอยู่ที่นี่
“หว่านเอ๋อร์ เจ้าคอยข้าก่อนนะ ข้าไปครู่เดียวก็กลับมา วันนี้พวกเราจะได้กลับบ้านกัน”
ตงฟางหว่านเอ๋อร์พยักหน้า “เจ้าค่ะ”
ตงฟางมู่ออกจากห้องของบุตรสาว เห็นเต๋อกงกงและขันทีเยาว์สองคนยืนอยู่ในลานบ้าน จึงถามว่า “มีเรื่องอะไรหรือ”
เต๋อกงกงรีบผุดยิ้มกองโตบนใบหน้า กล่าวกับตงฟางมู่ว่า “ท่านตงฟาง ท่านอยู่ที่นี่จริงๆ ด้วย ฮ่องเต้ทรงเดาถูก”
“วันนี้ข้าไม่มีเวลาพูดเรื่องไร้สาระกับเจ้า ไว้มาวันหลังเถอะ” ตงฟางมู่กล่าว
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เต๋อกงกงก็รีบพูดว่า “ท่านตงฟาง ฝ่าบาทมีเรื่องด่วนอยากพบท่าน ท่านต้องไปขอรับ”
“เรื่องด่วน? ฝ่าบาทจะมีเรื่องด่วนอะไรอยากพบข้า ข้าไม่ใช่คนของพระองค์อีกแล้ว” ตงฟางมู่เอ่ยเสียงแข็ง
เต๋อกงกงเร่งก้าวขึ้นมาข้างหน้า กล่าวที่ข้างหูของตงฟางมู่เสียหลายประโยค หลังจากนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที รีบกล่าวว่า “ไปๆๆ พาข้าเข้าวังไปเดี๋ยวนี้”
…
ตงฟางมู่รีบไปที่ห้องทรงอักษร พ่อบ้านซุนของจวนจิ้นอ๋องก็อยู่ที่นี่ด้วย กำลังส่งกล่องกำมะหยี่สีดำให้ฮ่องเต้
ครั้นฮ่องเต้เห็นตงฟางมู่รีบเร่งเข้าตำหนักมา พระองค์ก็กวักมือเรียกเขาทันที
ฝ่ายตงฟางมู่เองก็ไม่เกรงใจ ตรงไปยังที่ประทับมังกรของฮ่องเต้ เห็นพระองค์เปิดกล่องกำมะหยี่สีดำใบนั้น ข้างในมีพู่หยกชิ้นหนึ่ง เป็นพู่หยกที่เขามอบให้ฮ่องเต้ด้วยตนเองในปีนั้น
“ของจิ้นอ๋องหรือพ่ะย่ะค่ะ” ตงฟางมู่ถาม
ฮ่องเต้พยักหน้า แล้วนำกล่องกำมะหยี่สีแดงอีกใบหนึ่งออกมา พระองค์เปิดมันออก เผยให้เห็นพู่หยกที่มีรูปแบบใกล้เคียงกันชิ้นหนึ่ง
ตงฟางมู่ถือพู่หยกสองชิ้นไว้ในมือ พลางสังเกตดูอย่างละเอียด ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกหวั่นใจ “ถูกต้อง ไม่ผิดแน่ นี่คือพู่หยกของเด็กอาภัพผู้นั้น มันมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ไม่ใช่ว่าเผยชิงหานฝังไปพร้อมกับร่างของเด็กแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ผิดปกติที่ตรงนี้แหละ หากฝังไปพร้อมกับร่างของเด็กจริง ของสิ่งนี้ไม่มีทางมาอยู่ที่นี่ได้” ฮ่องเต้ตรัส
สกุลเผยเป็นครอบครัวที่มีชื่อเสียงเลื่องลือ สืบทอดตำแหน่งโหวมาเนิ่นนาน จนส่งต่อมาถึงรุ่นของเผยชิงหาน ทั้งหมดล่วงเลยมาเป็นเวลาสองร้อยปีแล้ว หลุมฝังศพของสกุลเผยมีคนคอยเฝ้ารักษามาหลายชั่วอายุคน ไม่มีทางถูกปล้นเอาของมีค่าไปได้แน่ หากไม่ใช่การขุมหลุมฝังศพเพื่อขโมยของ แล้วพู่หยกนี้มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ไม่ได้ฝังไปพร้อมกับเด็กคนนั้นแล้วหรือ
เหตุใดเผยชิงหานต้องพูดเท็จเช่นนี้ด้วย
