คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 595 แก้แค้น / ตอนที่ 596 หลบหนี
ตอนที่ 595 แก้แค้น
ตอนต้มโจ๊กก็ยังคงมีคนจับจ้องนาง นางซ่อนซองกระดาษที่ใส่ผงยาไว้ในแขนเสื้อพักใหญ่แล้ว ครั้นคนโจ๊กก็ให้ผงยานั้นไหลงลงไปจากแขนเสื้อทีละเล็ก ทีละน้อย มือของนางคอยคนโจ๊กอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งผงยาเป็นสีขาว เมื่อสาดมันลงไปทีละนิดเช่นนี้ จะมองด้วยตาเปล่าจึงเป็นเรื่องยาก นางทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนผงยาทั้งซองหมดเกลี้ยง โจ๊กนี้ก็ถือว่าต้มเสร็จพอดี
เมื่อต้มโจ๊กเสร็จแล้ว ไป๋จื่อตักให้ตนเองก่อนถ้วยหนึ่ง เสนอว่าจะช่วยพวกเขาชิมดูก่อน
ทหารได้กลิ่นหอมของโจ๊ก จนไม่รู้ว่าท้องของตนเองร้องไปกี่ครั้งแล้ว และเขาก็รู้เช่นกันว่าข้าวพวกนี้เป็นข้าวที่เหลือสุดท้ายแล้ว หมดวันนี้ไป พรุ่งนี้พวกเขาก็ต้องกินมันเทศย่างเช่นกัน แล้วในเวลาเช่นนี้ เขาจะตัดใจให้ไป๋จื่อถ้วยหนึ่งได้อย่างไรกัน
จากนั้นก็มีทหารสองคนมายกโจ๊กไป ทหารสามร้อยนายแบ่งกันคนละถ้วย ทว่าจนสุดท้ายแล้วเหลืออยู่สิบกว่าคนที่ไม่มีโอกาสได้กิน ทำได้เพียงย่างมันเทศกินกับพวกชาวบ้าน
ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง ไป๋จื่อแอบขยับกายเข้าไปหาหูจ่างหลิน แล้วส่งมีดผ่าตัดเล่มบางและเล็กให้เขา ก่อนจะกล่าวเสียงเบาว่า “ข้าใส่ยาลงไปในโจ๊กที่พวกเขากิน อีกเดี๋ยวก็น่าจะออกฤทธิ์แล้ว ทว่ามีอีกสิบกว่าคนที่ไม่ได้กิน ท่านใช้มีดนี้ตัดเชือกให้พวกชาวบ้าน แล้วบอกพวกเขาว่าเมื่อถึงเวลาแล้ว พวกเราจะรับมือกับทหารสิบกว่านายด้วยกัน พวกเราคนมากกว่า ไม่จำเป็นต้องกลัว หากไม่สู้สุดใจสักครั้ง พวกเราทุกคนก็ต้องตายอยู่ที่นี่”
หูจ่างหลินเข้าใจแล้ว เขาทำตามคำบอกของไป๋จื่อทันที คนที่ถูกมัดอยู่ในขณะนี้เป็นบุรุษหนุ่มในหมู่บ้านที่แข็งแกร่งทั้งสิ้น พวกเขามีไฟโทสะสุมอยู่ในอกตั้งนานแล้ว เมื่อได้ยินคำพูดของหูต่างหลิน แต่ก็ละคนก็เลือดร้อนเต็มที่ ถูกต้อง หากไม่สู้สุดใจสักครั้ง อนาคตข้างหน้าก็มีแต่ความตายแล้ว ตอนนี้ลองสู้ดูสักครั้ง อาจจะมีโอกาสรอดชีวิตไปได้
