คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 663 ศัตรู / ตอนที่ 664 พรหมลิขิต
ตอนที่ 663 ศัตรู
เห็นได้ชัดว่าเซียงอี๋เหนียงไม่พอใจ นางคิดว่าตงฟางหว่านเอ๋อร์จะเป็นเช่นเคย โบกมืออย่างเย็นชาให้นางไปพ้นๆ จา ากสายตา และไม่ใส่ใจโดยสิ้นเชิงว่านางจะทำความเคารพหรือไม่
ทว่าท่าทางในวันนี้แตกต่างไปจากเดิม ตงฟางหว่านเอ๋อร์ไม่ได้ไล่นางไป แต่กลับยืนอยู่ที่หน้าประตูอย่างเงียบๆ ด ดวงตาคู่งามจดจ้องมาที่ตน ราวกับว่ากำลังรออะไรบางอย่าง
เซียงอี๋เหนียงกลอกตาครั้งหนึ่ง ก่อนจะยื่นมือไปสะกิดไป๋เจินจูที่อยู่ข้างกาย ยิ้มเจื่อนว่า “คุณหนูใหญ่ ฮูหยินมา าแล้ว เหตุใดเจ้าไม่ทักทายสักหน่อยเล่า”
ไป๋เจินจูอยากจะแทรกแผ่นดินหนีเสียจริงๆ กลัวอะไรมักเจอสิ่งนั้น เมื่อเผชิญหน้ากับตงฟางหว่านเอ๋อร์ นางไม่กล้าแ แม้แต่จะเงยหน้าด้วยซ้ำ ในใจหวาดกลัวอย่างมาก เดิมทียังอยากหลบอยู่ด้านหลังของเซียงอี๋เหนียงด้วยซ้ำไป ทว่าตอนนี เซียงอี๋เหนียงกลับดึงตัวนางออกมา…
นางเดินไปถึงเบื้องหน้าของตงฟางหว่านเอ๋อร์อย่างงกๆ เงิ่นๆ ร้องเรียกท่านแม่เสียงสั่นเครือ
สายตาของตงฟางหว่านเอ๋อร์กวาดมองมาทางนางอย่างเยือกเย็น น้ำเสียงยิ่งเย็นยะเยือกยิ่งกว่าลมยามเช้าในเดือนสองอี กต่างหาก “ช่างกล้า!”
ช่างกล้า?
นี่หมายความว่าอย่างไร ไป๋เจินจูชะงักค้าง แล้วรีบหันหน้าไปมองเซียงอี๋เหนียงเป็นการขอความช่วยเหลือ
เซียงอี๋เหนียงก็แปลกใจเช่นกัน สตรีนางนี้คิดถึงบุตรีจนแทบบ้า เหตุใตตอนนี้บุตรียืนอยู่ตรงหน้าตนกลับไม่มีป ปฏิกิริยาอะไรแม้สักนิด แล้วยังพูดว่าช่างกล้าหรือนี่
นางเดินไปข้างหน้าสองสามก้าว กล่าวกับตงฟางหว่านเอ๋อร์ว่า “ฮูหยิน นางคือคุณหนูใหญ่ที่นายท่านเพิ่งพบตัว เลื อดเนื้อเชื้อไขของท่าน”
ตงฟางหว่านเอ๋อร์ส่ายหน้า “นางไม่ใช่บุตรีของข้า หากนางเป็นบุตรีของข้าจริง เหตุใดถึงคลุกคลีกับศัตรูของข้าเล ล่า”
ศะ ศัตรู?
ไป๋เจินจูพลันโง่งม ใครเป็นศัตรูของนางกัน เซียงอี๋เหนียงหรือ
ทว่าเหตุใดนางถึงไม่รู้!
