คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 551 หูจิ่วเม่ย (1) / ตอนที่ 552 หูจิ่วเม่ย (2)
ตอนที่ 551 หูจิ่วเม่ย (1)
เมืองชิงหยวน โถงจี้เหริน
ร้านยาลูกกลอนนามว่าโถงจี้เหรินของไป๋จื่อเปิดกิจการมาได้พักหนึ่งแล้ว รายได้โดยรวมถือว่าไม่แล้ว ทว่ายาที่ขายออกไปมีเพียงชนิดเดียวเท่านั้น นั่นก็คือยาแก้เมา
ยาชนิดอื่นยังขายไม่ออกแม้สักครั้ง เมื่อคนที่อยากซื้อยาเข้ามาเห็นว่าแม่นางน้อยคนหนึ่งนั่งขายยาอยู่ในร้าน ทั้งนางยังบอกว่าตนเป็นคนหลอมยาเหล่านี้เองอีก แล้วไหนเลยพวกเขาจะวางใจได้ ยาแก้เมาไม่เหมือนกับยาอื่นๆ เพราะมันไม่ใช่ยารักษาโรคหรือช่วยชีวิต ดังนั้นจึงมีคนอยากซื้อไปลองดู ผลปรากฏว่าได้ผลดีไม่หยอก หนึ่งคนบอกต่อไปอีกสิบคน สิบคนบอกต่อไปอีกร้อยคน เหล่านักดื่มในเมืองชิงหยวนแห่งนี้จึงรู้ว่ายาแก้เมาของนางใช้งานได้ รวมถึงมีราคาถูกกว่าร้านอื่น ก็ย่อมต้องขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ทว่าแม้จะเป็นเช่นนั้น ยาชนิดอื่นก็ยังไม่มีใครสนใจอยู่ดี
ไม่ได้การแล้ว นางตัดสินใจเด็ดขาด ต้องทำให้กิจการดำเนินต่อไปได้อย่างดีจริงๆ ถึงจะถูกต้อง
เสียงอึกทึกดังมาจากข้างนอก สอดแทรกมาด้วยเสียงก่นด่าแหลมสูงของสตรี
นางลุกขึ้นออกไปดู เห็นคนล้อมรอบร้านของเล่นข้างๆ เอาไว้แล้ว
จ้าวซู่เอ๋อยืนอยู่ที่หน้าประตูร้าน กำลังมองผู้คนที่มีแต่ความโกรธเคืองเบื้องหน้า ทำอะไรไม่ถูกสักอย่าง
ไป๋จื่อเดินไปข้างหน้า เบียดกลุ่มคนเข้าไป ก่อนจะยื่นมือไปปัดมือที่กำลังชี้หน้าจ้าวซูเอ๋อไม่ยอมหยุด “มีอะไรก็พูดดีๆ ไยต้องพูดจาไม่น่าฟังด้วย มีปากไว้ด่าคนอย่างเดียวหรือไรกัน”
สตรีผู้นั้นเท้าสะเอว โทสะยังไม่คลายไป “เจ้าเป็นใคร มายุ่งอะไรด้วย รีบไสหัวไปเสีย”
เด็กสาวยืนอยู่เบื้องหน้าจ้าวซูเอ๋อ ร่างเล็กน้อยแม้จะบังจ้าวซู่เอ๋อไม่มิด ทว่าท่าทางของนางกลับแข็งกร้าวเป็นอย่างยิ่ง “นางเป็นพี่สะใภ้ของข้า เจ้าว่าเกี่ยวกับข้าหรือไม่เล่า พวกเจ้ามีอะไรก็พูดกันดีๆ เถอะ อย่าเอาแต่พ่นของเสียออกมาจากปากเช่นนี้”
