คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 565 เจ้าอยากพูดอะไร / ตอนที่ 566 ใครชอบการลาจากบ้าง
- Home
- คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา
- ตอนที่ 565 เจ้าอยากพูดอะไร / ตอนที่ 566 ใครชอบการลาจากบ้าง
ตอนที่ 565 เจ้าอยากพูดอะไร
หูเฟิงไม่ใช่ลูกของหูจ่างหลิน? เป็นหูจ่างหลินเก็บเขามาเลี้ยงหรือนี่ อีกทั้งไป๋จื่อยังไม่ให้เขาบอกเรื่องนี้กับคนนอกอีก
เมิ่งหนานใจเต้นแรงเสียงดัง เขามีลางสังหรณ์บางอย่าง เป็นลางสังหรณ์อันแรงกกล้ามาก
“เจ้าเก็บหูเฟิงมาเลี้ยงตั้งแต่เมื่อใด” เมิ่งหนานถาม
หูจ่างหลินโบกมือทันควัน “ไม่พูดแล้วๆ ล้วนเป็นเรื่องในอดีตทั้งนั้น” ครั้นเห็นสีหน้าของเมิ่งหนานเปลี่ยนไป เขาก็เริ่มไม่สบายใจขึ้นมาบ้าง
“สามปีที่แล้วใช่หรือไม่” เมิ่งหนานถามไม่ยอมเลิกรา
หูจ่างหลินชะงักงัน “เจ้ารู้ได้อย่างไร จื่อยาโถวบอกเจ้าหรือ”
เมิ่งหนานก็ชะงักเช่นกัน ทุกอย่างที่เดิมทีสับสนไม่เป็นระเบียบ บัดนี้พลันร้อยเรียงเป็นเรื่องราว กลายเป็นความกระจ่างแจ้งแล้ว
หูเฟิงไปร่วมรบ จิ้นอ๋องกลับมา กุมอำนาจทางทหารอีกครั้ง
หูเฟิงไม่ใช่บุตรชายของหูจ่างหลิน เป็นหูจ่างหลินที่เก็บเขามาเลี้ยงเมื่อสามปีก่อน และจิ้นอ๋องก็หายตัวไปเมื่อสามปีก่อนเช่นกัน
อีกทั้งหน้าตาของหูเฟิงยังคล้ายกับเซียวอ๋องอยู่หลายส่วน นี่ไม่มีทางเป็นเรื่องบังเอิญ ใต้หล้านี้ไม่มีเรื่องบังเอิญเช่นนี้แน่นอน
เมื่อประตูห้องปิดลง หลังจากที่หูจ่างหลินออกไป เมิ่งหนานก็ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ไม่ขยับเขยื้อนเลยสักนิด
จินเสี่ยวอันดันร่างเขาครั้งหนึ่ง “คุณชาย เป็นอะไรไปขอรับ”
เมิ่งหนานเหม่อมองจินเสี่ยวอัน “เจ้าไม่เข้าใจหรือ”
องครักษ์คนสนิทมีสีหน้างุนงง “เข้าใจอะไรหรือขอรับ” เขาง่วงจะแย่อยู่แล้ว จึงไม่ได้ฟังบทสนาเมื่อครู่นี้อย่างตั้งใต
“หูเฟิงอาจจะเป็นจิ้นอ๋อง ไม่ใช่แค่อาจจะ เขาต้องเป็นจิ้นอ๋องอย่างแน่นอน” เมิ่งหนานกล่าว
ความง่วงของจินเสี่ยวอันหายไปทันที “คุณชาย วาจาเช่นนี้ไม่อาจนำมาล้อเล่นได้ หูเฟิงจะเป็นจิ้นอ๋องได้อย่างไรกัน”
…
