คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 555 เด็กบ้านไหน / ตอนที่ 556 เสียนเอ๋อร์
ตอนที่ 555 เด็กบ้านไหน
ไป๋จื่อและจ้าวซู่เอ๋อรีบอุ้มเด็กขึ้นมา พานางเข้าไปในโถงจี้เหริน
“รีบนำกระถางถ่านมาเร็วเจ้าค่ะ” ไป๋จื่อกล่าวกับจ้าวซู่เอ๋อ
จ้าวซู่เอ๋อยกกระถางถ่านมาจากในร้าน นางกลัวว่ามันจะอบอุ่นไม่พอ จึงหมุนกายยกของที่ร้านของเล่นข้างๆ มาด้วย
ไป๋จื่อวางเด็กลงบนโต๊ะที่ปูผ้าห่มเอาไว้เรียบร้อย ก่อนจะถอดเสื้อผ้าที่ทั้งสกปรก ทั้งเก่าขาดออกจากร่างกายเล็กจ้อยของนาง ภายในร่มผ้าไม่มีอะไรให้ความอบอุ่นเลยสักนิด บนผิวกายที่เดิมทีควรจะเกลี้ยงเกลาเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำสีเขียวและม่วง ทั้งยังมีรอยแผลเป็นเก่าอีกต่างหาก
นางกดเก็บไฟโทสะในใจไว้ไม่อยู่อีก จึงหันศีรษะไปกล่าวกับหูจิ่วเม่ยที่กำลังคิดหนี “เจ้ายังเป็นคนอยู่หรือไม่ นางยังเด็กอยู่แท้ๆ เจ้าก็กล้าลงมือกับนางแล้วหรือ”
เจ้าหน้าที่จับหูจิ่วเม่ยกลับมาทันที เขาถามด้วยโทสะเช่นกัน “บอกมา เจ้าตีเด็กคนนี้ใช่หรือไม่”
หูจิ่วเม่ยรีบส่ายหน้า “ไม่ใช่ ข้าไม่ได้ตี ข้าไม่เคยตีนาง”
ไป๋จื่อเลิกคิ้ว ชี้บาดแผลบนร่างของเด็กหญิงพลางถาม “ไม่ใช่เจ้าแล้วจะเป็นใคร หรือตุ๊กตาผ้าจะเป็นคนตี?”
“ใช่ๆ ตุ๊กตาผ้านั่นมีผีสิง ตั้งแต่ข้าซื้อตุ๊กตาผ้าให้นาง นางก็ไม่เคยได้อยู่อย่างสงบเลยสักวัน ผ่านไปเพียงไม่กี่วันก็กลายเป็นเช่นนี้เสียแล้ว เจ้ายังบอกว่าตุ๊กตาผ้าของร้านเจ้าไม่มีผีสิงอีกหรือไร” หูจิ่วเม่ยเอ่ยเสียงดัง
ตอนนี้ไป๋จื่อคร้านจะต่อปากกับนางแล้ว “ข้าจะรักษาบาดแผลให้นางก่อน อีกเดี๋ยวข้าค่อยคิดบัญชีกับเจ้า”
แม้บาดแผลบนร่างของเด็กหญิงจะน่ากลัว แต่ก็ไม่นับว่าร้ายแรง ที่ย่ำแย่ที่สุดก็คือก้อนซาลาเปาบนศีรษะของนางต่างหาก ไม่รู้ว่าคนตีใช้อะไรตี มันถึงได้บวมปูดเช่นนี้ได้ ทว่าต้องเป็นของแข็งบางอย่างอย่างแน่นอน
นางหยิบเข็มเงินออกมา ฝังลงไปบนศีรษะของเด็กหญิงเพื่อระบายเลือดคั่ง หลังจากฝังเข็มเสร็จสิ้น นางก็ใช้ยาไท่ชงอันมีฤทธิ์ระงับอาการเจ็บปวดและช่วยให้จิตใจสงบ
จากนั้นนางก็หยิบยาทาระบายเลือดคั่งออกมา ทาลงบนร่างกายของเจ้าตัวเล็กบางๆ รอบหนึ่ง คราวนี้ถึงจะถือว่าเสร็จสิ้น
ไป๋จื่อสวมเสื้อผ้าให้เด็กหญิงเรียบร้อย ก่อนจะถอดเสื้อคลุมของตนเองห่มลงบนตัวนาง จากนั้นก็หันไปเผชิญหน้ากับหูจิ่วเม่ย “เมื่อครู่เจ้าบอกว่า หลังจากที่เจ้าซื้อตุ๊กตาผ้าให้นางแล้ว นางก็เกิดอาการแปลกๆ ใช่หรือไม่”
หูจิ่วเม่ยพยักหน้า “ถูกต้อง เจ้าอย่าได้คิดจะบ่ายเบี่ยงเชียว”
ไป๋จื่อเดินไปที่หน้าประตู เก็บตุ๊กตาบนพื้นขึ้นมา แล้วยื่นใส่หน้าของหูจิ่วเม่ย “เจ้ามองดูให้ดี ตุ๊กตาผ้าที่เจ้าซื้อใช่ตัวนี้หรือไม่”