อีกฝ่ายโมโหไม่น้อย นางเงื้อมือขึ้นหมายจะทำร้ายคน คนที่อยู่ข้างๆ นางจึงรีบเข้ามารั้งไว้ ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา “โง่นัก จะลงมือตามใจชอบไม่ได้ คนที่เปิดร้านค้าที่นี่ ทั้งยังปีกกล้าขาแข็งเช่นนี้ได้ จะเป็นคนธรรมดาทั่วไปได้อย่างไรกัน เจ้าอย่าได้หาเรื่องนางเลย”
สตรีที่กำลังโมโหผลักคนข้างกายออกไป เอ่ยด้วยความรู้สึกโมห “ไร้ประโยชน์นัก นางชี้หน้าต่อว่าภรรยาของเจ้า เจ้าไม่ช่วยข้าก็ช่างเถอะ ตอนนี้ยังห้ามไม่ให้ข้าลงมืออีกหรือนี่”
ไป๋จื่อถือโอกาสที่สองสามีภรรยาถกเถียงกัน หันหน้าไปถามจ้าวซู่เอ๋อว่า “แท้จริงแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ พวกเขาเป็นใคร”
จ้าวซู่เอ๋อก็มีสีหน้างุนงงเช่นกัน “ข้าก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน นางมาถึงก็เอาแต่ต่อว่าข้า บอกว่าตุ๊กตาผ้าที่ข้าขายให้นางมีปัญหา ข้าถามนางอย่างไรนางก็ไม่ยอมบอก หมายจะอ้าปากต่อว่าอย่างเดียว มีแต่วาจาหยาบคายทั้งสิ้น”
ตุ๊กตาผ้ามีปัญหา? ตุ๊กตาผ้าแค่ตัวเดียวจะมีปัญหาอะไรได้ สตรีนางนี้มาหาเรื่องชัดๆ
“ไม่เป็นไรนะเจ้าคะ ข้าอยู่ตรงนี้แล้ว” ไป๋จื่อกล่าว
ขณะนี้สตรีและบุรุษคู่นั้นวิวาทกันเสร็จแล้ว ทั้งคู่หันหน้ามาหาไป๋จื่อ “หมายความว่าร้านนี้เป็นของพวกเจ้าสองคนหรือ”
ไป๋จื่อพยักหน้า “ถูกต้อง ร้านสองร้านนี้เป็นของพวกข้าสองคน เจ้ามีอะไรก็พูดมาตรงๆ เถอะ หากไม่พูดก็ไปเสีย อย่ามาขวางทางพวกข้าทำมาหากิน ไม่เช่นนั้นข้าคงจะต้องฟ้องร้องทางการแล้ว
เมื่อได้ยินว่าไป๋จื่อจะฟ้องร้องทางการ บุรุษผู้นั้นก็กระตุกแขนเสื้อของภรรยา ขยิบตาให้นางอย่างเอาเป็นเอาตาย เป็นการบอกให้นางอย่าเพิ่งพูดอะไร
ทว่าภรรยาของเขากลับทำเป็นเหมือนมองไม่เห็น ทั้งยังขึ้นเสียงพูดว่า “ในเมื่อวันนี้ข้ามาที่นี่แล้ว ข้าย่อมมีเรื่องอยากพูดแน่นอน ตุ๊กตาผ้าที่พวกเจ้าขายมีปัญหา แล้วจะไม่ให้ข้าพูดได้อย่างไร”
“ตุ๊กตาผ้ามีปัญหาอะไร” ไป๋จื่อถาม
สตรีนางนั้นแค่นหัวเราะ “มีปัญอะไรพวกเจ้ารู้ดีอยู่แก่ใจ ตั้งแต่ลูกของพวกข้าเล่นตุ๊กตาผ้าก็เริ่มป่วย แถมยังป่วยหนักขึ้นเรื่อยๆ ด้วย อย่าพยายามปฏิเสธเสียให้ยากเลย”
ไป๋จื่อถามต่อในทันที “เชิญหมอมาแล้วใช่หรือไม่ หมอบอกว่าเล่นตุ๊กตาผ้าแล้วป่วยหรือ”
……….
