คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 557 สกุลเคอบนถนนไป๋หม่า / ตอนที่ 558 เคอเจิ้งหมิง
- Home
- คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา
- ตอนที่ 557 สกุลเคอบนถนนไป๋หม่า / ตอนที่ 558 เคอเจิ้งหมิง
ตอนที่ 557 สกุลเคอบนถนนไป๋หม่า
หูจิ่วเม่ยทำตัวไม่ถูก ร่างกายเป็นอัมพาตอยู่บนพื้น ไม่ส่งเสียงอะไรแม้สักแอะ
ไป๋จื่อถามอีกว่า “เช่นนั้นเจ้าจำได้หรือไม่ ว่าบ้านของเจ้าอยู่ที่ใด”
“ข้าเคยได้ยินพี่ชายบอกว่า บ้านของพวกข้าอยู่บนถนนไป๋หม่า ถนนทั้งเส้นนั้นก็คือบ้านของพวกข้า” เสียนเอ๋อร์ตอบ
“ท่านเคยได้ยินชื่อถนนไป๋หม่าหรือไม่” ไป๋จื่อถามเจ้าหน้าที่
ทว่าเจ้าหน้าที่ส่ายหน้า “ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย น่าจะไม่ได้อยู่ที่เมืองชิงหยวน”
ไป๋จื่อจึงถามเสียนเอ๋อร์อีก “ถนนไป๋หม่าอยู่ที่เมืองหลวงหรือ”
“เมืองหลวงคืออะไร” เสียนเอ๋อร์ถามกลับทันที
เบาะแสขาดลง ณ ตรงนี้ ถึงอย่างไรเสียเสียนเอ๋อร์ก็ยังเป็นเด็ก และเป็นเด็กจากตระกูลใหญ่โตเสียด้วย เกรงว่านางคงจะไม่เคยออกจากบ้านเลยด้วยซ้ำ พูดถึงถนนไป๋หม่าออกมาได้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว
ไป๋จื่อหันไปหาเจ้าหน้าที่ “ท่านลองสอบปากคำหูจิ่วเม่ยผู้นั้นดีหรือไม่ นางอาจจะรู้ก็ได้”
หูจิ่วเม่ยไม่รอให้เจ้าหน้าที่เอ่ยปากถาม รีบส่ายหน้าทันที “ข้าไม่รู้ ข้าไม่รู้จริงๆ ว่านางมาจากที่ใด ข้าเก็บนางได้ที่นอกเมือง ตอนนั้นนางเหลือลมหายใจสุดท้ายแล้ว หากข้าไม่เก็บนางมา ตอนนี้นางก็คงจะตายไปแล้ว”
เจ้าหน้าที่แค่นหัวเราะอย่างเย็นชา “ในเมื่อเจ้าทำเรื่องดี ไยไม่ส่งนางมายังที่ว่าการ แต่เก็บนางไว้ที่บ้านเจ้าเอง เจ้าทุบตีนางตามอำเภอใจ ใช้ประโยชน์นางหลอกคนอื่นไปทั่ว เจ้ารู้หรือไม่ว่านั่นเป็นความผิดอย่างไรบ้าง”
หูจิ่วเม่ยหมดหนทางโดยสิ้นเชิง เรื่องจริงปรากฏอยู่ตรงหน้าเช่นนี้แล้ว นางจะยังพูดอะไรได้
“พาตัวไป!” เจ้าหน้าที่โบกมือ
หูจิ่วเม่ยถูกพาตัวไปแล้ว แล้วจะทำอย่างไรกับเด็กหญิงดี เจ้าหน้าที่รู้สึกคิดอะไรไม่ออก
ไป๋จื่อยิ้มกล่าวว่า “ให้นางอยู่กับข้าก่อนก็ได้เจ้าค่ะ ที่บ้านของพวกข้ามีเด็กที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับนางพอดี อาหารการกินและเสื้อผ้าย่อมไม่ใช่ปัญหา แล้วข้าจะเขียนจดหมายหาคุณชายเมิ่ง ให้เขาช่วยตรวจสอบดูสักหน่อย หากนางเป็นคนจากเมืองหลวงจริงๆ เขาสืบขึ้นมาแล้วน่าจะไม่ใช่เรื่องยาก”
