คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 587 คุณหนูตระกูลใหญ่ / ตอนที่ 588 ช่วยชีวิต
ตอนที่ 587 คุณหนูตระกูลใหญ่
ซาลาเปาบนโต๊ะเหลืออยู่สองลูก พวกเขาคิดเหลือไว้ให้เจินจู หลิวซื่อจึงหยิบซาลาเปาออกมาข้างนอก
“เจ้าจะทำอะไร” เจ้าใหญ่ถาม
หลิวซื่อหันกลับไปมองสามี เอ่ยเสียงเบาว่า “เมื่อครู่แม่ของเจ้าบอกว่ากินไม่อิ่ม ข้าจะนำซาลาเปาสองลูกนี้ไปให้นาง”
เจ้าใหญ่เบิกตาโพลงโดยพลัน “เจ้าว่าอะไรนะ”
หลิวซื่อแค่นหัวเราะเสียงเย็น “เป็นอะไรไป ตัดใจไม่ได้หรือ ป่านนี้แล้ว จู่ๆ เจ้าก็เกิดความกตัญญูขึ้นมาหรือไร เจ้าอย่าได้ลืมเสียล่ะ ว่าเจ้ารองก็เป็นน้องชายที่คลานออกมาจากท้องของแม่เจ้าเช่นกัน หากนางรู้เรื่องพวกนี้ นางจะไว้ชีวิตเจ้าหรือไร”
ในใจของเจ้าใหญ่ขบคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ เพราะถึงอย่างไรหญิงชราก็เป็นแม่ผู้ให้กำเนิดเขา นางปฏิบัติดีกับเขาเสมอมา จะให้เขาตัดสินใจเช่นนี้ในตอนนี้ เขาย่อมทำใจลำบากยิ่งนัก
“เจ้าคิดดีแล้วหรือยัง” หลิวซื่อถาม
ทว่าเจ้าใหญ่กลับไม่ตอบ
หลิวซื่อเอ่ยทันทีว่า “เช่นนั้นข้าจะไปแล้ว”
เจ้าใหญ่ยังคงไม่พูดจา แต่ก็ไม่ได้ขวางนางไว้ เอาแต่ก้มหน้าลง
‘แม่แล้วอย่างไร สุดท้ายก็สู้ความร่ำรวยรุ่งโรจน์ไม่ได้อยู่ดี’ หลิวซื่อเยาะเย้ยอยู่ในใจ
หลิวซื่อนำซาลาเปาไส้หมูสับสองลูกไปถึงในห้องของหญิงชราแล้ว
หญิงชราดีใจมาก เมื่อครู่นางอยากกินเนื้อผัดไฟแดงใจจะขาด ซาลาเปาก็ได้กินไปเพียงลูกเดียวเท่านั้น นางจึงรู้สึกว่ากินเนื้อยังไม่จุใจ
หลิวซื่อเห็นแม่สามีกินซาลาเปาลงไปคำแล้วคำเล่า ก่อนที่นางจะเริ่มออกอาการกระอักเลือดและล้มลงไป ในใจของหลิวซื่อรู้สึกสงบอย่างน่าประหลาด ไม่มีความหวั่นไหวใดแม้สักนิด นางคิดว่าการฆ่าคนเป็นเรื่องที่ยากมาก คิดไม่ถึงเลยว่ามันจะง่ายดายถึงเพียงนี้
ขณะนี้เจ้าใหญ่จุดไฟเผาบ้านแล้ว ก่อนจะเรียกต้าเป่าและเสี่ยวเฟิงมารวมตัวกัน รวมทั้งพาหลิวซื่อและเจินจูมาด้วย พวกเขารีบออกจากเรือนไป แล้ววิ่งหนีจากหมู่บ้านนี้อย่างสุดชีวิต
ยามวิ่งถึงหน้าหมู่บ้าน ไป๋เจินจูหันกลับไปมอง เห็นทิศทางบ้านของตนเองมีกลุ่มควันหนาแน่น นางพลันได้สำนึกขึ้น สลัดมือของหลิวซื่อ “ท่านพ่อกับท่านแม่ยังอยู่ในนั้น ข้าจะกลับไปช่วยพวกเขา”
หลิวซื่อปรี่เข้าไปดึงเด็กสาวไว้ “เจ้าบ้าไปแล้วหรือ กลับไปตอนนี้ก็ไม่ทันหรอก หรือเจ้าไม่อยากเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่แล้ว”
ไป๋เจินจูสติกระเจิดกระเจิง นางอยากเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ ทว่านางก็ไม่อยากให้พ่อและแม่ของนางต้องถูกไฟคลอกตายเช่นกัน
“ป้าสะใภ้ ไยท่านต้องวางเพลิงด้วย พวกเราตกลงกันแล้วไม่ใช่หรือ ว่าจะวางยาให้พวกเขาเล็กน้อย พวกเราจะได้จากไปได้สะดวก เหตุใดท่านต้องวางเพลิงด้วย” นางกล่าวพร้อมตาแดง
