คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 611 ชุดใหม่ของบุตรสาว / ตอนที่ 612 ดาวนำโชค
ตอนที่ 611 ชุดใหม่ของบุตรสาว
ตงฟางมู่เอ่ยว่า “หรือเขาอาจจะเป็นพวกเดียวกับคนสารเลวนั่น หากเป็นพวกเขาที่ร่วมมือกันทำร้ายบุตรีของข้า ข้าไม่มีทางไว้ชีวิตพวกเขาแน่”
ไป๋จื่อไม่ได้ตอบอะไร นางมองท่าทางหัวเสียของตงฟางมู่ พาให้นึกถึงความโศกเศร้าเพราะบุตรีป่วยหนักเมื่อคืนวานของเขา เพื่อตามหาหมอมือดีให้บุตรี เขารอจนถึงค่อนคืน เหนื่อยล้าแล้วก็ไม่ยอมนอน นางรู้สึกอิจฉายิ่งนัก อิจฉาที่ตงฟางหว่านเอ๋อร์มีบิดาที่รักนางสุดหัวใจเช่นนี้
หากเจ้าสามสกุลไป๋ยังไม่ตาย ตนก็คงจะมีบิดาเช่นนี้บ้างกระมัง!
แล้วบิดาที่แท้จริงของนางบนโลกใบนี้เป็นคนเช่นไรกัน
ตงฟางหว่านมู่ค่อยๆ ระงับโทสะ แล้วพูดกับไป๋จื่อว่า “วันนี้หว่านเอ๋อร์เป็นเช่นไรบ้าง”
ไป๋จื่อหันกลับไปมองเรือนที่เปิดประตูกว้าง พลางถอนใจว่า “คล้ายกับเมื่อวานขอรับ อีกเดี๋ยวข้าจะออกใบสั่งยาให้นาง หลังจากกินยาของข้าแล้ว นางก็จะค่อยๆ สดใสขึ้นขอรับ”
ตงฟางมู่ถอนใจบ้าง “หากบนโลกนี้มียาวิเศษที่รักษาอาการของหว่านเอ๋อร์ได้ ข้ายอมเสียเงินทั้งสกุลเพื่อซื้อมา ถึงแม้ว่ามันจะมีค่าเหนือชีวิตของข้า ข้าก็จะไม่เสียดายเลยสักนิด”
ไป๋จื่อมืองชายชราที่อยู่เบื้องหน้า ในใจรู้สึกอึดอัดนัก นางอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มพูดจากตรงไหน จึงปิดปากเงียบไม่พูดจาเสียเลย
ครั้นตงฟางมู่ไปแล้ว ไป๋จื่อก็เขียนใบสั่งยาให้ตงฟางหว่านเอ๋อร์ นางเคี่ยวยาด้วยตนเอง และมองอีกฝ่ายกินมันทีละช้อน
ตกบ่าย ตงฟางหว่านเอ๋อร์สดใสขึ้นมากจริงๆ ตามที่คาดไว้
“ยานี้ของเจ้าไม่เลวเลย ข้ารู้สึกว่าตัวเองลงจากเตียงได้แล้ว” ตงฟางหว่านเอ๋อร์เลิกผ้าห่ม หมายจะลงจากเตียงไปเดินเล่น
แต่ชุ่ยเอ๋อร์รีบถึงผ้าห่มกลับมา “ฮูหยิน ร่างกายท่านอ่อนแอ ขณะนี้ลมแรงมาก ออกไปไม่ได้นะเจ้าคะ”
ไป๋จื่อกลับกล่าวว่า “ข้าว่าข้างนอกอากาศดีไม่หยอก เมื่อครู่มีลมแรงก็จริง แต่ตอนนี้ลมอ่อนลงมากแล้ว เดินเล่นในลานบ้านดูสักหน่อยก็ได้ขอรับ”
ตงฟางหว่านเอ๋อร์ฉีกยิ้มกว้างในทันที พูดกับชุ่ยเอ๋อร์ว่า “ได้ยินแล้วกระมัง ยังไม่รีบไปนำชุดคลุมมาอีก”
ชุ่ยเอ๋อร์จนใจ ทำได้เพียงนำเสื้อคลุมมาสวมให้ฮูหยิน แล้วค่อยประคองนางลงจากเตียง หลังจากเดินไปได้หลายก้าว ตงฟางหว่านเอ๋อร์รู้สึกกระปรี้กระเปร่ากว่าปกติเล็กน้อย จึงดันร่างชุ่ยเอ๋อร์ออก แล้วก้าวเดินด้วยตนเอง
เมื่อเดินอยู่ในลานบ้านได้รอบหนึ่งแล้ว นางก็ให้คนยกเก้าอี้บุนวมมา “ชุ่ยเอ๋อร์ ไปนำอุปกรณ์เย็บปักของข้ามาที”
ชุ่ยเอ๋อร์ไม่ยอมทำตามคำสั่ง “ฮูหยิน ท่านเพิ่งจะอาการดีขึ้นเพียงเล็กน้อย จะปล่อยให้ตนเองเหนื่อยไม่ได้นะเจ้าคะ”