“แน่นอนว่าใช่ตัวนี้ เจ้ากล้าบอกว่านี่ไม่ใช่ของของร้านเจ้าหรือ” หูจิ่วเม่ยกล่าว
“นี่เป็นสิ่งของของร้านข้าจริง ที่นี่คือเมืองชิงหยวน ร้านที่ทำตุ๊กตาผ้าพรรค์นี้มีเพียงร้านเดียว แล้วข้าจะปฏิเสธได้อย่างไร” ไป๋จื่อพูดอย่างไม่ยี่หระ
หูจิ่วเม่ยพลันรู้สึกเบิกบานใจ จับหมับเข้าที่แขนของเจ้าหน้าที่ “ท่านฟังสิเจ้าคะ นางยอมรับแล้ว”
ไป๋จื่อส่ายหน้า “ข้าไม่ได้ยอมรับ และข้ายังพูดไม่จบ”
“เจ้าถามต่อสิ” เจ้าหน้าที่เอ่ย
เด็กสาวชี้ไปยังตุ๊กตาผ้าในมือ แล้วถามหูจิ่วเม่ย “เจ้าซื้อตุ๊กตาผ้ามาเมื่อไร แล้วซื้อมาในราคาเท่าไร”
หูจิ่วเม่ยชะงักงัน ดวงตากลิ้งกลอกไปมา ก่อนจะรีบพูดขึ้นว่า “ซื้อมาเมื่อเจ็ดวันก่อน”
ไป๋จื่อหัวเราะอย่างเยือกเย็นอยู่ในใจ “เจ็ดวันก่อน ก็เป็นวันที่สองของเดือนสินะ”
“ใช่แล้ว ข้าจำได้แม่น” หูจิ่วเม่ยรีบตอบทันควัน
“เช่นนั้นเจ้าจำได้หรือไม่ ว่าเจ้าซื้อตุ๊กตาตัวนี้มาเท่าไร” ไป๋จื่อยิ้มถาม
หูจิ่วเม่ยรู้สึกว่ารอยยิ้มของนางเด็กน่าตายผู้นี้ดูแปลกพิกล พาหนางรู้สึกหนาวสันหลังวาบเป็นระลอก
“ก็…นั่นข้าจำไม่ได้แล้ว ข้าซื้อของทุกวี่วัน ไหนเลยจะจำได้ว่าตุ๊กตาตัวนี้ราคาเท่าไร”
เสียงหัวเราะอันเฉยชาของไป๋จื่อดังขึ้น “เจ้าไม่มีทางจำได้อยู่แล้ว เพราะเจ้าไม่ได้ซื้อตุ๊กตาตัวนี้มาโดยสิ้นเชิง”
……….
ตอนที่ 556 เสียนเอ๋อร์
หูจิ่วเม่ยแหวเสียงแหลมทันใด “เจ้าพูดอะไรไร้สาระ มาบอกว่าข้าไม่ได้ซื้อของสิ่งนี้ได้อย่างไร เจ้ามีหลักฐานว่าข้าไม่ได้ซื้อมันมารึ”
ไป๋จื่อยิ้มหวาน “แน่นอนว่าข้ามีหลักฐาน” นางชี้ไปยังตุ๊กตาผ้า “ตุ๊กตาผ้าทุกตัวในร้านของเล่น ข้าล้วนเป็นคนออกแบบเองกับมือ ข้าวาดแบบแต่ละตัวแค่ครั้งเดียวเท่านั้น จึงสามารถพูดได้ว่าบนโลกมีเพียงแค่ตัวเดียว ข้าจำได้แม่นว่าตุ๊กตาตัวนี้เป็นสินค้าที่ร้านของเล่นของข้าส่งให้พ่อค้าที่เมืองหลวง พ่อค้าบอกว่าเมื่อนำตุ๊กตาไปขายที่เมืองหลวงแล้ว หนึ่งตัวจะขายได้อย่างน้อยห้าตำลึงเงิน”
นางหยุดไปครู่หนึ่ง เพื่อดูสีหน้าของหูจิ่วเม่ยเปลี่ยนแปลงไป จากนั้นนางถึงกล่าวต่อ “ตุ๊กตาราคาห้าตำลึงเงิน เจ้าซื้อไหวหรือ”
หูจิ่วเม่ยกล่าวพร้อมใบหน้าซีดขาว “เจ้าอย่าได้ดูถูกข้า อย่าว่าแต่ห้าตำลึงเงินเลย ข้าซื้อวันละสิบตัวยังไหวเลย”
“จริงหรือ? ในเมื่อเจ้าใจดีกับลูกเช่นนี้ เหตุใดถึงไม่สวมเสื้อผ้าให้นางดีๆ หน่อยเล่า เสื้อผ้าที่นางใส่ เกรงว่าจะไม่ใช่เสื้อผ้าของนางเองเลยด้วยซ้ำ! ตุ๊กตาเป็นของเด็กคนนี้ แต่เจ้าไม่ได้เป็นคนซื้อมา ส่วนเด็กคนนี้ก็ไม่ใช่ลูกของเจ้า เจ้าไม่ใช่แม่เลี้ยงของนาง บอกมาเถอะ ว่าเจ้าหลอกเด็กคนนี้มาจากที่ใด”
นางพบว่าเด็กหญิงเจาะหูด้วย สตรีจากครอบครัวธรรมดาจะไม่เจาะหูตั้งแต่ยังเล็กเช่นนี้ นอกเสียจากนางจะเป็นลูกของคนตระกูลใหญ่โตที่ไหน