เช้าวันต่อมา เสี่ยวเฟิงจัดการรถม้าเรียบร้อย ส่วนไป๋จื่อและจ้าหลานตั้งโต๊ะอาหารเช้าแล้วเช่นกัน
อาหารเช้าอุดมสมบูรณ์มาก ล้วนเป็นสิ่งที่เสียนเอ๋อร์ชอบกิน ทั้งปอเปี๊ยะทอด ผัดหมี่ ถังสุ่ย[1] และมีเกี๊ยวทอดเต็มๆ หนึ่งกล่องใหญ่ด้วย
ทีแรกเสียนเอ๋อร์กินช้ามาก แม้นางจะยังเด็ก แต่ก็รู้ว่าขอเพียงตนกินช้าเพียงเล็กน้อย นั่นเท่ากับมอบโอกาสให้ตนได้อยู่กับพวกเขานานยิ่งขึ้น
แต่ต่อให้ช้ากว่านี้อีกเพียงไหน สุดท้ายแล้วนางก็ต้องกินจนอิ่มอยู่ดี
จ้าวซู่เอ๋อวางตุ๊กตาผ้ามากมายที่เพิ่งทำเสร็จในรถม้าที่เสียนเอ๋อร์นั่ง ทั้งหมดล้วนเป็นรูปแบบที่เสียนเอ๋อร์ชอบ ด้วยหวังว่าตุ๊กตาเหล่านี้จะอยู่เป็นเพื่อนนาง ทำให้นางเบิกบานใจขึ้นมาได้บ้าง
ฝ่ายเมิ่งหนานผิดปกติยิ่ง เขาเอาแต่เหม่อลอย จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว สีหน้าท่าทางดูไม่เหมือนอย่างเคย ยามจะพูดจากับไป๋จื่อ เขาก็มักจะหยุดไปกลางคันอยู่เสมอ
เมื่อใกล้ถึงเวลาออกเดินทาง เขาถึงรวบรวมความกล้าดึงนางไปด้านหนึ่ง ถามนางเสียงเบาว่า “เจ้าจะไม่ไปกับข้าจริงหรือ”
ไป๋จื่อปัดมือของเขาออก ตอบเสียงเบาเช่นกัน “เมิ่งหนาน ข้าไม่อยากไปเมืองหลวงจริงๆ อย่างน้อยตอนนี้ก็ไม่อยากไป”
เมิ่งหนานถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “แล้วหลังจากนั้นเล่า”
ด้วยไม่เข้าใจว่าเขาหมายความว่าอย่างไร ไป๋จื่อจึงมุ่นคิ้ว
“เจ้ากำลังรอจิ้นอ๋อง รอเขารบชนะ อีกไม่นานก็จะมารับเจ้าไปด้วยกันใช่หรือไม่”
สีหน้าของไป๋จื่อเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะถามทั้งๆ ที่ยังมุ่นคิ้วอยู่ “ท่านรู้แล้วหรือ ใครบอกท่าน”
เมิ่งหนานยิ้มเย็น “ไม่มีใครบอกข้า แต่ข้าเดาว่าข้าเดาถูก” เขาจ้องเขม็งไปยังเด็กสาวเบื้องหน้า “ข้าเคยพบเซียวอ๋อง เขาคล้ายกับหูเฟิงมาก ตอนนั้นข้าคิดว่าเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ ทว่าเมื่อคืนข้าได้รู้ว่าหูเฟิงไม่ใช่ลูกของท่านลุงหู และเขาก็ไปรบได้พอดิบพอดี หลังจากที่เขาไปร่วมกองทัพแล้ว จิ้นอ๋องก็กลับมา นี่ไม่บังเอิญเกินไปหน่อยหรือ”
“ดังนั้นท่านคิดจะทำอะไร” นางเลิกคิ้วถาม พลางมองเมิ่งหนานด้วยสายตาเย็นชา
……….
