คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 583 เดินทางมาพันลี้เพื่ออุปถัมภ์เด็กหญิง / ตอนที่ 584 ทำอะไรก็ต้องทำให้ถึงที่สุด
- Home
- คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา
- ตอนที่ 583 เดินทางมาพันลี้เพื่ออุปถัมภ์เด็กหญิง / ตอนที่ 584 ทำอะไรก็ต้องทำให้ถึงที่สุด
ตอนที่ 583 เดินทางมาพันลี้เพื่ออุปถัมภ์เด็กหญิง
สายตาเย็นชาของเผยชิงหานมองไปทางไป๋เจินจูและเจ้าใหญ่ ทั้งสองรีบก้มหน้าลง ไม่มองเผยชิงหานแม้สักกระผีก
ในที่สุดเผยชิงหานก็หยุดสายตาลงที่ร่างของไป๋เจินจู เขาเอ่ยเสียงเย็นว่า “เจ้าก็จัดการเอาเองเถอะ แต่ต้องรู้ไว้ว่ายามที่อยากได้รับบางสิ่งบางอย่าง ก็ต้องเสียบางสิ่งบางอย่างไปถึงจะถูกต้อง จัดการเรื่องที่ควรจัดการให้เรียบร้อยเสีย แล้วเจ้าถึงจะได้รับทุกอย่างที่เจ้าต้องการ”
หลังจากทิ้งท้ายไว้เช่นนั้น เขาก็ออกจากบ้านหลังนี้ไป จางซื่อและเจ้ารองฟังแล้วรู้สึกงุนงงยิ่ง บุรุษที่มีแต่กลิ่นอายของความสูงศักดิ์ผู้นี้ แท้จริงแล้วเขาหมายความว่าอย่างไรกันแน่ จัดการอะไร แล้วต้องเสียอะไรถึงจะได้รับบางอย่าง
จางซื่อถามไป๋เจินจูว่า “เจินจู เขาเป็นใครกัน ไยยามที่เขาพูดเมื่อครู่ เขาถึงมองตรงมาที่เจ้า เขาพูดกับเจ้าหรือ แล้วเขาหมายความว่าอย่างไร”
ไป๋เจินจูเงยหน้าขึ้นมองหน้าอย่างดุดัน ไฟโทสะสุมอยู่เต็มอก “กลับมาได้จังหวะจริงเชียว เหตุใดเพิ่งกลับมาเอาป่านนี้ ข้าว่าท่านต้องจงใจแน่ๆ ไม่อยากให้ข้าได้ดีแล้วกระมัง”
ผู้เป็นมารดาชะงักงันเพราะวาจาของบุตรสาว สมองประมวลผลไม่ทัน ส่วนเจ้าใหญ่และหลิวซื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้แล้ว ในใจกลับเบิกบานยิ่ง แผนการที่ทั้งกล้าและบ้าบิ่นของพวกเขาเริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ว
ไป๋เจินจูไม่สนใจจางซื่ออีก นางหมุนกายวิ่งเข้าไปห้องไปพร้อมน้ำตา
จางซื่อถามหลิวซื่อกับหญิงชราว่า “เกิดอะไรขึ้นกันแน่ บุรุษคนเมื่อครู่เป็นใคร พวกเจ้ากำลังวางแผนอะไรกันอีก”
หลิวซื่อยิ้มกล่าว “เป็นเรื่องดีก็แล้วกัน ข้าจะบอกเจ้าให้ นายท่านคนเมื่อครู่นี้เป็นขุนนางใหญ่จากเมืองหลวง เขาบอกว่าที่บ้านของเขามีแต่บุตรชาย ไม่มีบุตรสาว จึงอยากจะขออุปถัมภ์จากพวกเราที่นี่คนหนึ่ง เขาถูกชะตากับเจินจู ทั้งยังบอกว่าต้องการพาเจินจูไปเป็นคุณหนูสุขสบายอยู่ที่เมืองหลวงด้วย”
จางซื่อได้ยินแล้วก็ยิ่งสงสัย “ขุนนางใหญ่จากเมืองหลวงมาอุปถัมภ์เด็กหญิงจากพวกเรา? ทั้งยังถูกชะตากับเจินจูอีก เขาไม่ได้มาหลอกพวกเรากระมัง” ขุนนางตำแหน่งใหญ่ที่มาจากเมืองหลวง เดินทางมาพันลี้เพื่ออุปถัมภ์เด็กหญิงที่นี่? เด็กหญิงในเมืองหลวงตายกันหมดแล้วหรือไร เป็นไปไม่ได้!
หลิวซื่อเอ่ยทันที “เจ้าไม่ต้องสนใจเรื่องพวกนั้นหรอก ข้าจะถามเจ้าคำเดียวเท่านั้น เจ้าจะยอมหรือไม่!”