ฮ่องเต้ถามตงฟางมู่ว่า “เจ้าเคยเห็นเด็กคนนั้นหรือไม่”
ตงฟางมู่ส่ายหน้า “ตอนนั้นกระหม่อมเก็บตัวอยู่ที่ภูเขาฉีอวิ๋น เมื่อรู้เรื่องราว เด็กคนนั้นก็ถูกฝังไปแล้ว จึงไม่เคยได้เห็นหน้าพ่ะย่ะค่ะ”
“และหว่านเอ๋อร์ก็ล้มป่วยลงในตอนนั้นเอง นี่หมายความว่า เรื่องนี้มีเพียงเผยชิงหานที่รู้สินะ เหตุใดเขาต้องพูดปดด้วย หรือเรื่องของเด็กคนนั้นจะมีความนัยอะไรบางอย่าง” ฮ่องเต้เอ่ยเสียงแข็ง
“เรื่องนี้จะไม่จบง่ายๆ กระหม่อมจะไปพบเผยชิงหานพ่ะย่ะค่ะ” ตงฟางมู่กล่าวพร้อมกัดฟัน เริ่มโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ
ฮ่องเต้รีบลุกขึ้นห้ามเขา เร่งตรัสว่า “เจ้าอย่าเพิ่งโมโหไป ข้าว่าเรื่องนี้ต้องมีลับลมคมนัยอะไรแน่ ข้าให้คนไปสืบแล้ว อีกไม่นานน่าจะได้รู้อะไรบ้าง ตอนนี้ไม่ใช่เวลาแหวกหญ้าให้งูตื่น”
ตงฟางมู่พลันตาเป็นประกาย รีบถามบ้าง “หรือเด็กคนนั้นอาจจะยังไม่ตาย นางอาจจะยังมีชีวิตอยู่ก็เป็นได้”
ทว่าฮ่องเต้กลับส่ายหน้า “เรื่องนี้พูดยาก สืบสาวให้รู้เรื่องก่อนค่อยว่ากันเถอะ”
เมื่อตงฟางมู่หมุนกายจะจากไป ฮ่องเต้ก็รีบคว้าแขนของเขาไว้ในทันที “เจ้าจะไปที่ใด”
“กระหม่อมจะไปพบเผยชิงหานพ่ะย่ะค่ะ” ตงฟางมู่ตอบ
ฮ่องเต้ร้อนใจ “ข้าเพิ่งบอกว่าอย่าแหวกหญ้าให้งูตื่นไม่ใช่หรือ พวกเราสืบเรื่องนี้กันอย่างลับๆ ไปก่อน หากเด็กคนนั้นยังมีชีวิตอยู่ นางจะได้ไม่ต้องตกอยู่ในอันตรายอย่างไรเล่า”
……….
ตอนที่ 550 เผยชิงหานและเซียงอี๋เหนียง
“กระหม่อมจะไปพบเขาด้วยธุระอื่นพ่ะย่ะค่ะ ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ฝ่าบาทวางใจได้” แม้เขาจะเป็นคนอารมณ์ร้อน ทว่าก็ไม่ใช่คนบุ่มบ่ามมุทะลุ
ฮ่องเต้มองเงาหลังเงาหลังของตงฟางมู่ผู้รีบร้อน ก่อนจะถอนใจว่า “ตาเฒ่าผู้นี้มีนิสัยเหมือนเดิมไม่มีผิดเพี้ยน ไม่เปลี่ยนเลยแม้สักนิด”
พระองค์เข้าใจความรู้สึกของตงฟางมู่ และรู้ว่าความรู้สึกที่ต้องเสียของรักไปเป็นเช่นไร ความโศกเศร้าและจนใจที่พัวพันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน รวมถึงความปีติยินดีที่ฟื้นกลับมาอย่างกะทันหันนั้น พระองค์ล้วนเข้าใจดีทุกอย่าง
ตงฟางมู่พบเผยชิงหานอยู่ที่ตำหนักเจาเหอ บัดนี้คนหนุ่มเมามายอยู่เจ็ดส่วนแล้ว ทว่าครั้นเห็นหน้าพ่อตา เขาก็พลันตาสว่างกึ่งหนึ่งในทันที
ขณะนี้ตงฟางมู่คร้านจะกล่าววาจาไร้สาระ จึงพูดตรงประเด็นทันควัน “วันนี้ข้าจะพาหว่านเอ๋อร์กลับไปรักษาตัวที่เขาฉีอวิ๋น”
เผยชิงหานมองอีกฝ่ายเดินเข้ามาตนด้วยความงุนงง ก่อนจะมองเขาจากตนไปไกลอย่างโง่งม เมื่อครู่เขาพูดว่าอะไรนะ จะให้ตงฟางหว่านเอ๋อร์ไปหรือ กลับเขาฉีอวิ๋น?