เซียงอี๋เหนียงยิ้มขื่น “พี่หญิงช่างพูดล้อเล่นเสียจริง ไหนเลยที่นี่จะมีศัตรูของท่าน อย่าได้พูดเช่นนั้นเลย เจ้าค่ะ ใครได้ยินเข้าจะมีแต่หัวเราะเยาะเอา”
ตงฟางหว่านเอ๋อร์แค่นหัวเราะ สายตาที่มองเซียงอี๋เหนียงมีแต่จะเย็นชาขึ้น ราวกับมีมีดกรีดใบหน้าของเซียงอี๋เห หนียงครั้งแล้วครั้งเล่า จนเลือดและเนื้อปนกันเลอะเลือน เนื้อแท้เผยออกมาให้เห็น
“วันนี้เป็นวันที่ข้าตงฟางหว่านเอ๋อร์มีความสุขมาก จึงจะไม่คิดบัญชีกับเจ้าชั่วคราว แต่เจ้าจงจำไว้ ข้าตงฟางหว่าน เอ๋อร์เคยเสียเปรียบให้เจ้า เคยได้รับความไม่เป็นธรรมจากเจ้า ข้าจะเอาคืนจากเจ้าเป็นเท่าตัว”
ครั้นกล่าวจบ นางก็หมุนกายออกไป เหลือแต่เพียงเซียงอี๋เหนียงที่มีใบหน้างุนงง
ตงฟางหว่านเอ๋อร์ออกมาแล้ว นางเหลือบเห็นไป๋จื่อและคนอื่นๆ ยังคงอยู่ข้างนอกโดยตลอด ไม่มีความคิดจะเข้าไป จึงถามว่ า “พวกเจ้าจะไม่พบหน้าไป๋เจินจูสักหน่อยหรือ”
ไป๋จื่อยิ้มว่า “ยิ่งปีนขึ้นสูง ตกลงมาก็มีแต่จะยิ่งเจ็บตัว ให้นางปีนเถอะเจ้าค่ะ เมื่อถึงเวลานั้นแล้วให้นา างลองชิมรสชาติของการตกลงจากปุยเมฆสู่ดินเลนดีกว่า แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้วเจ้าค่ะ”
ตงฟางหว่านเอ๋อร์หัวเราะเบาๆ พลางจับมือนางไว้ “ข้าล้วนแล้วแต่เจ้า เอาละ พวกเราไปเลือกผ้ากันดีกว่า ใกล้จะปีใหม ม่แล้ว ต้องสวมเสื้อผ้าใหม่ถึงจะถูก”
ทุกคนเข้าไปในห้องรับรองขนาดใหญ่ที่สุดด้วยการนำทางของพนักงาน มีพนักงานนำผ้าชุดใหม่ล่าสุดในร้านออกมาให้พวกเ เขาเลือกไม่ขาดสาย อีกทั้งมีช่างปักและช่างตัดเสื้อเข้ามาวัดตัวพวกเขาไม่หยุดหย่อน วุ่นวายอยู่นานทีเดียว
ส่วนเซียงอี๋เหนียงและไป๋เจินจูที่อยู่ในห้องรับรองอีกห้องหนึ่ง กลับหมดอารมณ์จะตัดชุดแล้ว
เผยเซี่ยเฉินดึงแขนเสื้อของมารดาอย่างเบามือ ถามเสียงเบาว่า “ท่านแม่ ท่านไม่ใช่บอกว่าตงฟางหว่านเอ๋อร์ผู้นั้น นมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานหรือ วันนี้นางดูไม่เห็นเหมือนคนป่วยเลยนะเจ้าคะ”
ฝ่ายเซียงอี๋เหนียงมุ่นคิ้ว “ข้าเองก็กำลังกลุ้มใจอยู่ ตามหลักการแล้วร่างกายของนางอยู่ในช่วงวิกฤติจริงๆ แต ต่ใครจะรู้ว่าเพียงเดือนเดียวเท่านั้น นางกลับเปลี่ยนแปลงได้ถึงเพียงนี้ หรือตงฟางมู่จะพบหมอเทวดาคนหนึ่งเข้าจ จนได้”
……….
ตอนที่ 664 พรหมลิขิต
ไป๋เจินจูคอตกไม่เอ่ยวาจา นางรู้ดีอยู่แก่ใจว่าหมอเทวดาที่ว่านั่นก็คือไป๋จื่ออย่างแน่นอน ทว่านางจะกล้าพูดช ชื่อนี้ออกมาได้อย่างไร
ทั้งสามนั่งอยู่สักพักหนึ่ง เซียงอี๋เหนียงรู้สึกคับข้องใจมาก จึงเอ่ยว่า “พวกเราไปเถอะ วันนี้เลือกผ้าได้พอประ ะมาณแล้ว”
นางเรียกพนักงานมาคิดเงิน ทั้งสามคนตัดชุดไปทั้งหมดสิบหกชุด เผยเซี่ยเฉินคนเดียวเลือกไปได้แปดชุด สี่ชุดเป็นช ชุดฤดูหนาว ส่วนที่เหลือเป็นชุดฤดูใบไม้ผลิ
เซียงอี๋เหนียงเลือกห้าชุด เป็นชุดฤดูหนาวสอง ชุดฤดูใบไม้ผลิสามชุด
ส่วนไป๋เจินจูยังไม่ค่อยคุ้นชิน กว่าจะเลือกได้ทั้งหมดสามชุดจึงไม่ใช่เรื่องง่าย เป็นชุดฤดูหนาวทั้งหมด
ทั้งหมดเป็นเงินแปดร้อยแปดสิบตำลึงเงิน เซียงอี๋เหนียงพกตั๋วเงินออกมาเพียงสามร้อยตำลึง เงินไม่พอจ่าย จึงให้ พนักงานไปคิดบัญชีอีกครั้งที่จวนโหวในตอนเย็น
พนักงานรับปาก เรื่องนี้เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้งในหอเทียนอี เวลาเหล่าฮูหยินและคุณหนูออกจากบ้าน ทั่วไปแล้วจะไม่ พกเงินติดตัวมากนัก ยามที่เลือกเสื้อผ้าได้สมใจอยากแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นเงินมากกว่าที่ตนพกมา จึงให้ไปคิดบัญชีท ที่จวนอยู่เสมอ
ทั้งสามคนเดินตามกันออกจากห้องรับรอง ก่อนจะเห็นบุรุษร่างสูงใหญ่หลายคนเดินขึ้นมาจากชั้นล่าง ที่เดินอยู่ข้าง งหน้าสุดสวมชุดคลุมสีดำทั้งตัว ผึ่งผายและองอาจ หล่อเหลาไม่ธรรมดา
เพียงแค่ไป๋เจินจูเห็นคนผู้นี้ ดวงตาของนางก็ทอประกายโดยพลัน จึงเร่งฝีเท้าก้าวไปข้างหน้า เผลอเรียกออกมาว่า “ “หูเฟิง?”