ตอนที่ 566 ใครชอบการลาจากบ้าง
เมิ่งหนานมุ่นคิ้วบ้าง เหตุใดนางใช้สายตาเช่นนี้มองเขา หรือนางคิดว่าเขาจะคิดการร้ายกับหูเฟิงเพราะเหตุนี้ ไม่ต้องพูดถึงว่าเขาสามารถทำได้หรือไม่ ถึงแม้เขาจะมีความสามารถทำได้ เขาก็ไม่มีทางทำเด็ดขาด
“ไป๋จื่อ ข้าเมิ่งหนานในสายตาของเจ้า แท้จริงแล้วเป็นคนเช่นไรกันแน่” เขาถาม แต่กลับไม่รอคำตอบของนาง หลังจากมองนางอย่างลึกซึ้งครั้งหนึ่งแล้ว เขาก็หมุนกายขึ้นม้า ห้อตะบึงจากไปอย่างรวดเร็ว
นางรู้สึกอึดอัดใจอยู่บ้าง เพราะเมิ่งหนานเป็นสหายของนาง เขาเคยช่วยชีวิตนางด้วยซ้ำ นางไม่ควรสงสัยเขาเลยจริงๆ
เมื่อส่งเสียนเอ๋อร์ถึงโรงเตี๊ยมที่เคอซีเฉิงพักอยู่แล้ว นางยังคงไม่เห็นเมิ่งหนาน ลูกน้องเหล่านั้นของเขาก็ไม่อยู่เช่นกัน
“คุณชายเคอ เมิ่งหนานเล่าเจ้าคะ” ไป๋จื่อถาม
“คุณชายเมิ่งพาคนของเขาล่วงหน้าไปก่อนแล้ว บอกว่าจะหยุดรอพวกข้าที่สิบลี้นอกเมืองนี้ ข้าเห็นว่าสีหน้าของเขาดูไม่ค่อยดีเท่าไร พวกเจ้าทะเลาะกันหรือ” เคอซีเฉิงถามยิ้มๆ
ไป๋จื่อก็ยิ้มเช่นกัน “เข้าใจผิดกันนิดหน่อยเจ้าค่ะ ท่านช่วยข้าบอกเขาที ว่าเมื่อข้าไปที่เมืองหลวงแล้ว ข้าจะเชิญเขาดื่มสุราเป็นการไถ่โทษ ขออย่าให้เขาตำหนิข้าเลย”
เคอซีเฉิงรับปาก ครั้นบอกลาไป๋จื่อแล้ว เสียนเอ๋อร์ที่มีน้ำตานองหน้าก็ขึ้นรถม้าตามเขาไป บัดนี้เสียนเอ๋อร์พาดร่างอยู่บนหน้าต่างบานเล็กของรถม้า ตะโกนเรียกไป๋จื่อและหรูเอ๋อร์ “พี่ไป๋ น้องหรูเอ๋อร์ พวกท่านต้องมาหาข้าที่เมืองหลวงนะ ต้องมาให้ได้!”
หรูเอ๋อร์ร้องไห้วิ่งตามรถม้าไป ไป๋จื่อก็ตามนางไปเช่นกัน จนกระทั่งรถม้าหายลับตาไป
นางกอดหรูเอ๋อร์เอาไว้ พลางลูบหลังเบาๆ เอ่ยเสียงอ่อนโยนว่า “หรูเอ๋อร์ ชีวิตคนเราก็เช่นนี้ มีพบก็ต้องมีจาก แต่การจากลาไม่ใช่เรื่องน่ากลัว จากนี้เป็นต้นไป พวกเรามารอคอยการพบกันอีกครั้งหลังจากลากันเถอะ”
“ท่านพ่อก็ไม่อยู่ พี่เสียนเอ๋อร์ก็มาจากไปอีก พี่ไป๋ ท่านกับท่านแม่จะจากข้าไปหรือไม่” หรูเอ๋อร์กล่าวทั้งน้ำตา
ไป๋จื่อส่ายหน้า ก่อนจะเช็ดน้ำตาให้เด็กหญิง “แน่นอนว่าท่านแม่ของเจ้าไม่มีทางจากเจ้าไปไหน ส่วนข้า หากไม่มีความจำเป็นใดๆ ข้าก็ไม่มีทางแยกจากเจ้าไปเช่นกัน หรูเอ๋อร์เจ้าจำไว้นะ พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่มีใครอยากแยกจากกัน แต่โลกใบนี้มีความจนใจอยู่มากมายที่บีบให้พวกเราต้องจากกันไป ท่านพ่อของเจ้าก็เช่นกัน เสียนเอ๋อร์เองก็เป็นเช่นเดียวกัน”
“เหตุใดต้องแยกจากกันด้วย หรูเอ๋อร์ไม่ชอบการจากลา!”
