คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 589 หญิงชราไม่อยู่แล้ว / ตอนที่ 590 ซีเยว่บุก
ตอนที่ 589 หญิงชราไม่อยู่แล้ว
ไป๋จื่อส่ายหน้า “ดูท่าคืนนี้คงยังไม่ฟื้นเจ้าค่ะ อย่างน้อยน่าจะเป็นพรุ่งนี้เช้า ยังต้องฝังเข็มถอนพิษอีกครั้งหนึ่งด้วยเจ้าค่ะ”
บัดนี้จางซานสุ่ย น้องชายของจางซื่อมาแล้ว เขารีบร้อนเข้ามาในโถงจี้เหริน ระหว่างทางวิ่งมาจึงเหงื่อแตกเต็มหน้าผาก เสื้อผ้าบนร่างล้วนเปียกชุ่ม หายใจหอบเหนื่อย “พี่สาวของข้าเล่า พี่สาวและพี่เขยของข้าเป็นอย่างไรบ้าง”
ไป๋จื่อกำลังเก็บข้าวของ หัวหน้าหมู่บ้านที่นั่งอยู่ในมุมร้านจึงรีบเข้ามาใกล้ กล่าวกับจางซานสุ่ยว่า “ซานสุ่ยเอ๋ย เจ้าอย่าเพิ่งร้อนใจไป ไป๋จื่อช่วยพี่สาวของเจ้าได้แล้ว ไม่เป็นไรแล้วละ เพียงแต่ตอนนี้นางยังไม่ฟื้น เกรงว่าคงจะสลบจนถึงพรุ่งนี้”
จางซานสุ่ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก “เช่นนั้นพี่เขยของข้ากับฟู่กุ้ยเล่า เขาเป็นอย่างไรบ้าง”
“ทุกคนไม่เป็นไรแล้ว ไป๋จื่อช่วยพวกเขาทุกคนนั่นแหละ จะมีก็แต่หญิงชราสกุลไป๋เท่านั้นที่ทนไม่ไหว เพิ่งมาถึงที่นี่ก็หมดลมหายใจไปแล้ว พวกข้ากำลังคิดว่าจะพาพวกเขากลับไป เจ้ามาได้จังหวะทีเดียว ตอนนี้อาศัยอยู่ที่สกุลไป๋ไม่ได้แล้ว ก็ให้บ้านของเจ้ารองไปอยู่กับเจ้าสักสองสามวันก่อน ส่วนร่างของหญิงชราก็ไว้ที่สกุลไป๋ พรุ่งนี้เจ้ารองฟื้นแล้วค่อยตัดสินใจ” หัวหน้าหมู่บ้านกล่าว
ฝ่ายจางซานสุ่ยก็พยักหน้ารับ พี่สาวของตนไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว เดิมทีเขากำลังทำงานอยู่ในที่ดิน ครั้นกลับมาก็ได้ยินว่าเกิดเรื่อง จึงวิ่งมาที่นี่ตลอดทางโดยไม่คิดชีวิต จนเกือบจะเข้าประตูเมืองไม่ได้ เขาขอร้องผู้คุมประตูอยู่นาน อีกฝ่ายถึงจะปล่อยเขาเข้ามา
“ทว่าตอนนี้ประตูเมืองปิดแล้ว พวกเราออกไปไม่ได้เช่นกัน”
ไป๋จื่อเก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ว นางถือล่วมยาของตนเดินออกไป “ไม่เป็นไร ข้ารู้จักกับผู้คุมประตูเมือง แค่บอกกล่าวสักคำก็ใช้ได้ เขาจะให้พวกเราออกไปเจ้าค่ะ”
มีครั้งหนึ่งที่พวกนางปิดร้านช้า พวกผู้คุมประตูเมืองขวางพวกนางไว้ ตอนนั้นนางมอบเหรียญเงินให้พวกเขาเล็กน้อย ต่อมามีครั้งหนึ่งที่นางกับเถ้าแก่เฉินออกจากเมืองไปพร้อมกัน เหล่าผู้คุมประตูเมืองพบพวกเขาเข้าพอดี คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าหัวหมู่ผู้คุมประตูเมืองจะเป็นญาติคนหนึ่งของเถ้าแก่เฉิน จากนั้นนางถึงได้รู้จักเขา ตอนนั้นเขากล่าวว่าหากนางจะออกจากเมือง ไม่ว่าจะเป็นเวลาใดล้วนได้ทั้งสิ้น แค่บอกกล่าวเขาคำเดียวเท่านั้น
ถึงอย่างไรเสียที่นี่ก็เป็นเมืองเล็กๆ บริเวณชายแดน การจัดการจึงไม่นับว่าเข้มงวดมาก ไม่เหมือนกับเมืองหลวง ที่นั่นหากอยากจะออกไปข้างนอกในยามวิกาล ไม่มีคำสั่งที่เขียนด้วยมือของขุนนางก็ไม่มีทางออกไปได้โดยเด็ดขาด จะติดสินบนกี่ตำลึงก็ไม่ได้ผล