ตอนที่ 552 หูจิ่วเม่ย (2)
ฝ่ายสตรีโบกมือ “เจ้าอย่าได้เปลี่ยนเรื่อง เพราะอย่างไรลูกของพวกข้าเล่นตุ๊กตาของเจ้าแล้วก็ป่วยอยู่ดี อย่าหาทางบ่ายเบี่ยงดีกว่า”
ไป๋จื่อแค่นหัวเราะบ้าง “หมายความว่าเจ้าจะใส่ร้ายพวกข้าใช่หรือไม่”
อีกฝ่ายโมโหยกใหญ่ “เจ้าพูดมั่วอะไร ใครใส่ร้ายพวกเจ้ากัน ลูกของข้าเล่นตุ๊กตาของพวกเจ้าแล้วก็เกิดป่วยขึ้นมา ตอนนี้ป่วยจะตายอยู่แล้ว เจ้ายังกล้าบอกว่าข้าใส่ร้ายพวกเจ้าหรือนี่ เจ้ายังมีสติดีอยู่หรือไม่”
“เจ้าพูดของเจ้าเอาเอง ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าจริงหรือเท็จ เดี๋ยวหุบปาก เดี๋ยวอ้าปาก อยากพูดอะไรก็พูดเช่นนั้น แล้วข้าจะแยกออกได้อย่างไรว่าสิ่งใดที่เจ้าพูดเป็นความจริง แล้วสิ่งที่ใดที่เจ้าพูดเป็นความเท็จบ้าง” ไป๋จื่อกล่าว
“ข้าก็ไม่ได้อยากพูดมากกับเจ้านักหรอก ตอนนี้เจ้าชดเชยเงินให้ข้าเสียดีๆ ข้าจะได้รีบพาลูกของข้าไปหาหมอ” สตรีคนเดิมเอ่ย
ที่นี่คือตลาด เป็นสถานที่ที่คนเมืองชิงหยวนเข้าออกกันมากที่สุด นางเสียงดังเช่นนี้ย่อมดึงดูดคนให้มามุงดูไม่น้อย เมื่อได้ยินนางพูดถึงเรื่องเงินขึ้นมา เหล่าคนที่มุงดูอยู่บ้างก็ส่ายหน้า บ้างก็หัวเราะเยาะ
แม้แต่จีนมุงเหล่านี้ก็มองเล่ห์กลของนางออก หากไป๋จื่อยังมองไม่ออก เช่นนั้นนางไม่เท่ากับเป็นคนโง่หรือไร
“นายหญิงผู้นี้ คำพูดของเจ้าช่างน่าขันนัก ส่งเสียงดังต่อว่าคนอื่นได้ ก็คิดว่าจะเรียกเงินจากผู้อื่นได้ตามใจชอบแล้วหรือ เช่นนั้นหากข้าไปต่อว่าเจ้าที่หน้าบ้านบ้าง บอกว่าเจ้าถ่มน้ำลายสกปรกลงบนเท้าของข้า ทำให้เท้าข้าพุพองเป็นรู ก็เท่ากับว่าข้าเรียกร้องเงินชดเชยจากเจ้าได้แล้วใช่หรือไม่”
ทุกคนที่กำลังมุงดูหัวเราะครืน พากันลอบชมเชยว่าแม่นางน้อยผู้นี้ฝีปากคมหล้า ต่อว่าสวนกลับได้ถึงอกถึงใจ
หญิงคนนั้นโมโหจนต้องกระทืบเท้า ก่อนจะหันกลับไปต่อว่าคนอื่นบ้าง “พวกเจ้าหัวเราะอะไรกัน เกี่ยวอะไรกับพวกเจ้าไม่ทราบ”
ไป๋จื่อกล่าวอีกว่า “อยากจะใส่ร้ายผู้อื่น ก็ต้องนำหลักฐานที่น่าเชื่อถือมาด้วย พิสูจน์ว่าเป็นสิ่งของของพวกข้าที่ทำร้ายลูกของพวกเจ้า ไม่เช่นนั้นข้าก็รับความผิดนี้ไว้ไม่ได้”