ใครชอบการจากลาบ้าง แล้วใครเล่าจะปฏิเสธการจากลาเช่นนี้ได้
…
สนามรบ
“ท่านอ๋อง หมอเฉินมาแล้วขอรับ” อาอู่รีบร้อนเข้าไปในกระโจม ด้านหลังตามมาด้วยหมอเฉินที่ถือล่วมยาอยู่
หูเฟิงลืมตา กวาดสายตามองหมอเฉิน ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ “ลำบากหมอเฉินแล้ว”
หมอเฉินรู้สึกไม่คุ้นชินอยู่บ้าง เพราะจิ้นอ๋องในอดีตไม่ได้เกรงใจเขาเช่นนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดว่าไม่มีมารยาทเพียงใด แม้กระทั่งชอบทำตามใจตนมากยิ่งกว่าตอนนี้ แต่ถึงอย่างไรเสียเขาก็เป็นถึงจิ้นอ๋อง ส่วนตนเองเป็นเพียงแพทย์ทหาร จึงไม่เคยได้ยินคำว่าขอบคุณจากอ๋องผู้นี้สักครั้ง
หมอเฉินเปิดอาภรณ์ของเขาออก บริเวณเอวด้านซ้ายปรากฏรอยกระบี่ ปากแผลเรียบและยาว โชคดีที่ไม่ถูกอวัยวะภายใน แต่ก็เป็นบาดแผลขนาดใหญ่ เขาเห็นครั้งแรกยังรู้สึกหวั่นใจจริงๆ
“เป็นอย่างไรบ้าง” อาอู่ถาม
“บาดแผลภายนอก ไม่ใช่เรื่องใหญ่” เขาหันหายไปหยิบยาจินชวงที่ทำไว้อย่างดีออกมาจากล่วมยา เตรียมจะใส่ยาให้หูเฟิง
ทว่าหูเฟิงเห็นขวดยาในมือเขาแล้ว กลับถามขึ้นมาว่า “ไม่ใช่ว่าต้องเย็บแผลหรือ” เขาจำได้ว่าไป๋จื่อเคยบอก ว่าบาดแผลเช่นนี้เย็บขึ้นมาแล้วจะหายเร็วกว่า
หมอเฉินชะงัก โพล่งถามขึ้นมาบ้าง “ท่านอ๋องรู้จักการเย็บแผลด้วยหรือขอรับ”
หูเฟิงพยักหน้า “บนร่างของมู่หยางก็มีรอยแผลเป็นจากการเย็บเช่นกัน ข้าเห็นว่าเขาฟื้นตัวได้เร็วมาก”
หมอเฉินพลันมีสีหน้ากระดากอาย “ท่านอ๋อง ข้าขอกล่าวความจริงไม่ปิดบัง วิชาเย็บแผลนี้ข้าทำไม่เป็น ถ้าหากไป๋จื่ออยู่ที่นี่ด้วยก็คงดีขอรับ”
……….
[1] ถังสุ่ย (糖水/甜汤) เป็นของหวานใส่ในน้ำเชื่อมชนิดหนึ่ง เสิร์ฟแบบเย็นหรือร้อนก็ได้