รถม้าคันหนึ่งตามมาด้วยรถเทียมวัวคันหนึ่ง หญิงชราที่บัดนี้ร่างแข็งทื่อแล้วนอนอยู่ในรถเทียมวัว ส่วนคนอื่นเบียดกันอยู่ในรถม้า ต่อให้เป็นคนใจกล้าบ้าบิ่นเพียงไร แต่จะให้เบียดร่างอยู่กับศพหนึ่งเช่นนั้นก็ออกจะน่ากลัวเกินไปอยู่บ้าง
ครั้นกลับมาถึงสกุลไป๋ พวกเขาวางร่างของหญิงชราลงก่อน แล้วตั้งใจค้นหาทั้งด้านในและนอกบ้านอย่างละเอียด แต่ก็ยังคงไม่มีวี่แววของบ้านใหญ่และไป๋เจินจู
หัวหน้าหมู่บ้านกล่าวว่า “น่าแปลกจริงเชียว บ้านใหญ่หายไปไหนกันหมด แม้กระทั่งเจินจูก็หายไปด้วยหรือนี่”
คนดีในหมู่บ้านบางคนหลับไม่ลง รอคอยพวกเขากลับมาอยู่ตลอด ครั้นเห็นว่ามีแสงไฟจากคบเพลิงสว่างขึ้นที่ตรงนี้ ก็พากันรวบรวมความกล้าล้อมหน้าล้อมหลังเข้ามา
“ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน เจ้ารองเป็นอย่างไรบ้าง เขาไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่” คนหนึ่งถามขึ้น
หัวหน้าหมู่บ้านออกมาจากในลานบ้าน กล่าวกับคนผู้นั้นว่า “เจ้ารองไม่เป็นอะไรแล้ว ช่วยชีวิตเขากลับมาได้ จางซื่อกับฟู่กุ้ยก็ไม่เป็นอะไรเช่นกัน มีเพียงหญิงชราที่ทนไม่ไหว ตอนนี้นางจากไปแล้ว”
คนผู้นั้นถอนหายใจด้วยความเสียดาย ก่อนจะถามอีกว่า “เจ้าใหญ่กลับมาแล้วใช่หรือไม่”
“ยังไม่กลับมา ไม่รู้ว่าเขาไปที่ใดเช่นกัน” หัวหน้าหมู่บ้านส่ายหน้า
“ก่อนหน้านี้ข้าเห็นเขา พวกเขาทั้งครอบครัวพาเจินจูไปด้วย ออกจากหมู่บ้านไปแล้ว มุ่งหน้าไปทางใต้ขอรับ” คนผู้นั้นพูดอีก
ออกจากหมู่บ้านไปทางใต้ นั่นเป็นทิศทางของเมืองชิงหยวน พวกเขาเข้าเมืองหรือ ถึงแม้จะเข้าเมืองไป ยามนี้ก็ควรกลับมาได้แล้วกระมัง
ไป๋จื่อถามคนผู้นั้นว่า “ตอนที่พวกเขาไป พวกเขานำข้าวของไปด้วยหรือไม่”
……….
ตอนที่ 590 ซีเยว่บุก
ทว่าคนผู้นั้นกลับส่ายหน้า “ข้ามองเห็นไม่ชัด เหมือนจะไม่ได้นำไปด้วย เจินจูเห็นว่าสกุลไป๋ไฟไหม้ ดูเหมือนอยากจะกลับไป แต่กลับถูกเจ้าใหญ่และหลิวกว้าหัวพาตัวไป ตอนนั้นข้าแปลกใจทีเดียว ที่บ้านไฟโหมเช่นนั้น ไยพวกเขาไม่อยู่ช่วยดับไฟ ไม่รู้ว่าไปที่ไหนกัน”
คำพูดของเขาทำให้สีหน้าของไป๋จื่อและคนอื่นๆ เริ่มเปลี่ยนไป เขาไม่รู้ว่าบ้านรองถูกวางยา จึงรู้สึกแปลกใจถึงเพียงนี้ ทว่าพวกไป๋จื่อรู้ และเมื่อเชื่อมโยงทุกอย่างเข้าด้วยกัน คำตอบของเรื่องนี้ก็แทบจะปรากฏชัดเจนแล้ว…
หัวหน้าหมู่บ้านกล่าว “พรุ่งนี้เช้าข้าจะไปร้องเรียน หากพวกเขาเป็นคนทำ เช่นนั้นก็ใจดำเกินไปแล้ว”
ใจดำ? ไป๋จื่อถอนใจ ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงพาจ้าวซู่เอ๋อกลับบ้านไป
จ้าวซู่เอ๋อถามเสียงเบา “ดูแล้วคนวางยาคงจะเป็นเจ้าใหญ่กระมัง”
ไป๋จื่อพยักหน้า “แปดเก้าส่วนเป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะ”