สองขาของหูจิ่วเม่ยพลันอ่อนแรง สีหน้าเดียวเขียวเดี๋ยวขาว
จากนั้นนางก็ถอยหลังไปสองก้าว ขณะกำลังจะวิ่งหนีนั้น ใครจะรู้ว่าเจ้าหน้าที่รู้อยู่แล้วว่านางคิดจะทำอะไร เขาขัดขานางให้สะดุดล้มในทันที “จับนางไว้”
“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาจับข้า ข้าทำผิดกฎหมายหรือไร” นางร่ำร้องอย่างบ้าคลั่ง
ตอนนี้เด็กหญิงที่นอนอยู่บนโต๊ะตื่นแล้ว ทันทีที่นางได้ยินเสียงของหูจิ่วเม่ย ร่างกายของนางก็สั่นเครือในทันที บนใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น ในดวงตาพลันมีหยดน้ำตาเม็ดเป้งเอ่อออกมา ขณะเดียวกันนางก็กัดริมฝีปากแน่น ไม่กล้าส่งเสียงร้องไห้ออกมา
ไป๋จื่อกอดนางเอาไว้ “ไม่ต้องกลัวนะ ไม่เป็นไรแล้ว ทุกอย่างจบลงแล้ว”
เด็กหญิงเหมือนอยู่ในทะเลสาบน้ำแข็งที่ลึกสุดใจ และบัดนี้คว้าฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้ายเอาไว้ได้ นางจับเสื้อของไป๋จื่อไว้จนแน่น ซุกเข้าไปในอกของอีกฝ่ายอย่างสุดชีวิต ร่างทั้งร่างยังคงสั่นเทาเช่นเดิม
ไป๋จื่อกอดนางอยู่ครู่หนึ่ง จนกระทั่งนางค่อยๆ สงบใจลงได้ คราวนี้ถึงจะถามว่า “เจ้าชื่อว่าอะไรหรือ”
เด็กหญิงเพิ่งคิดจะอ้าปาก ทว่าก็เห็นหูจิ่วเม่ยทำหน้าตาดุดันเสียก่อน นางจึงรีบซุกหน้าเข้าใส่หน้าอกของไป๋จื่อ ไม่กล้าพูดอะไรอีก
ไป๋จื่อลูบหลังของนางเบาๆ เอ่ยเสียงแผ่วว่า “เจ้าไม่ต้องกลัว พี่สาวจะบอกเจ้าให้ ว่าเจ้าไม่ใช่ลูกของนาง แต่ถึงนางจะทำร้ายเจ้า แต่ตอนนี้นางถูกจับแล้ว หากเจ้าอยากหนีจากเงื้อมมือของนาง เจ้าต้องบอกพี่สาวคนนี้ว่าเจ้าเป็นใคร มาจากที่ใด เช่นนั้นแล้วพวกข้าถึงจะช่วยตามหาครอบครัวได้”
เด็กหญิงอายุห้าปีแล้ว นางเข้าใจทุกคำที่ไป๋จื่อกล่าว ตอนนี้นางเห็นแล้วว่าหูจิ่วเม่ยถูกจับไว้แล้วจริงๆ ความหวั่นกลัวในใจก็พลันจางหายไปไม่น้อย นางจึงเอ่ยขึ้นว่า “ข้าชื่อเสียนเอ๋อร์”
“เสียนเอ๋อร์ เจ้าแซ่อะไร”
เสียนเอ๋อร์คิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “พวกเขาเรียกข้าว่าเคอเสียนเอ๋อร์”
“ที่แท้เจ้าแซ่เคอนี่เอง ที่บ้านเจ้ายังมีใครอีกหรือไม่” ไป๋จื่อถาม
เสียนเอ๋อร์ตั้งใจในทันที “มีท่านพ่อ ท่านแม่ อี๋เหนียงรอง อี๋เหนียงสาม อี๋เหนียงสี่ แล้วก็มีพวกพี่ชาย พี่สาว มีท่านย่า ท่านน้าหลี่ แม่นม ฉิงยาโถว เป้ายาโถว…”
นางพูดชื่อออกมายาวเหยียด แค่ฟังดูก็รู้ว่านางเป็นเด็กจากตระกูลใหญ่ ไป๋จื่อจึงถามว่า “ฉิงยาโถวเรียกเจ้าว่าอะไร”
“ฉิงยาโถวเรียกข้าว่าคุณหนู นางอายุพอๆ กันกับข้า แต่นางไม่ยอมให้ข้าเรียกนางว่าพี่สาว นางบอกว่านางเป็นเพียงแค่สาวใช้ ข้าไม่เห็นเข้าใจเลย” เสี่ยวเอ๋อร์กล่าว