คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 571 เกี่ยวดอง / ตอนที่ 572 จวนสกุลเฉียนเชิญหมอ
ตอนที่ 571 เกี่ยวดอง
“ก็ดีเหมือนกัน พวกเราเปลี่ยนที่คุยกัน จะได้ดื่มต่อด้วย! คืนนี้ไม่เมาไม่เลิกรา!” เผยชิงหานวางจอกสุราลง ไม่สนใจสายตาสอบถามของใต้เท้าเจิ้งที่มองมา ลากชางซูหังจากไปทันที
ทั้งสองคนเปลี่ยนจากหอจุ้ยเซียนมาที่ร้านสือเค่อ ทั้งสองแห่งต่างก็มีคนจับจองที่นั่งมากมาย ทว่าที่ร้านสือเคอกลับไม่ได้เสียงดังอึกทึกเหมือนที่หอจุ้ยเซียน ทั้งสองคนเข้าไปในห้องรับรองที่ดูเป็นส่วนตัว ก่อนที่เสี่ยวเอ้อร์จะยกสุราและกับแกล้มมาให้อย่างรวดเร็ว
เผยชิงหานยกถ้วยสุราขึ้น พลางถามว่า “ยังไม่ได้ถามเลยว่าเจ้ามีชื่อแซ่ว่าอะไร”
ความจริงเขาถามไปแล้ว…
ชางซูหังประสานมือให้เผยชิงหาน “ข้านามว่าชางซูหัง เป็นเจ้าเมืองตงหยางขอรับ”
เผยชิงหานชะงักไปเล็กน้อย เพราะคนที่เข้าร่วมงานเลี้ยงของใต้เท้าเจิ้งในวันนี้ ล้วนเป็นขุนนางที่มีตำแหน่งสูงมากกว่าระดับสาม ไปจนถึงคนจำพวกโหวและป๋อเช่นเดียวกับเขา อีกฝ่ายเป็นเพียงเจ้าเมืองที่มียศเพียงระดับสี่ ไยถึงได้รับเชิญมาที่งานเลี้ยงได้
“คืออย่างนี้ขอรับ ข้าเป็นญาติห่างๆ ของใต้เท้าเจิ้ง วันนี้ได้มีโอกาสสนทนากับเขาพอดี ใต้เท้าเจิ้งจึงบังคับพาข้ามาด้วย” ชางซูหังรีบอธิบาย
ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง เผยชิงหานเข้าใจแล้ว ทว่าเขาก็ไม่ได้ดูถูกชางซูหัง เทียบกับโหวที่มีดีแค่ชื่อตำแหน่งน่าฟังมากกว่าเช่นเขา อำนาจของเจ้าเมืองอาจจะมากกว่าเขาก็เป็นได้
เผยชิงหานยังคิดถึงเรื่องเมื่อครู่อยู่ จึงถามต่อ “พี่ชางยังไม่ได้บอกข้าเลย ว่าเหตุใดวันนี้ฮ่องเต้ถึงเอ่ยถึงข้าต่อหน้าท่าน”
ชางซูหังคิดว่าเขาลืมไปแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะยังจำได้…
เผยชิงหานเลิกคิ้ว เพราะเห็นว่าชางซูหังคล้ายกับไม่อยากพูด ในใจพลันมีไฟโทสะก่อตัว “เป็นอะไรไป ไม่อยากพูดหรือ”
ความกระอักกระอ่วนบังคับให้ชางซูหังต้องยิ้ม พลางคิดว่าควรจะรับมือเรื่องนี้อย่างไร ทว่าเผยชิงหานกลับอาศัยความเมาหลายส่วน ทุบโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน “ในเมื่อเจ้าไม่อยากพูด เช่นนั้นข้าจะไปถามความจากฮ่องเต้เอง”
เผยชิงหานหมุนกายจะไป ฝ่ายชางซูหังตกใจจนหัวหมุน ปรี่ไปถึงด้านหน้าของอีกฝ่ายทันที ขวางเขาเอาไว้ “ท่านโหวอย่าเพิ่งใจร้อน ข้าจะบอกท่านเอง” เดิมทีเขาไม่ควรเอ่ยถึงเรื่องนี้ แต่ในเมื่อหลุดปากพูดออกไปแล้ว หากไม่อธิบายให้ชัดเจน แล้วท่านโหวนำเรื่องนี้ไปกราบทูลฮ่องเต้ เช่นนั้นเขาไม่เท่ากับต้องตายสถานเดียวหรือ บอกท่านโหวไปตอนนี้ ขอให้เขาเก็บเป็นความลับ ไม่แน่ว่าจะยังรักษาชีวิตนี้ไว้ได้
ชางซูหังเล่าเรื่องราวอย่างละเอียด พาให้เผยชิงหานรู้สึกตกใจยกใหญ่ ความเมามายทั่วร่างหายไปในทันใด
“พู่หยกที่เจ้าพูดถึง เป็นพู่หยกสลักลายพระสังกัจจายน์ ปลายนิ้วมีสีแดงชาดใช่หรือไม่” เผยชิงหานรีบถาม