เจ้าหน้าที่ย่อมขอให้เป็นเช่นนั้น เด็กเล็กเช่นนี้ พาไปที่ว่าการแล้วมีแต่จะลำบาก พวกเขามีแต่บุรุษตัวสูงใหญ่ แต่ละคนดูแลนางไม่ได้แน่
หลังจากเจ้าหน้าที่ไปแล้ว ไป๋จื่อก็กล่าวกับจ้าวซู่เอ๋อว่า “ท่านดูแลนางก่อนนะเจ้าคะ ข้าจะไปดูว่าพวกเราที่นี่มีอาหารหรือไม่ นำมาให้นางกินก่อน แล้วอีกเดี๋ยวข้าจะไปหาพี่ใหญ่เฉิน”
เสียนเอ๋อร์กำชายเสื้อของไป๋จื่อไว้แน่น อาลัยอาวรณ์เมื่อเห็นนางจะจากไป
ไป๋จื่อจึงลูบหลังมือของเด็กหญิงเบาๆ กล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “เสียนเอ๋อร์ เจ้าผิงไฟอยู่ที่นี่ไปก่อน ข้าจะไปซื้อของอร่อยมาให้เจ้า อีกเดี๋ยวก็กลับมาแล้ว”
เมื่อได้ยินว่าจะมีของอร่อย เสียนเอ๋อร์ที่หิวจนไส้กิ่วมาตั้งนานก็ยอมปล่อยมือ “เช่นนั้นรีบกลับมานะ ข้ากลัว”
จ้าวซู่เอ๋อยิ้ม “เสียนเอ๋อร์ไม่ต้องกลัว ข้าจะไปนำตุ๊กตาสะอาดๆ สักตัวมาให้เจ้าเล่น”
มีทั้งอาหาร มีทั้งของเล่น คราวนี้เสียนเอ๋อร์ถึงจะวางใจลงได้
ไป๋จื่อตรงไปยังร้านสือเค่อ เฉินไท่เหรินอยู่ที่นั่นพอดี นางเล่าเรื่องทุกอย่างให้เขาฟังเสียรอบหนึ่ง ก่อนที่เฉินไท่เหรินจะยิ้มกล่าวว่า “เจ้าเขียนจดหมายเองเถอะ ต้องเป็นจดหมายของเจ้า เขาถึงจะเปิดอ่านในทันที หากเป็นจดหมายที่ข้าเขียน ก็ไม่รู้ว่าเขาจะทิ้งมันไว้ ไม่เปิดอ่านไปอีกนานเท่าไร”
ไป๋จื่อจนใจ แต่ก็ทำได้เพียงเขียนจดหมายด้วยตนเอง และให้คนของเฉินไท่เหรินนำไปส่งในวันเดียวกันนี้
ขณะนี้อากาศหนาวเย็นมาก ไป๋จื่อกลัวว่าเสียนเอ๋อร์จะไม่สบาย จึงมอบชุดคลุมอีกตัวของตนเองให้นาง และเพราะอากาศเย็นจนทนไม่ไหวแล้ว สุดท้ายไป๋จื่อจึงให้จ้าวซู่เอ๋อปิดร้าน พาเสียนเอ๋อร์กลับบ้านไป
หรูเอ๋อร์เล่นคนเดียวอยู่ในบ้านเสมอมา เมื่อเห็นเพื่อนรุ่นเดียวกันเช่นนี้ นางจึงรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก นำขนมที่ตนเองซ่อนไว้ออกมาแบ่งกับอีกฝ่ายทันที
เสียนเอ๋อร์จากบ้านมาแล้วเดือนกว่า วันนี้นับว่านางได้มีความสุขอย่างแท้จริงเป็นครั้งแรก มีทั้งเสื้อผ้าอบอุ่นให้สวมใส่ มีทั้งอาหารแสนอร่อย มีทั้งเพื่อนเล่น และมีทุกคนที่ห่วงใยนาง
นางอยากกลับบ้านทุกเมื่อเชื่อวัน มีเพียงวันนี้เท่านั้นที่ไม่อยากกลับ เพราะนางรู้สึกเหมือนตนเองได้กลับบ้านแล้ว แม้กระทั่งรู้สึกว่าที่นี่สมบูรณ์แบบและอบอุ่นยิ่งกว่าบ้านของนางเสียอีก
……….