หลิวซื่อเถียงข้างๆ คูๆ “ข้าไม่ได้วางเพลิง อาจจะเป็นเพราะเตาไฟในครัวยังไม่มอด มันลามขึ้นมากระมัง พวกข้าจะวางเพลิงได้อย่างไรกัน”
ตอนนี้ไป๋เจินจูจิตใจไม่อยู่กับเนื้อตัว จึงไม่รู้ว่าควรเชื่อพวกเขาดีหรือไม่ แม้นางจะอยากไปช่วยพ่อกับแม่ ทว่านั่นเท่ากับตัดใจทิ้งโอกาสที่จะได้เป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ นางควรจะทำเช่นไรดี
เจ้าใหญ่ก้าวไปข้างหน้า จับข้อมือของไป๋เจินจูไว้ “ยังลังเลอะไรอยู่อีก หากไปไม่ทันยามเซิน ใต้เท้าเผยต้องไม่รอพวกเราแน่ ตอนนี้พวกเราไม่มีบ้านแล้ว ต่อไปก็มีแต่จะอดตาย เจ้าอยากให้เช่นนั้นใช่หรือไม่”
เขากับหลิวซื่อลากไป๋เจินจูไป นางเองก็ไม่ขัดขืน ปล่อยให้พวกเขาลากไปแต่โดยดี ทว่าก็หันหลังกลับไปมองอยู่บ่อยครั้ง เห็นเพียงควันดำจากไฟที่เผาบ้านเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ นางรู้ว่าพ่อและแม่ของนางต้องไม่มีชีวิตรอดแล้วเป็นแน่
หรือนี่จะเป็นสิ่งที่นางต้องเสียไป เช่นที่ใต้เท้าเผยพูดเอาไว้
ก่อนที่จะได้บางสิ่งบางอย่างมา ก็จำต้องเสียอะไรไปบ้างเสียก่อน นี่ใช่ราคาที่นางต้องจ่ายหรือไม่
คนในหมู่บ้านเห็นสกุลไป๋มีไฟลุกโชน ต่างก็รีบมาช่วยเหลืออย่างพร้อมเพรียง คนที่ใจกล้าเห็นไฟแรงก็ไม่เกรงกลัว พุ่งเข้าไปตามหาคน เห็นบ้านรองนอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้น เป็นตายไม่ทราบได้ ด้านในควันหนาหนักจนแทบจะหายใจไม่ออก จึงนำคนออกมาก่อนค่อยว่ากัน
……….
ตอนที่ 588 ช่วยชีวิต
“ยังมีคนอื่นอีกหรือไม่ ไยไม่มีพวกบ้านใหญ่กับเจินจูเลยเล่า เจ้าหาละเอียดแล้วใช่หรือไม่”
คนผู้นั้นเหนื่อยล้าและสำลักควัน เขาโบกมือ “หาจนทั่วแล้ว มีเพียงแค่พวกเขาสี่คนเท่านั้น ไม่มีคนอื่นอยู่แล้ว”
บ้านของสกุลไป๋อยู่ใกล้กับแม่น้ำมาก ทุกคนช่วยกันตักน้ำกันคนละไม้ คนละมือ จนควบคุมไฟได้อย่างไม่น่าเชื่อ แม้ไฟจะเผาไหม้ข้าวของในบ้านจนเสียหายไปบ้าง ทว่าตัวบ้านก็ยังคงอยู่
หัวหน้าหมู่บ้านได้ข่าวก็รีบมา ครั้นเห็นสถานการณ์เบื้องหน้า เขาก็ให้คนไปเชิญหมอลู่มาทันที
หมอลู่แค่มองครั้งเดียว ไม่ได้ตรวจสอบชีพจร ก่อนจะมองสีหน้าและเลือดสีดำคล้ำที่มุมปาก เขาตัดสินว่าพวกเขาถูกพิษ ไม่ใช่สลบไปเพราะสำลักควัน
“เร็ว ส่งพวกเขาไปที่โถงจี้เหริน ที่นั่นไป๋จื่อมียาถอนพิษชั้นดี ตอนนี้ขอเพียงมีไป๋จื่ออยู่ก็ย่อมช่วยพวกเขาได้” หมอลู่ตะโกนบอก
หัวหน้าหมู่บ้านให้คนลากรถเทียมวัวมาทันที โดยมีหมอลู่ร่วมเดินทางไปด้วย มุ่งหน้าไปยังโถงจี้เหรินพร้อมกัน
ครั้นมาถึงโถงจี้เหริน หญิงชราก็หมดลมหายใจไปแล้ว ถึงอย่างไรเสียนางก็อายุมากที่สุด อีกทั้งกินซาลาเปาไปสองลูกเต็ม กระดูกแก่ๆ นี้ของนางจึงต้านไม่ไหว