ชางซูหังพยักหน้า “ใช่แล้วขอรับ รูปแบบของพู่หยกมีเอกลักษณ์มาก คุณภาพของหยกก็เป็นเลิศ ข้ามองเพียงครั้งเดียวก็รู้ว่าเป็นของดีอย่างแน่นอน ถึงได้นำไปมอบให้ไทเฮา แต่ใครจะรู้ว่าหาเรื่องมาใส่ตนเข้าให้แล้ว”
“หมายความว่าเจ้าค้นพบที่มาของพู่หยกแล้วหรือ” เผยชิงหานถามอีก
ชางซูหังยกถ้วยสุราขึ้นดื่มจนหมด “ยังไม่พบขอรับ พรุ่งนี้ข้าจะไปยังเมืองชิงหยวนกับคนของฮ่องเต้ สืบสาวเรื่องนี้ให้ถึงต้นตอ พวกเขายังพูดถึงเด็กคนหนึ่งด้วย ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่านี่คือเรื่องอะไร เพียงแต่ครั้งนี้ข้ามีหน้าที่นำทาง คนของฮ่องเต้น่าจะรู้เส้นสนกลในอยู่”
สีหน้าของเผยชิงหานพลันซีดขาว ในใจมีความคิดนับพันหมื่นผุดขึ้นมา หากเด็กคนนั้นยังมีชีวิตอยู่ หากนางยังมีชีวิตอยู่ แล้วเขาควรจะทำอย่างไรต่อไปดี
เขาพลันนึกถึงจิ้นอ๋อง และคิดถึงสัญญาหมั้นหมายระหว่างจิ้นอ๋องกับนาง ตอนนั้นเขาไม่รู้โดยสิ้นเชิงว่านางมีสัญญาหมั้นหมายกับจิ้นอ๋อง หากเขารู้เช่นนั้นแต่แรก ไม่ว่าจะพูดอย่างไรเขาก็ต้องรั้งเด็กคนนั้นไว้ ขอเพียงได้เกี่ยวดองกับจิ้นอ๋อง เขายังต้องกังวลว่าจวนชางหยวนโหวจะไม่รุ่งโรจน์อีกหรือไร
เมื่อคิดถึงตรงนี้แล้ว เขาก็ตัดสินใจ เอ่ยถามกับชางซูหังว่า “พี่ชาง สถานที่ที่เจ้าพูดถึงเมื่อครู่เป็นเมืองชิงหยวนใช่หรือไม่” เขารู้จักที่นั่น มันอยู่ใกล้กับสมรภูมิที่ชายแดนทางตะวันตกเฉียงเหนือมาก นับเป็นเมืองเล็กๆ ที่ชายแดนแห่งหนึ่ง
……….
ตอนที่ 572 จวนสกุลเฉียนเชิญหมอ
ตั้งแต่ไป๋จื่อฝังเข็มให้เสียนเอ๋อร์ที่โถงจี้เหริน ภาพนั้นสร้างความตื่นตาให้ผู้คน หลังจากนั้นความไม่เชื่อถือในวิชาแพทย์ของไป๋จื่อในทีแรกของทุกคน ก็แปรเปลี่ยนเป็นความสนอกสนใจ สงสัย และอยากจะลองดูสักครั้ง
เช้าวันนี้ก็เช่นกัน ประตูร้านยังไม่ทันเปิด ก็มีรถม้าจอดรออยู่ข้างนอกแล้ว
เมื่อเห็นว่ามีคนมาเปิดประตูร้าน คนรถที่เดิมทีนั่งอยู่บนรถม้าก็กระโดดลงมาทันที เขามองไป๋จื่อและจ้าวซู่เอ๋ออยู่รอบหนึ่ง ก่อนจะถามว่า พวกเจ้าเป็นเถ้าแก่เนี้ยของโถงจี้เหรินหรือ”
ไป๋จื่อพยักหน้า “ถูกต้อง เจ้ามาซื้อยาหรือ”
คนรถผู้นั้นกลับส่ายหน้า “ไม่ใช่ ข้าไม่ได้มาซื้อยา แต่มาขอให้รักษาต่างหาก ไม่ทราบว่าท่านหมอมาด้วยหรือไม่”
ไป๋จื่อชี้ตัวเอง “ข้าเป็นหมอ ใครต้องการรักษาอะไรหรือ คนอยู่ที่ใด”
“เจ้าเป็นหมอ?” คนรถคิดว่าตัวเองฟังผิดไป สตรีเบื้องหน้าเขาผู้นี้อายุอย่างมากสิบสามสิบสี่ปีเท่านั้น นางจะเป็นหมอได้หรือ หมอที่เขาเคยเห็น เด็กที่สุดก็อายุสามสิบปีแล้ว…
ไป๋จื่อยิ้มจาง “ข้าเป็นหมอ นี่คือเรื่องจริง” ทุกคนแทบจะถามนางเช่นนี้ คล้ายกับว่าทุกคนไม่เชื่อว่าแม่นางน้อยเช่นนางจะมีความสามารถรักษาใครได้
นางหมุนหายไปเปิดประตูร้านของโถงจี้เหริน จากนั้นก็เดินตรงเข้าไป
คนรถตามเข้าไป เขากล่าวกับไป๋จื่อว่า “ท่านหมอ ข้าเป็นคนรถของจวนสกุลเฉียน ฮูหยินของข้าได้ยินมาว่าที่นี่เพิ่งเปิดกิจการได้ไม่นาน และหมอที่นี่ก็มีฝีมือยอดเยี่ยม จึงให้ข้ามาเชิญท่าน ถามท่านว่าพอจะไปทำการรักษาได้หรือไม่”
จวนสกุลเฉียน?