ตอนที่ 558 เคอเจิ้งหมิง
ตอนเย็น เสียนเอ๋อร์และหรูเอ๋อร์กลายเป็นเพื่อนกันโดยสมบูรณ์ ถึงยามนอนหลับก็ไม่ยอมแยกจากกัน จ้าวซู่เอ๋อจึงทำได้เพียงให้พวกนางนอนอยู่บนเตียงในห้องเดียวกัน ระหว่างมองใบหน้ายามหลับของพวกนางสองคน จ้าวซู่เอ๋อก็ถอนใจ “ช่างเป็นเด็กที่น่าสงสารและโชคดีอยู่ในทีจริงๆ พวกเจ้าสองคนล้วนเหมือนกัน ตอนที่กำลังตกระกำลำบาก แทบจะหมดหนทางให้ก้าวเดินไปข้างหน้า ก็ได้พบกับคนที่ดีที่สุดบนโลกพอดิบพอดี”
…
เมืองหลวง จวนสกุลเมิ่ง
หลังกลับจากศาลาว่าการหงหลู เมิ่งหนานก็ตรงไปจัดการธุระคั่งค้างในห้องหนังสือ เขาเป็นขุนนางระดับสี่ของที่นี่ ปกติว่างไม่มีอะไรทำ ทว่าใกล้จะสิ้นปีแล้ว ต่อให้เป็นคนที่ว่างยิ่งกว่าเขาก็มีเรื่องยุ่งให้ต้องสะสาง
จินเสี่ยวอันวิ่งเข้ามาจากข้างนอก “คุณชาย มีจดหมายของท่านขอรับ”
พู่กันในมือของเมิ่งหนานชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวเสียงเรียบว่า “วางไว้เถอะ”
“คุณชายจะไม่อ่านหรือขอรับ” จินเสี่ยวอันยิ้มพร้อมใบหน้ามีเลศนัย
“ไม่อ่าน” เมิ่งหนานตอบทันที ช่วงนี้เจิ้งหรูเสวี่ยเขียนจดหมายให้เขาสองฉบับทุกสามวัน จนเขารำคาญจะแย่ แม้แต่คำว่าจดหมายก็ไม่อยากได้ยินด้วยซ้ำไป
จินเสี่ยวอันกระแอมสองเสียง ก่อนจะยกจดหมายขึ้นอ่าน “พี่เมิ่ง ข้าหวังว่าท่านจะสบายดี ข้าไป๋จื่อ”
พู่กันในมือของเมิ่งหนานหยุดกึกในทันที เขาสะบัดข้อมือโยนพู่กันเข้าไปในโถล้างพู่กัน แล้วเร่งรุดไปถึงตรงหน้าของจินเสี่ยวอัน จากนั้นก็ยื่นมือไปหมายจะแย่งจดหมายในมืออีกฝ่ายมาถือเอง “เอามาให้ข้า”
ทว่าเสี่ยวอันกลับยกจดหมายขึ้นสูง “บอกว่าไม่อ่านไม่ใช่หรือขอรับ”
เมิ่งหนานยื่นมือไปต่อยกำปั้นใส่ท้องน้อยของคนสนิท ทำเอาจินเสี่ยวอันเจ็บจนตัวงอ ต้องหดมือกลับมากุมหน้าท้อง ส่วนจดหมายตกมาอยู่ในมือของเมิ่งหนานแล้วเรียบร้อย
“ข้าต้องอ่านจดหมายของจื่อเอ๋อร์อยู่แล้ว” ตัวหนังสือบนจดหมายเป็นระเบียบเรียบร้อยกว่าครั้งก่อนมาก ทั้งยังมีเสน่ห์ของสตรีแฝงอยู่ไม่น้อย ดูท่าทางช่วงนี้น่าฝึกเขียนหนังสือด้วย แถมยังมีพัฒนาการรวดเร็วอีกต่างหาก