“ก็แค่ทำสิ่งที่ข้าชอบทำเท่านั้น จะเหนื่อยสักเท่าไรกันเชียว รีบไปนำมาเถอะ”
ด้วยความจนใจ ชุ่ยเอ๋อร์ทำได้เพียงเดินออกไป ไม่นานนักก็ถือตะกร้าใบหนึ่งกลับมา
นอกจากอุปกรณ์จำพวกเข็มและด้ายหลากสีสันแล้ว ในตะกร้าก็มีชุดที่ยังทำไม่เสร็จอยู่ชุดหนึ่งด้วย
รูปแบบของชุดงดงามสดสวย ด้านบนปากลายดอกเหมยอันประณีตอยู่มากมาย น่ามองเป็นอย่างยิ่ง
ทว่าสีสันของมันแตกต่างกับชุดที่ฮูหยินใส่เป็นประจำโดยสิ้นเชิง ดอกเหมยเช่นนี้ควรจะเป็นดอกไม้ที่เหมาะกับแม่นางน้อย นางทำชุดนี้ให้ใครกัน
ไป๋จื่อรู้สึกใคร่รู้ จึงถามขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ “ฝีมือเย็บปักของฮูหยินน่าดูชมยิ่ง ชุดนี้งดงามเหลือเกินขอรับ”
ตงฟางหว่านเอ๋อร์ประคองชุดในมือ พลางทอดถอนใจ “นี่เป็นชุดที่ข้าทำให้บุตรีของข้า หากนางยังมีชีวิตอยู่ ก็คงจะสวมใส่ชุดขนาดนี้ได้พอดิบพอดีเชียว”
หัวใจของไป๋จื่อกระตุกวูบ “ในเมื่อนางไม่อยู่แล้ว ไยท่านถึงยังทำชุดนี้อยู่อีกเล่า”
แม้ไป๋จื่อจะถามขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทว่าตงฟางหว่านเอ๋อร์กลับไม่ถือโทษ เพียงเงยหน้ามองเด็กหนุ่มเบื้องหน้า แล้วยิ้มว่า “เจ้าไม่เข้าใจหรอก หากเจ้าเป็นสตรี หากเจ้าแต่งให้ใครสักคน คลอดบุตรออกมาแล้วเจ้าถึงจะเข้าใจ ว่าการได้มองลูกของตัวเองสวมชุดที่ตัวเองทำให้กับมือนั้น เป็นความสุขมากมายถึงเพียงใด”
……….
ตอนที่ 612 ดาวนำโชค
นางหยุดไปพักหนึ่ง แล้วกล่าวอีกว่า “ถึงแม้ลูกของข้าจะไม่อยู่แล้ว แต่ข้าก็จะนำความตั้งใจของข้าใส่ลงไปในเสื้อผ้าชุดนี้ เมื่อถึงวันที่ข้าต้องจากโลกใบนี้ไป ข้าจะนำเสื้อผ้าเหล่านี้ไปกับข้าด้วย หากได้พบลูกของข้าในปรโลก ไม่ว่านางจะเติบใหญ่เพียงใด ข้าล้วนมีเสื้อผ้าให้นางสวมใส่ ดียิ่งนัก!”
ชุ่ยเอ๋อร์ตาแดง ทว่าไป๋จื่อกลับน้ำตานองหน้า
นางลอบเช็ดน้ำตาที่หางตาทิ้งไป พลางลอบสาบานอยู่ในใจ ว่าหากนางเป็นเด็กคนนั้น นางจะต้องสวมเสื้อผ้าชุดนี้อย่างแน่นอน เพื่อขจัดความทุกข์ตรมในรอยยิ้มของฮูหยินผู้นี้ นางจะทำให้มารดาที่แท้จริงผู้นี้มีความสุขเสียที
“ข้าว่าหากบุตรสาวของท่านรู้ว่าท่านรักนางมากถึงเพียงนี้ นางจะต้องดีใจมากแน่นอนขอรับ”
ตงฟางหว่านเอ๋อร์ยิ้มจาง นิ้วมือประคองเข็มเล่มบาง บรรจงปักลายดอกเหมยทีละฝีเข็ม
แม้นางจะไม่รู้ว่าเมื่อสิบสามปีก่อนเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่นางรู้ว่าสตรีตรงหน้าผู้นี้รักลูกมาก และคิดว่าลูกของตนเองตายไปแล้ว
แต่ความเป็นจริงอาจจะยังไม่ตายก็ได้
จู่ๆ ไป๋จื่อก็ถามชุ่ยเอ๋อร์ว่า “วันนี้เป็นวันที่เท่าไรหรือ”