ไป๋จื่อเข้าไปใกล้กลุ่มหญิงสาว ตัดเชือกที่มัดพวกนางอยู่ทีละคน ตอนที่เข้าไปใกล้จ้าวหลาน นางร้องเรียกท่านแม่เสียงเบาๆ ครั้งหนึ่ง ทำเอาจ้าวหลานตัวสั่นเทา น้ำตาไหลลงมาอย่างควบคุมไม่อยู่ ก่อนหน้านี้นางก็รู้สึกว่าเด็กคนนี้ดูคุ้นตาอยู่เช่นกัน ยิ่งมองก็ยิ่งเหมือนจื่อเอ๋อร์ ทว่านางไม่ยอมรับ และไม่อยากยอมรับด้วยเช่นกัน นางยอมให้เด็กคนนี้ไม่ใช่จื่อเอ๋อร์ยังจะดีเสียกว่า
แต่นางคือจื่อเอ๋อร์ นางคือจื่อเอ๋อร์อย่างแท้จริง
“ท่านแม่ ข้ามาช่วยพวกท่านแล้ว ไม่ต้องกลัวนะเจ้าคะ อีกเดี๋ยวพวกเราก็จะเป็นอิสระแล้ว” นางลูบไหล่ของจ้าวหลานเบาๆ
จ้าวหลานกลั้นเสียงสะอื้น “เจ้าเด็กโง่ ช่างไม่รักตัวกลัวตายเลยจริงๆ!”
ไป๋จื่อยิ้ม “หากไม่มีท่านแม่ แล้วชีวิตของข้าจะยังมีประโยชน์อะไร”
น้ำตาของจ้าวหลานไหลพรั่งพรูหนักกว่าเดิม นางจับมือไป๋จื่อไว้แน่น ความหวาดกลัวก่อนหน้านี้หายไปจนหมดเกลี้ยง ความกล้าหาญที่ไม่เคยมีมาก่อนรวมกลุ่มอยู่บริเวณหน้าอกอย่างเต็มเปี่ยม มีบุตรสาวอยู่ที่นี่แล้ว นางก็ไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น
ทหารคนหนึ่งพบว่าทางนี้เกิดความผิดปกติ จึงรีบรุดมาทันที “เฮ้ย…พวกเจ้ากำลังทำอะไรอยู่” เขาถือดาบมาด้วย เตรียมจะชักมันออกจากฝักตลอดเวลา
เสี่ยวเฟิงและหูจ่างหลินลุกขึ้นยืน เหล่าบุรุษที่เดิมทีนั่งยองอยู่บนพื้นก็ลุกขึ้นยืนเช่นกัน
ในบรรดาหญิงสาวเหล่านั้น ส่วนใหญ่เป็นภรรยาและบุตรสาวของพวกเขา แล้วพวกเขาจะนั่งนิ่งดูดายได้อย่างไร
นายทหารเห็นดังนั้น ก็ร้องตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยวทันที “สามหาวนักพวกเจ้า!” เขาชักดาบออกจากฝักในทันที กำลังจะร้องเรียกเพื่อนทหารที่อยู่ไกลออกไป แต่จู่ๆ กลับรู้สึกว่าวิงเวียนและหน้ามืดเสียก่อน บัดนี้โลกทั้งใบกำลังหมุนวนไม่ยอมหยุด จนกระทั่งเขาล้มลงบนพื้นและสลบไป…
เหล่าทหารที่อยู่ไกลๆ ก็มีอาการเช่นเดียวกัน ต่างก็ล้มพับไปอย่างพร้อมเพรียง
สุดท้ายก็เหลือนายทหารเพียงสิบกว่าคน ที่กำลังยืนงุนงงอยู่ที่เดิม ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ไป๋จื่อลุกขึ้นยืน ตะโกนบอกกับชาวบ้านทุกคนว่า “ไปหยิบอาวุธ ฆ่าพวกเขาให้หมด แก้แค้นให้ญาติและสหายของพวกเรา”
……….