หลังจากไปจื่อตรวจอาการทั้งสามคน นางก็ให้พวกเขากินยาถอนพิษที่เพิ่งหลอมใหม่ทันที ควบรวมกับการฝังเข็มถอนพิษ
หมอลู่อยากช่วย ด้วยการเรียนรู้วิธีฝังเข็มของไป๋จื่อ ทว่านางฝังเข็มรวดเร็วมากเหลือเกิน เขาตามนางไม่ทันโดยสิ้นเชิง ทำได้เพียงแต่สิ่งที่ทำได้ ช่วยส่งข้าวของต่างๆ ให้นางก็เท่านั้น
ยามที่ฝังเข็มให้ทั้งสามคนเสร็จสิ้น ท้องฟ้าข้างนอกก็มืดสนิทลงแล้ว ไป๋จื่อเหนื่อยล้า ปวดทั้งเอวและหลัง จึงเหยียดตัวตรงไม่ได้อยู่นาน
นางถามหัวหน้าหมู่บ้านว่า “เกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ ใครวางยาพิษให้พวกเขา”
สีหน้าของหัวหน้าหมู่บ้านพลันเปลี่ยนไป “เจ้าว่าอะไรนะ วางยาพิษ? พวกเขาไม่ได้เป็นเช่นนั้นเพราะสำลักควันไฟหรือ”
ไป๋จื่อส่ายหน้า “แน่นอนว่าไม่ใช่เจ้าค่ะ พวกเขากินยาเบื่อหนูเข้าไป โชคดีที่พิษของยาเบื่อหนูนี้ยังแรงไม่พอ ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงจะหมดลมหายใจไปนานแล้ว ขืนช้ากว่านี้อีกเพียงนิดเดียว ข้าก็หมดหนทางช่วยเช่นกัน”
“ยาเบื่อหนู?” หัวหน้าหมู่บ้านหันไปมองหมอลู่
หมอลู่พยักหน้า “ไป๋จื่อพูดถูกต้อง เป็นยาเบื่อหนู จำบุตรสาวคนโตของสกุลหวังในหมู่บ้านของพวกเราได้หรือไม่ ปีก่อนนางก็กินยาเบื่อหนูเข้าไปเช่นกัน อาการของนางในตอนนั้นเหมือนพวกเขาสามคนไม่มีผิดเพี้ยน น่าเสียดายที่ข้าไม่แตกฉานในวิชาแพทย์ ไม่สามารถช่วยนางได้ ทำได้แค่มองนางตายจากไป เฮ้อ…” เรื่องที่ยากที่สุดของคนเป็นหมอ เกรงว่าจะเป็นการต้องทนมองผู้ป่วยตายไปด้วยความทรมาน ทว่าตนเองกลับช่วยอะไรไม่ได้เลย
หัวหน้าหมู่บ้านเข้าใจแจ่มแจ้ง “จริงด้วย ข้านึกออกแล้ว หากพูดเช่นนั้นก็คล้ายคลึงกันจริงๆ ทว่าก็น่าแปลกทีเดียว สกุลไป๋ของพวกเขายากจนนัก แม้กระทั่งข้าวก็ไม่มีจะกิน ยังต้องซื้อยาเบื่อหนูมาวางยาหนูด้วยหรือ หรือว่าที่บ้านของพวกเขาก็มีหนูด้วย”
“บ้านใหญ่ไปไหนกันหมดเล่า ไป๋เจินจูด้วย” ไป๋จื่อถามทันใด
“เจ้าพูดขึ้นมาแล้วข้าถึงรู้สึกแปลกๆ ตอนที่ไฟไหม้สกุลไป๋ ในบ้านนอกจากพวกเขาสี่คนนี้ก็ไม่เห็นคนอื่นแล้ว” หัวหน้าหมู่บ้านด้วยความฉงน
ไป๋จื่อถอนใจเสียงหนึ่ง “ทุกเรื่องย่อมมีเหตุและผล พวกเขาไม่มีทางถูกพิษโดยไม่มีเหตุผลแน่ บ้านก็ไม่มีทางไหม้ขึ้นมาเองโดยไม่มีเหตุผลเช่นกัน ยิ่งเมื่อนำสองเรื่องนี้มาทับซ้อนกันแล้วก็ยิ่งน่าสงสัย ทว่าจะพูดอะไรตอนนี้ยังเร็วเกินไป ต้องหาคนอื่นในสกุลไป๋ให้พบก่อนถึงจะใช้ได้”
หมอลู่มองหัวหน้าหมู่บ้าน “ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน ข้าว่าเรื่องนี้มันแปลกๆ อาจจะเป็นคดีฆาตกรรมก็ได้ ข้าเสนอว่าควรร้องเรียนขอรับ”
หัวหน้าหมู่บ้านพยักหน้า “ก็ดีเหมือนกัน พรุ่งนี้เจ้าก็ไปร้องเรียนเถอะ หากเย็นนี้บ้านรองฟื้นขึ้นมาได้ก็ยิ่งดี ถึงตอนนั้นพวกเราค่อยถามพวกเขาว่าแท้จริงเกิดอะไรขึ้นกันแน่”