จางซื่อส่ายหน้าโดยพลัน “แน่นอนว่าไม่ยอม เรื่องนี้เป็นจริงหรือเท็จก็ยังไม่ชัดเจน อีกอย่างถึงแม้จะเป็นเรื่องจริง ข้าก็ไม่มีทางยอมได้ ข้ามีบุตรสาวเพียงคนเดียว กว่าจะเลี้ยงมาจนโตไม่ใช่เรื่องง่าย เขามาพูดว่าถูกชะตากับบุตรสาวของข้า ต้องการพานางไปด้วย จากนั้นก็จะให้เขาพาไปหรือ ใต้หล้ามีเรื่องเช่นนี้ที่ไหนกัน”
“พูดจามากความ ความหมายเจ้าคือต้องการเงินใช่หรือไม่ หากต้องการเงินก็ง่ายนัก เจ้าเสนอราคาสิ จะเท่าไรเขาก็จ่ายให้เจ้าได้” หลิวซื่อยิ้มเยาะ
ครั้นจางซื่อได้ยินดังนั้น นางก็อยากจะเงื้อฝ่ามือฟาดลงไปเสียจริง “เจ้าหมายความว่าอย่างไร พูดเหมือนกับว่าข้าอยากขายบุตรสาวกินอย่างไรอย่างนั้น ข้าจะบอกเจ้าให้ ไม่มีใครรู้เบื้องลึกเบื้องหลังของคนผู้นั้น ใครจะรู้ว่าเขาเดินทางไกลมาถึงที่นี่เพื่ออะไร แม้ข้าจางซูเหมยจะยากจน แต่ก็ไม่มีทางขายบุตรสาวของตนเองเพื่อเงินเด็ดขาด ไม่มีวัน!”
หลิวซื่อรู้ว่าพักนี้จางซูเหมยใกล้ชิดกับนางเด็กสารเลวไป๋จื่อ นางย่อมไม่บอกเรื่องนับญาตินี้กับจางซูเหมยเด็ดขาด ด้วยนิสัยของจางซูเหมยผู้นี้ จะต้องนำเรื่องนี้ไปบอกไป๋จื่อแน่
เจ้ารองเห็นพี่ใหญ่และสะใภ้ใหญ่สองคนส่งสายตาหากันไม่ยอมหยุด ไม่รู้ว่ากำลังวางแผนอะไรกันอยู่ ก็พลันรู้สึกไม่สบายใจในทันที “พี่ใหญ่ สะใภ้ใหญ่ พวกเจ้ามีเรื่องอะไรปิดบังข้าอยู่ใช่หรือไม่”
เจ้าใหญ่รีบโบกมือ “ไม่มีๆ พวกข้าจะมีเรื่องอะไรปิดบังเจ้าได้ ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ”
……….
ตอนที่ 584 ทำอะไรก็ต้องทำให้ถึงที่สุด
เมื่อเจ้ารองและจางซื่อเข้าเรือนไปแล้ว หลิวซื่อและเจ้าใหญ่ก็กลับเรือนของตนเองเช่นกัน
“จะทำอย่างไรดี” หลิวซื่อถามเจ้าใหญ่
“ใกล้จะสำเร็จแล้วละ และพวกเราจะผิดพลาดไม่ได้” เจ้าใหญ่เอ่ย
“หากจางซูเหมยไม่ยอม แล้วจะจัดการอย่างไรดี ถึงแม้ใต้เท้าเผยจะแอบรับเจินจูไป แต่เมื่อสองสามีภรรยานั่นรู้ขึ้นมา ไม่ใช่ว่าจะได้รู้กันทั่วทั้งหมู่บ้านหรือ”
ใบหน้าของเจ้าใหญ่ปรากฏความชั่วร้ายแวบหนึ่ง “เช่นนั้นพวกเราก็จัดการกันเอง ทำอะไรก็ต้องทำให้ถึงที่สุดสิ”
ในใจของหลิวซื่อก็คิดเช่นนั้น ทว่านางไม่กล้าเอ่ยปากออกมาก่อน เพราะถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นพี่น้องท้องเดียวกัน
ยามนี้ได้ยินคำพูดของเจ้าใหญ่แล้ว นางก็รู้สึกสบายใจขึ้น
เจ้าใหญ่พูดอีกว่า “ก่อนใต้เท้าเผยจะออกไป เขาบอกให้เจินจูจัดการให้เรียบร้อย ข้าคิดว่าความหมายของพวกเขาก็เหมือนกันกับพวกเรานี่แหละ เจ้าดูหน้าของจางซูเหมยผู้นั้น แล้วดูหน้าของเจินจูสิ ขอเพียงจางซูเหมยยังอยู่ เรื่องที่เจินจูจะได้เป็นคุณหนูร่ำรวยก็ไม่มีทางเป็นจริงได้ แทนที่จะเป็นเช่นนั้น พวกเราจัดการนางให้สิ้นซากเสียน่าจะดีกว่า”