ตอนที่ 596 หลบหนี
บ้านไหนไม่มีคนชราบ้าง แล้วบ้านไหนไม่มีพ่อแม่บ้าง ยามพ่อแม่ของพวกเขาที่เป็นไม้ใกล้ฝั่งถูกพวกคนป่าเถื่อนบ้าเลือดเหล่านี้ฆ่าตาย พวกเขาล้วนโกรธแค้น เจ็บปวด แม้จะอยากแก้แค้นเพียงไร แต่พวกเขากลับไม่มีความสามารถจะทำได้
แต่ตอนนี้โอกาสมาถึงแล้ว ใครเล่าจะทนไหว
เหล่าบุรุษถลันไปข้างหน้า ส่วนเหล่าสตรีที่ใจกล้าก็ตามพวกเขาไป ไป๋จื่อให้จ้าวหลานดูแลหรูเอ๋อร์ ส่วนนางเก็บดาบเล่มยาวขึ้นมาจากบนพื้น ย่างสามขุมเข้าไปหาคนเหล่านั้น
นายทหารสิบกว่าคนถูกล้อมไว้ด้วยบุรุษหลายสิบคน ส่วนสตรีก็รับผิดชอบ ‘จัดการ’ คนที่สลบไปแล้วเหล่านั้น
เมื่อสตรีฮึดสู้ขึ้นมาก็ไม่ต่างอะไรกับบุรุษ โดยเฉพาะหญิงสาวที่ถูก ‘รังแก’ หลายคน พวกนางยิ่งไม่มีทางออมมือแม้แต่น้อย ราวกับว่าพลังของเลือดและคมดาบทำให้บาดแผลในหัวใจ รวมถึงบาดแผลบนร่างกายของพวกนางได้รับการฟื้นฟูขึ้นมาบ้าง
ไม่นานเท่าไรนัก ในป่าบริเวณนี้ก็เต็มไปด้วยเลือดคาวคละคลุ้ง ศพกองเป็นภูเขา หลังจากสังหารทุกคนจนเหี้ยนแล้ว พวกเขาก็รีบหนี ทว่าพวกเขาไม่รู้จักทางในป่าแห่งนี้โดยสิ้นเชิง วิ่งๆ ไปก็เริ่มหลงทางอยู่ในภูเขาลูกใหญ่นี้
ไป๋จื่อบอกให้ทุกคนหยุดก่อน กล่าวว่า “พวกเราวิ่งหนีเช่นนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว อย่าว่าแต่ออกจากป่าผืนนี้เลย พวกเราน่าจะเหนื่อยตายกันเสียก่อน เอาอย่างนี้ดีกว่า พวกเราพักผ่อน จุดกองไฟ พวกสัตว์ป่าจะได้ไม่มาเข้าใกล้ด้วย เมื่อฟ้าสางแล้วพวกเราค่อยออกเดินทางกันอีกครั้ง”
ทุกคนต่างก็เหนื่อยล้าจนทนแทบไม่ไหว เมื่อคิดได้ว่าทหารจากแคว้นศัตรูตายเกลี้ยงแล้ว พวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกกลัวเหมือนเดิมอีก ยิ่งยินดีทำตามข้อเสนอของไป๋จื่อ
ลมยามค่ำคืนเย็นยะเยือกยิ่งกว่าเวลากลางวัน ทว่าหัวใจของทุกคนกลับรุ่มร้อน ไม่มีใครนอนหลับ และไม่มีใครพูดอะไร เพียงรอให้ค่ำคืนนี้ผ่านพ้นไปอย่างเงียบเชียบเช่นนี้
ครั้นรุ่งสาง พวกเขาก็เริ่มออกเดินทางอีกครั้ง แต่ละคนต่างก็รู้สึกสดใจยิ่งกว่าเมื่อวานมาก
พวกเขายังคงหาเส้นทางกลับไปไม่ได้ จึงหลงทิศทางอยู่ในป่าเขานี้เช่นเดิม