“นายท่านของเจ้าคือพี่เขยของใต้เท้านายอำเภอกู้ เฉียนจงหยวนใช่หรือไม่” ไป๋จื่อเลิกคิ้ว
คนรถรีบตอบ “ถูกต้องๆ เฉียนจงหยวนคือนายท่านของข้า เขาเป็นมหาเศรษฐีที่เมืองจงหยวนแห่งนี้ ขอเพียงท่านรักษาคุณชายให้หายได้ ท่านจะต้องได้รับเงินมหาศาลแน่”
เงินมหาศาล? เหตุใดนางฟังวาจานี้แล้วถึงไม่รู้เชื่อเลยเล่า ด้วยนิสัยของเฉียนจงหยวน เขาจ่ายค่ารักษาตามราคาตลาดให้ก็ไม่เลวแล้ว เงินมหาศาลหรือ…เชื่อก็บ้าแล้ว
ไป๋จื่อกล่าว “ขอโทษด้วย วันนี้ข้าไม่ค่อยสบาย ออกตรวจไม่ได้หรอก” เฉียนจงหยวนผู้นี้ทำให้นางและหูเฟิงเกือบตาย แม้หูเฟิงจะชำระแค้นครั้งนั้นไปแล้ว แต่จะให้นางไปรักษาบุตรชายของเขาถึงจวน ทำเหมือนว่าไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ขอโทษด้วย นางทำไม่ได้จริงๆ
จนถึงตอนนี้นางยังจำท่าทางกำแหงของกู้ผิงฮุ่ยในวันนั้นได้ อยากให้นางไปรักษาหรือ เหอะ…นางไม่มีทางไป!
ชัดเจนว่าคนรถเป็นคนตรงไปตรงมา เมื่อเห็นว่าไป๋จื่อไม่ยอมไป เขาก็ไม่ได้พูดอะไรไม่น่าฟัง และจากไปด้วยความเสียดายเท่านั้น
จ้าวซู่เอ๋อเข้ามาใกล้ “อาจื่อ เฉียนจงหยวนที่คนผู้นั้นพูดถึงเมื่อครู่ ก็คือเจ้าของบ้านที่พวกข้าเช่าอยู่ก่อนหน้านี้ใช่หรือไม่”
ไป๋จื่อแค่นหัวเราะ “ไม่ใช่เขาแล้วจะเป็นใคร อยากให้ข้าไปตรวจให้หรือ ไม่มีทางเสียหรอก”
“ถูกต้อง คนเช่นเขาไม่คู่ควรให้เจ้ารักษาให้หรอก” จ้าวซู่เอ๋อเองก็รู้สึกโมโหกับเหตุการณ์ครั้งนั้นเช่นกัน
ทั้งสองคนยุ่งอยู่กับการทำงาน ผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วยามได้ ก็มีเสียงรถม้าดังมาจากด้านนอก ตามมาด้วยบุรุษรูปร่างสูงใหญ่ราวกับม้าหลายคน พวกเขาปรี่เข้ามาถามว่า “ใครเป็นหมอของที่นี่”
ไป๋จื่อมุ่นคิ้ว เคร่งเครียดขึ้นมาในทันที “หมอไม่อยู่ พวกเจ้ามีธุระอะไร”
บุรุษคนหนึ่งในนั้นกวาดสายตามองไป๋จื่อ ยิ้มเย็นเอ่ยว่า “ข้าว่าเจ้านั่นแหละที่เป็นหมอ แม่นางอายุสิบสามปี ในร้านนี้ก็มีเพียงเจ้าคนเดียว ไม่ใช่เจ้าแล้วจะเป็นใคร”
เด็กสาวคว้ากระเป๋าเข็มข้างๆ มา ทว่านางยังไม่ทันได้ดึงเข็มออกมา บุรุษผู้นั้นก็ถลันเข้ามา ยื่นมือมาหมายจะจับไหล่ของนาง
แม้ตอนนี้ไป๋จื่อจะมีแรงไม่มาก แต่ก็มีความคล่องแคล่วว่องไวดีมาก นางหมุนกายหลบได้ทันควัน