เมื่อเผยชิงหานกลับถึงจวนโหว ตงฟางหว่านเอ๋อร์ก็ออกไปพร้อมกับตงฟางมู่แล้ว เขาเห็นห้องของนางว่างเปล่า ในใจรู้สึกโหวงเหวงขึ้นมาอยู่บ้าง ตอนนี้เขาจำหน้าตาของนางไม่ค่อยได้แล้ว ไม่รู้ว่าไม่ได้สนทนากับนางมานานเท่าไร ไม่ได้เหยียบเข้ามาในห้องของนางนานเพียงใด
เขาคิดว่านางจะอยู่ที่นี่ตลอดไป จนกระทั่งถึงวันสุดท้ายในชีวิตของนาง
ทว่าตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างฉับพลัน สตรีนางนั้นจากไปแล้ว
เซียงอี๋เหนียงรีบร้อนเข้ามา เห็นเขายื่นเหม่อลอยอยู่ในห้องของตงฟางหว่านเอ๋อร์ นางจึงเร่งถามว่า “ท่านโหว ไยจู่ๆ ตงฟางหว่านเอ๋อร์ถึงไปเล่า เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ”
เผยชิงหานได้ยินดังนั้นก็ยิ่งอัดอั้นใจ เขาไม่มองเซียงอี๋เหนียงสักครั้ง “ไหนเลยข้าจะรู้ ตอนที่ข้าอยู่ในวัง จู่ๆ ตาเฒ่าตงฟางมู่ก็มาบอกกับข้าว่าจะพาตงฟางหว่านเอ๋อร์ไป ข้ายังไม่ทันได้ตอบตกลง เขาก็เดินจากไปแล้ว เขาเห็นจวนโหวของพวกเราเป็นอะไรกัน นี่เป็นอาณาเขตของสกุลเผย ไม่ใช่สกุลตงฟาง”
เขาพูดพลางมองตาขวางใส่เซียงอี๋เหนียง “ตอนนั้นเจ้าอยู่ที่ใด เหตุใดไม่ห้ามเขาไว้”
เซียงอี๋เหนียงตาแดง “ท่านโหว ตอนนั้นข้าปรนนิบัติฮูหยินใหญ่อยู่ในเรือน ไม่รู้เรื่องนี้โดยสิ้นเชิง ครั้นข้าได้ข่าว ตงฟางมู่ผู้นั้นก็พาตงฟางหว่านเอ๋อร์ไปแล้ว อีกทั้งข้าเป็นเพียงแค่สตรี จะวิ่งไล่ตามอีกฝ่ายบนถนนคงไม่ได้กระมัง”
เผยชิงหานทนเห็นนางตาแดงเหมือนจะร้องไห้ไม่ได้ เขาใจอ่อนในทันที “เอาละ ข้าไม่โทษเจ้าแล้ว ข้าแค่รู้สึกไม่ชอบใจเล็กน้อยเท่านั้น”
เซียงอี๋เหนียงนวยนาดเดินเข้ามาหาเผยชิงหาน ก่อนจะหันหน้าบอกให้ข้าทาสในเรือนออกไปทั้งหมด เมื่อประตูปิดลงแล้ว นางถึงจะเอ่ยว่า “ท่านโหวกังวลว่านางออกจากจวนโหวไปแล้ว อาการป่วยของนางจะดีขึ้นใช่หรือไม่เจ้าคะ”
เผยชิงหานสายตาคมปลาบ “หรือว่าเจ้าไม่กังวลเช่นนั้น? สตรีนางนั้น หากจะตายก็ต้องตายอยู่ที่จวนโหวแห่งนี้”
เซียงอี๋เหนียงหัวเราะ พลางยื่นมือไปจับมือของเผยชิงหานเอาไว้ กล่าวเสียงหวานหยดย้อย “ท่านโหววางใจเถอะเจ้าค่ะ ร่างกายของนางพังเสียหายหมดแล้ว ถึงแม้จะจากจวนโหวไปก็คงมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน นอกเสียจากพวกเขาจะเชิญเทพเซียนเทวดาองค์ใดมาช่วยชีวิตนางได้”
“เจ้าแน่ใจหรือ” เผยชิงหานเลิกคิ้ว
เซียงอี๋เหนียงยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นปิดปากที่กำลังหัวเราะร่วนเบาๆ “ท่านโหว ข้าเคยหลอกท่านเมื่อไรกัน” นางพูดพลางยกฝ่ามือขาวเจือสีชมพูตบหน้าอกของเขาแผ่วเบา นิ้วมือเรียวลูบไล้อยู่ตรงนั้นไม่ยอมหยุด ดวงหน้าของนางในเวลานี้เต็มไปด้วยความยั่วยวน งดงามเสียจนคนที่อยู่ข้างกายนางรู้สึกไม่เป็นสุข
เดิมทีเผยชิงหานก็มีฤทธิ์สุราอยู่ในตัวไม่น้อย เมื่อมีสตรีมาเกี้ยวพาเช่นนี้ ไหนเลยเขาจะห้ามใจตนเองไว้ได้ เขาจับมือนางขึ้นมาขบกัดเบาๆ ครั้งหนึ่ง เมื่อเห็นนางร้องเสียงหวานด้วยความเจ็บ เขาก็ยิ่งรู้สึกจั๊กจี้หัวใจขึ้นมาในทันที
เขารีบถอดเสื้อคลุมออก แล้วยกนางขึ้นอุ้ม เร่งฝีเท้าเดินไปยังเตียงที่อยู่ในห้องโดยพลัน
นางนอนอยู่บนเตียงสลักลายหงส์ ทาสีทองหลังหรูหรา มองบุรุษที่กำลับทาบทับอยู่บนตัวนาง ในใจเบิกบานเป็นอย่างยิ่ง ในที่สุดวันที่นางรอคอยก็มาถึง ได้ทำเรื่องที่ตนกับเผยชิงหานชอบทำในเรือนของภรรยาเอกเสียที