มือของสตรีที่กำลังชี้ไป๋จื่อสั่นเทาอย่างต่อเนื่อง หูจิ่วเม่ยผู้นี้เกิดมาไม่เคยถูกใครขัดคอจนพูดไม่ออกเช่นนี้เลย “เจ้ารอข้าอยู่ตรงนี้ก่อน ข้าจะไปนำหลักฐานมา เจ้าเก่งจริงก็อย่าหนีเสียล่ะ”
“ต่อให้เจ้าไปข้าก็ไม่หนี ไปนำหลักฐานมาเถอะ ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่นี่” ไป๋จื่อกอดอกกล่าว ก่อนจะแค่นหัวเราะอีกเสียงหนึ่ง
อีกฝ่ายจากไปพร้อมกับสามีของนาง ส่วนไป๋จื่อพาจ้าวซู่เอ๋อเข้าไปในร้าน
“คงจะไม่มีเรื่องอะไรกระมัง” จ้าวซู่เอ๋อถาม
ไป๋จื่อรู้สึกคอแห้ง จึงรินน้ำให้ตนเองดื่มแก้วหนึ่งก่อน “ท่านว่าตุ๊กตาผ้าที่ท่านทำ จะทำให้คนที่เล่นมันป่วยขึ้นมาหรือเจ้าคะ”
จ้าวซู่เอ๋อส่ายหน้า “แน่นอนว่าไม่มีทาง ตุ๊กตาผ้านี้ทำมาจากผ้า ผ้าปักลาย และด้ายต่างๆ มันผ่านมือข้าทุกตัว ไม่มีทางมีปัญหาแน่นอน”
“เช่นนั้นก็ไม่ต้องกังวลใจไปหรอกเจ้าค่ะ นางพูดอยู่ตั้งนาน ก็ไม่เห็นจะพูดอะไรที่มีเหตุผลออกมาเลย พูดตามตรงนะเจ้าคะ นางอยากจะหลอกเอาเงินจากพวกเรา ทั้งยังอยากดูว่าพวกเราจะทำเพื่อธุรกิจ ทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็ก ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องเล็กยิ่งกว่า มอบเงินปิดปากนางอย่างลับๆ หรือไม่”
“ท่านไม่จำเป็นต้องใส่ใจเรื่องนี้นะเจ้าคะ ถึงแม้จะทำการค้าขายต่อไปไม่ได้ ก็อย่าได้จ่ายเงินชดเชยให้นางเด็ดขาด”
จ้าวซู่เอ๋อพยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้ว”
คนที่มุงดูอยู่ข้างนอกบ้างก็แยกย้ายไปแล้ว บ้างก็ว่างไม่มีอะไรทำ จึงรอสตรีนางนั้นนำหลักฐานมาที่นี่ ติดตามความคึกคักนี้ต่อไป
หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วยาม หูจิ่วเม่ยและบุรุษของนางก็กลับมาจริงๆ ฝ่ายบุรุษแบกแม่นางน้อยอายุประมาณห้าหกปีเอาไว้คนหนึ่ง ขณะนี้นางกำลังสลบไสลพร้อมใบหน้าซีดเผือด ส่วนในมือของหูจิ่วเม่ยถือตุ๊กตาผ้าตัวหนึ่ง เป็นตุ๊กตาผ้าของร้านจ้าวซู่เอ๋อนั่นเอง
หูจิ่วเม่ยเดินมาถึงหน้าร้าน ก่อนจะโยนตุ๊กตาในมือลงตรงหน้าไป๋จื่อ “เจ้าดูสิ นี่ใช่ของของร้านเจ้าหรือไม่”