“วันนี้เป็นวันที่สิบสาม อีกสิบกว่าวันก็ปีใหม่แล้ว เจ้าลืมวันลืมคืนไปแล้วหรือนี่” ชุ่ยเอ๋อร์เอ่ย
“ข้าลี้ภัยมาตลอดทาง จึงจำวันที่ไม่ได้ มีชีวิตรอดมาได้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว” ไป๋จื่อกล่าวยิ้มๆ
ตงฟางหว่านเอ๋อร์พลันถามนาง “เกิดอะไรขึ้นที่บ้านของเจ้ารึ เหตุใดต้องลี้ภัยด้วย”
ไป๋จื่อเล่า “พูดขึ้นมาแล้วก็ช่างเป็นหายนะที่มาเยือนอย่างกะทันหันเสียจริง พวกข้าเป็นคนหมู่บ้านหวงถัว ข้าและพี่สะใภ้ของข้าเปิดร้านค้าอยู่ในเมืองสองร้าน แม้จะไม่อาจนับได้ว่าเป็นครอบครัวที่ร่ำรวยอะไร แต่ก็มีชีวิตสุขสบายดี ใครจะรู้ว่าวันนั้น…”
เมื่อฟังเรื่องเล่าจากไป๋จื่อจบ ตงฟางหว่านเอ๋อร์รู้สึกสะเทือนใจมาก ชุ่ยเอ๋อร์ยิ่งมองเขาด้วยสายตาชื่นชม
“หมายความว่าเจ้านำชาวบ้านเหล่านั้น ฆ่าทัพศัตรูจากแคว้นซีเยว่จนเกลี้ยง แล้วจึงหนีออกมาจากในป่าหรือ”
ไป๋จื่อพยักหน้า “ขอรับ แต่ใครจะรู้ว่าพวกข้าจะหลงทางด้วย เดินวนอยู่หลายวันถึงจะเดินออกจากป่าได้ หลังจากออกมาแล้วก็แยกแยะทิศทางไม่ออก แม้กระทั่งไม่รู้ว่าบริเวณที่ตนเองอยู่คือแคว้นใด ทุกคนทำได้เพียงแยกทางกัน จะได้ไม่ถูกใครจับจ้องอีก ครอบครัวของข้าเดินไปเดินมา ก็เดินมาถึงเมืองฉีนี่แหละขอรับ”
“มิน่าเล่า ข้ามองปราดเดียวก็รู้ว่าเจ้าไม่เหมือนคนธรรมดาทั่วไป” ชุ่ยเอ๋อร์ยิ้มว่า
ไป๋จื่อเองก็ขบขัน “ข้าว่าสายตาของเจ้าในตอนนั้น เกรงว่าจะมองข้าเป็นขอทานกระมัง ย่อมไม่เหมือนคนธรรมดาทั่วไปอยู่แล้ว แต่เป็นขอทานอย่างแท้จริง”
วาจาของไป๋จื่อพาให้ตงฟางหว่านเอ๋อร์หัวเราะขึ้นมา บัดนี้นางยิ้มไม่หุบ ความมืดมนในดวงตาคล้ายกับหายไปจนสิ้น
ตงฟางมู่ยืนมองภาพนี้อยู่ข้างนอก คล้ายกับได้รับการปลอบประโลมจิตใจ เขาไม่ได้เห็นบุตรียิ้มกว้างเช่นนี้มานานเท่าไรแล้วนะ
ไป๋จื่อผู้นี้ ช่างเป็นดาวนำโชคเสียจริง!
เขาก้าวเข้ามาในลานบ้านด้วยความเบิกบานใจ “พวกเจ้ากำลังคุยอะไรกันอยู่ ไยสนุกสนานกันถึงเพียงนี้”
ตงฟางหว่านเอ๋อร์เห็นบิดาเข้ามา นางก็วางผ้าปักในมือลง แล้วลุกขึ้นรินชาให้เขาถ้วยหนึ่ง “ท่านพ่อ เชิญนั่งเจ้าค่ะ”
ตงฟางมู่นั่งลง ฝ่ายตงฟางหว่านเอ๋อร์กำลังจะเล่าเรื่องราวของไป๋จื่อให้เขาฟัง ทว่ายังไม่ทันได้เอ่ยปาก ก็มีชายชราผู้หนึ่งเดินเข้ามาจากข้างนอก เป็นพ่อบ้านของคฤหาสน์ฉีอวิ๋นแห่งนี้นี่เอง
พ่อบ้านกล่าวกับตงฟางมู่ว่า “นายใหญ่ ในวังส่งจดหมายมาขอรับ ม้าเร็วเร่งฝีเท้ามาส่งเลยทีเดียว บอกว่าเป็นจดหมายด่วน”
ตงฟางมู่ผุดกายลุกขึ้น แล้วตามพ่อบ้านไปทันที
…
ในห้องหนังสือ องครักษ์ที่มาส่งจดหมายกำลังรอคอย เมื่อเห็นตงฟางมู่เข้ามา พวกเขาก็รีบทำความเคารพทันใด
ตงฟางมู่โบกมือ “ไม่ต้องมากพิธี จดหมายเล่า รีบส่งมาเร็ว!”