หลังจากอ่านจดหมายเสร็จ เมิ่งหนานก็ถามจินเสี่ยวอันว่า “เจ้าเคยได้ยินชื่อถนนไป๋หม่าหรือไม่” เมืองหลวงมีชนาดใหญ่มากมาย อีกทั้งถนนและตรอกตัดกันไปมานับไม่ถ้วน นอกเสียจากชื่อถนนที่เคยได้ยินเป็นประจำแล้ว เขาก็จำอะไรไม่ค่อยได้เท่านั้น
จินเสี่ยวอันคิดดู ก่อนที่จะส่ายหน้า “คุ้นๆ อยู่บ้าง ทว่าจำไม่ได้ขอรับ” เขาเป็นเงาตามติดคุณชายทุกวัน เรื่องที่คุณชายไม่รู้ แล้วเขาจะรู้ได้อย่างไร”
“ไปตามพ่อบ้านมา” พ่อบ้านอยู่ที่เมืองหลวงมาทั้งชีวิต จึงรู้เรื่องราวในเมืองหลวงแห่งนี้ชัดแจ้งกว่าเขาอย่างแน่นอน
องครักษ์คนสนิทรีบออกไป ผ่านไปไม่นานเท่าไรก็นำพ่อบ้านอาวุโสเข้ามา
“คุณชาย มีเรื่องอะไรจะสั่งหรือขอรับ” พ่อบ้านเอ่ยถามเมิ่งหนาน
“เจ้ารู้จักถนนไป๋หม่าหรือไม่” เมิ่งหนานถามทันที
พ่อบ้านพลันพยักหน้า “รู้จักขอรับ จวนพักของใต้เท้าเคออยู่บนถนนไป๋หม่า”
“ใต้เท้าเคอเป็นผู้ใดกัน” เมิ่งหนานสงสัย
“เขาเป็นรองผู้ตรวจการราชสำนักฝ่ายซ้าย นามว่าเคอเจิ้งหมิง นับเป็นขุนนางระดับสาม มักได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ คุณชายไม่รู้จักหรือขอรับ” พ่อบ้านมีสีหน้าฉงน แม้จะบอกว่าคุณชายเพิ่งกลับมาถึงเมืองหลวงได้ไม่นาน ทว่าเขาก็เป็นนขุนนางในเมืองหลวงแล้ว จะไม่รู้จักแม้กระทั่งขุนนางตำแหน่งใหญ่ในราชสำนักได้อย่างไร
เมิ่งหนานโบกมือ “อีกไม่นานก็น่าจะได้รู้จักกันแล้ว เจ้าไปเตรียมรถ ข้าจะไปที่จวนสกุลเคอสักหน่อย”
พ่อบ้านออกไปเตรียมรถม้าทันที ส่วนเมิ่งหนานเปลี่ยนชุดใหม่ ก่อนจะพาจินเสี่ยวอันออกไปด้วย
ทว่าเพราะไปหาอีกฝ่ายอย่างกะทันหัน ไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้า ใต้เท้าเคอไม่อยู่ที่นี่พ่อดี ฮูหยินเคอเองก็ป่วยลงจากเตียงไม่ไหว บุตรชายคนโตของใต้เท้าเคอจึงเป็นฝ่ายมาต้อนรับ เมื่อได้ยินว่าผู้มาเยือนคือคุณชายแห่งสกุลเมิ่ง เขาก็ไม่กล้าบกพร่อง สั่งคนไปตามผู้เป็นบิดากลับมาทันที
เมิ่งหนานมองชายหนุ่มที่ดูใส่ใจเบื้องหน้า ยิ้มถามว่า “เจ้าคือคุณชายใหญ่เคอสินะ ข้าเคยได้ยินชื่อมาบ้าง”
เคอซีเฉิงรีบประสานมือคารวะ “ข้าคือเคอซีเฉิงขอรับ อายุมากที่สุดในบรรดาพี่น้องทั้งหลาย ข้าเองก็ได้ยินชื่อเสียงของคุณชายเมิ่งมานานเช่นกัน วันนี้ได้พบหน้า ถือว่าเป็นเกียรติของข้าจริงๆ ขอรับ”