พักนี้หลิวซื่อโมโหจางซื่ออยู่บ่อยๆ จนแทบจะเป็นบ้าแล้ว ตอนนี้มีโอกาสเก็บกวาดอีกฝ่าย แล้วนางจะไม่ตื่นเต้นได้อย่างไร เมื่อไป๋เจินจูกลายเป็นเด็กกำพร้าอย่างสมบูรณ์ เช่นนั้นแล้วนางและเจ้าใหญ่ก็จะได้สวมรอยเป็นพ่อแม่ที่เลี้ยงเด็กสาวคนนี้มา ทุกอย่างนับว่าสมบูรณ์แบบยิ่งนัก
“แล้วพวกเราควรทำเช่นไรดี” หลิวซื่อถาม
ถึงอย่างไรเสียจางซูเหมยและเจ้ารองก็ยังมีฟู่กุ้ย พวกเขาล้วนเป็นผู้ใหญ่ ไม่ใช่แม่นางน้อยอ่อนแอเช่นไป๋จื่อ ที่จะตีสักสองสามไม้ก็หมดลมหายใจได้
เจ้ารองกล่าวว่า “ข้ามีวิธีดีๆ แล้ว อีกเดี๋ยวข้าจะเข้าเมือง ใต้เท้าเผยจะต้องพักอยู่ในโรงเตี๊ยมที่ดีที่สุดอย่างแน่นอน ข้าจะไปขอเงินจากเขาเสียหน่อย ซื้อ ‘บางสิ่งบางอย่าง’ กลับมา หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็จุดไฟเผาบ้านหลังนี้ ถึงตอนนั้นพวกเราก็ไปเสวยสุขกับเจินจูกัน”
หลิวซื่อได้ฟังดังนั้นก็ดีใจจนเนื้อเต้น ก่อนหน้านี้นางคิดสมองแทบระเบิดว่าจะจัดการอย่างไรดี ทว่าเรื่องราวในวันนี้ กลับทำให้นางต้องมองเจ้าใหญ่ใหม่แล้วจริงๆ
ทั้งสองคนปรึกษาเรื่องนี้กันอย่างดิบดี ก่อนที่เจ้าใหญ่จะรีบร้อนออกจากบ้านไป เมื่อเห็นเจ้าใหญ่ออกไปแล้ว หญิงชราก็ปรี่เข้ามาที่ห้องของหลิวซื่อทันที “เมื่อครู่พวกเจ้าสองแอบหลบมากระซิบกระซาบอะไรกันอยู่ในห้อง” นางแอบฟังอยู่ข้างนอกตลอด แต่ไม่รู้ว่านางหูตึง หรือเสียงสนทนาของสองคนนี้เบาเกินไป จึงไม่ได้ยินอะไรเลยสักอย่าง
‘จัดการหญิงชราผู้นี้ให้ตายไปด้วยน่าจะดีกว่า ต่อไปจะได้ไม่ต้องดูแลนางอีก’ หลิวซื่อคิดในใจ
นางโบกมือ “ไม่ได้กระซิบกระซาบอะไรกันเลยเจ้าค่ะ พวกข้าไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น”
ไหนเลยหญิงชราจะเชื่อ เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้จะไม่ใช่ความคิดของพวกเขาได้อย่างไร
“เจ้าบอกข้ามาตามตรง เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่” หญิงชราถาม
หลิวซื่อส่ายหน้า “ท่านแม่ เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าพวกข้าพูดแล้วจะเป็นไปตามนั้น ท่านไม่ได้ยินหรือเจ้าคะ จางซูเหมยพูดออกมาชัดเจนแล้วว่าไม่มีทางยอมเด็ดขาด พูดอะไรก็ไม่ยอม นางคลอดเจินจูออกมาเอง ไม่ใช่ข้า แล้วข้าจะตัดสินให้นางได้หรือเจ้าคะ”
หญิงชราแค่นหัวเราะ “เจ้ารองก็เป็นลูกที่ข้าคลอดออกมาเองเหมือนกัน แล้วข้าจะตัดสินแทนพวกเขาไม่ได้เลยหรือ”
“เช่นนั้นท่านก็อย่ารอช้าเลยเจ้าค่ะ ไปลองคุยกับพวกเขาดูเถอะ ดูว่าจางซูเหมยจะยอมให้ท่านเป็นคนตัดสินให้หรือไม่” หลิวซื่อยิ้มกล่าว
หลังจากนั้นหญิงชราก็ไม่ได้พูดอะไรอีก นางออกจากห้องของหลิวซื่อ ทว่าไม่ได้ไปหาจางซูเหมย เพราะนางรู้แจ้งแก่ใจดีว่าจางซูเหมยไม่มีทางฟังนางแน่ โดยเฉพาะหลังจากแยกบ้านไปแล้ว สะใภ้รองผู้นี้ยิ่งเห็นวาจาของนางเป็นเพียงเสียงผายลม ไม่เห็นนางอยู่ในสายตาอยู่แล้ว
นางรู้สึกโมโหยิ่งนัก ขณะเดียวกันก็เสียดายมาก โอกาสดีเช่นนี้จะต้องหายไปหรือนี่!