“เพราะเหตุใดกัน ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย ตอนนี้เจ้ารองและจางซูเหมยขยันขันแข็งมาก หาเงินได้ไม่น้อย แต่พวกเขาบ้านใหญ่กลับไม่มีข้าวกิน ฤดูหนาวนี้แทบจะอาศัยบ้านรองจนพอรอดชีวิตมาได้ พวกเขาฆ่าบ้านรองทั้งครอบครัวแล้ว พวกเขาจะได้ประโยชน์อะไรกัน ยังไม่พูดถึงเผาบ้านของตัวเองอีก ถึงพวกเขาจะหนีรอดไปได้ แต่พวกเขาจะทำมาหากินอะไร ขอทานหรือ” จ้าวซู่เอ๋อสงสัย
ทว่าไป๋จื่อกลับส่ายหน้า “เรื่องนี้ต้องมีเหตุผลอื่นแน่ เพียงแต่พวกเรายังไม่รู้เท่านั้นเอง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเรา พวกเราใช้ชีวิตของตนเองให้ดีก็พอแล้ว เรื่องของพวกเขาสกุลไป๋ ก็ให้พวกเขาสกุลไป๋จัดการกันเองเถอะเจ้าค่ะ”
…
เช้าวันรุ่งขึ้น ไป๋จื่อฝังเข็มให้บ้านรองเสร็จแล้ว ก็เข้าเมืองไปพร้อมกับจ้าวซู่เอ๋อ
เพิ่งจากผ่านยามอู่ไม่นาน ไป๋จื่อเห็นว่าในร้านไม่ค่อยมีลูกค้าเข้า จึงตัดสินใจจะเข้าไปนอนที่หลังร้าน ทว่าขณะกำลังจะปิดประตูร้าน ก็เห็นเฉินไท่เหรินรีบร้อนมาทางนี้ เขาวิ่งจนเหงื่อแตก ครั้นเห็นหน้านางก็เรียกทันที “อาจื่อ เจ้าอยู่ที่นี่พอดีเลย เร็วเข้า รีบมากับข้าเถอะ”
ไป๋จื่อไม่เข้าใจ “หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ จะไปที่ใด” คราวนี้นางถึงพบว่าคนบนถนนต่างก็วิ่งกัน อีกทั้งวิ่งอย่างสุดชีวิต ไม่รู้ว่ากำลังวิ่งหนีผีจากที่ไหน
เฉินไท่เหรินเอ่ยด้วยความร้อนรน “แคว้นซีเยว่ส่งทัพทหารหลายพันนายข้ามเขตแดนมาจากเทือกเขาลั่วอิง ชางบ้านในหมู่บ้านละแวกนี้ถูกจับ ถูกสังหาร พวกเขาใกล้จะบุกเข้ามาถึงในเมืองแล้ว พวกเราต้องรีบหนีแล้วละ ขืนชักช้าจะไม่ทันกาลเอา”
เตาอุ่นในมือไป๋จื่อหล่นลงบนพื้นดัง ‘เพล้ง’ สีหน้าเปลี่ยนไปฉับพลัน นางเรียกจ้าวซู่เอ๋อที่อยู่ร้านข้างๆ “พี่สะใภ้ เกิดเรื่องแล้ว รีบออกมาเถอะ”
จ้าวซู่เอ๋อกำลังเย็บตุ๊กตาผ้า เมื่อได้ยินเสียงเรียกของไป๋จื่อ นางก็วางงานในมือลงทันที ก่อนจะวิ่งออกไปข้างนอก “มีอะไรหรือ เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
นางจับมือของจ้าวซู่เอ๋อไว้ ร้อนใจจนตาแดงก่ำ “ทัพซีเยว่บุกเข้ามาแล้ว เกรงว่าหมู่บ้านของพวกเราน่าจะพบหายนะแล้วเช่นกัน พวกเราต้องรีบกลับไปนะเจ้าคะ กลับไปตอนนี้”
เมื่อจ้าวซู่เอ๋อได้ยินดังนั้น นางก็ตกใจจนแทบจะเป็นลม น้าหลานและหรูเอ๋อร์ยังอยู่ที่หมู่บ้าน หากเกิดเรื่องขึ้นจริงๆ จะทำอย่างไร จะทำอย่างไรดี
เถ้าแก่เฉินจับหมับที่ข้อมือของไป๋จื่อ “อาจื่อ เจ้าต้องคิดอ่านให้รอบคอบ กลับไปตอนนี้ไม่เท่ากับส่งตัวเองไปตายหรือไร”
ไป๋จื่อส่ายหน้า “ข้าไม่สน ข้าต้องไปช่วยแม่ของข้า ยังมีหรูเอ๋อร์อีก นางยังเด็ก ข้าต้องกลับไป อย่าขวางทางข้าเลยเจ้าค่ะ” นางสลัดมือเฉินไท่เหรินออก แล้วรีบร้อนจูงรถม้าเข้ามา ก่อนจะประคองจ้าวซู่เอ๋อที่กำลังเข่าอ่อนขึ้นรถม้าไป “พี่สะใภ้ใจเย็นๆ ก่อนนะเจ้าค่ะ พวกเขาอาจจะยังบุกมาไม่ถึงหมู่บ้านหวงถัวของพวกเราก็ได้ พวกเราไปตอนนี้อาจจะยังทัน”