จนกระทั่งลูกกวางตัวหนึ่งวิ่งผ่านไป พวกเขาหมายจะจับลูกกวางตัวนี้มากินประทังชีวิต เมื่อวิ่งตามมันไปตลอดทาง กลับวิ่งออกจากป่าแห่งนี้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ด้านนอกป่าเป็นที่ว่างระหว่างหุบเขาอันรกร้างและไร้ผู้คน นอกจากทุ่งหญ้ากว้างไหลสุดลูกหูลูกตาแล้ว ก็ไม่มีสิ่งใดอื่นอีก
“ที่นี่ที่ไหนกัน” มีคนถามขึ้นมา แต่กลับไม่มีใครตอบคำถาม เห็นได้ชัดว่าที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่พวกเขาคุ้นเคย
พวกเขาเดินทางอยู่ในป่าเป็นเวลาสี่วัน จึงออกจากสถานที่ที่พวกเขาเคยคุ้นเคยมาไกลแล้ว ที่นี่คือที่ใด แคว้นฉู่ หรือว่าจะเป็นแคว้นซีเยว่
หากเป็นแคว้นฉู่ พวกเขาก็ไม่ต้องกลัวอะไร อย่างไรก็ต้องหาทางกลับไปจนได้ แต่หากเป็นแคว้นซีเยว่ เช่นนั้นแล้วควรจะทำอย่างไรดี
ไป๋จื่อกล่าวกับทุกคนว่า “พวกเราเดินทางกันเป็นกลุ่มใหญ่ ง่ายต่อการพบเห็นนัก หากเป็นแคว้นฉู่ก็ช่างเถอะ แต่หากเป็นอาณาเขตของซีเยว่ เมื่อมีใครพบพวกเราเข้า พวกเราย่อมตกอยู่ในสถานการณ์สุ่มเสี่ยง ข้าเสนอให้ทุกคนแยกกันเดินทาง เช่นนี้ขนาดของเป้าหมายจะได้ลดลงหน่อย”
ทุกคนไม่มีความเห็นใด เดินทางเป็นกลุ่มใหญ่แช่นนี้เป็นที่จับจ้องได้ง่ายกว่าจริงๆ แยกทางกับทุกคนเป็นหนทางที่ดีกว่า
ไป๋จื่อแยกแยะทิศทางโดยการมองดวงอาทิตย์บนท้องฟ้า แม้จะไม่แม่นยำนัก แต่ก็ไม่มีทางแยกแยะเหนือใต้ผิดไปได้แน่
“พกเราเดินไปทางใต้กันเถอะ!” ไป๋จื่อบอกกับจ้าวหลาน
จ้าวหลานย่อมไม่มีความเห็นอื่น นางล้วนฟังตามบุตรสาวของนาง หูจ่างหลินและเสี่ยวเฟิงก็พยักหน้าเช่นกัน
หรูเอ๋อร์ดึงแขนเสื้อของไป๋จื่อ “พี่ไป๋ แม่ของข้าอยู่ที่ใด ข้าที่คิดถึงท่านแม่แล้ว”
ไป๋จื่อนั่งยองลง บอกกับหรูเอ๋อร์ว่า “หรูเอ๋อร์เด็กดี แม่ของเจ้าไปตามพ่อของเจ้าให้มาช่วยพวกเราแล้ว พวกเราหาที่พักหลับนอนและกินข้าวกันก่อน อีกไม่นานพ่อและแม่ของเจ้าก็จะมาหาแล้ว”
เมื่อหรูเอ๋อร์ได้ยินเช่นนั้น นางก็ยิ้มแป้นด้วยความปีติโดยพลัน “ท่านพ่อก็จะมาด้วยหรือ เช่นนั้นก็ดียิ่งนัก ข้าไม่ได้พบท่านพ่อมานานมากแล้ว”
ไป๋จื่อลูบศีรษะเด็กหญิง ในใจรู้สึกหวาดหวั่น เพราะพวกเขาจะมาได้หรือไม่ และจะมาถึงเมื่อไร นางไม่มีทางรู้ได้เลย…