หูเฟิงหยุดฝีเท้า แล้วเหล่มองผู้ที่เรียกชื่อเขา นางดูคุ้นตาอยู่บ้าง แต่เขานึกไม่ออกในทันทีว่าเป็นผู้ใด
อาอู่ที่ตามอยู่ด้านหลังเอ่ยว่า “นี่ไม่ใช่แม่นางไป๋หรอกหรือ”
“แม่นางไป๋? แม่นางไป๋คนใดกัน” หูเฟิงขมวดคิ้ว
ไป๋เจินจูเห็นอาอู่แล้ว คราวนี้นางถึงได้รู้ตัวว่าตนเองไม่ควรบุ่มบ่ามเลย บัดนี้เรื่องใหญ่มาถึงตัวเสียแล้ว
อาอู่พูดอีกว่า “บุตรสาวของเจ้ารองและจางซื่อ ไป๋เจินจู ท่านจำไม่ได้หรือขอรับ”
หูเฟิงเคยพบไป๋เจินจูอยู่หลายครั้ง แต่ไม่เคยมองเห็นนางอยู่ในสายตา ไหนเลยจะจำได้ว่านางเป็นผู้ใด เมื่ออาอู่ เตือนเช่นนี้ เขาก็พลันนึกได้ทันที ตอนที่อยู่ที่คฤหาสน์ตงฟางก่อนหน้านี้ อาจารย์บอกว่าเผยชิงหานพบหมู่บ้านหว วงถัวก่อนพวกเขาก้าวหนึ่ง และรับไป๋เจินจูมาที่เมืองหลวง อุปโลกน์ให้นางเป็นคุณหนูใหญ่สกุลเผย ช่างน่าหัวร่อเส สียจริง
หูเฟิงหวากสายตามองเซียงอี๋เหนียงและเผยเซี่ยเฉินที่กำลังหน้าแดงเถือก ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ “ทั้งสองท่านคงจะ เป็นเซียงอี๋เหนียงและคุณหนูรอง ของจวนชางหยวนโหวกระมัง”
เซียงอี๋เหนียงมุ่นคิ้ว มองไป๋เจินจูด้วยความไม่พอใจอย่างมาก จากนั้นก็ถามหูเฟิงในทันที “ไม่เคยได้ยินว่าในเมือ องหลวงมีสกุลหูด้วย?”
หูเฟิงหัวเราะเบาๆ “ความจริงข้าแซ่ฉู่ ชื่อเยี่ยนเพียงตัวเดียว หูเฟิงเป็นอีกชื่อหนึ่งของข้า เซียงอี๋เหนียงเค คยได้ยินชื่อฉู่เยี่ยนหรือไม่”
สีหน้าของเซียงอี๋เหนียงพลันแปรเปลี่ยน เช่นเดียวกับไป๋เจินจูที่ตกใจจนแทบจะเหมือนมีสายฟ้าฟาดลงกลางกระหม่อม
เขาคือจิ้นอ๋อง?
หูเฟิงคือจิ้นอ๋อง? จิ้นอ๋องที่หมั้นหมายกับเผยเซี่ยเหยียนอย่างนั้นหรือ
ไป๋เจินจูไม่รู้ว่าตนเองควรร้องไห้ หรือควรยิ้มออกมากันแน่
บุรุษตรงหน้าเป็นคนที่นางใฝ่ฝัน เป็นคนเดียวที่นางอยากจะแต่งให้ และเป็นคนที่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของนางอ อย่างถ่องแท้เช่นกัน…
หลังจากเซียงอี๋เหนียงหายตกใจ นางก็รีบดึงสติกลับมาโดยเร็ว บนใบหน้าที่แต่งแต้มเครื่องสำอางมาอย่างดีพลันมีร รอยยิ้มปรากฏขึ้นมา นางรีบจูงมือไป๋เจินจูมาอยู่เบื้องหน้าหูเฟิง ยิ้มว่า “ช่างบังเอิญยิ่งนัก พรหมลิขิตบันดาลจริง เชียว ก่อนหน้านี้ข้าไม่เคยเชื่อเลย ทว่าพบกันครั้งนี้ข้ากลับเชื่อโดยสิ้นเชิง จิ้นอ๋อง เดิมทีท่านกับเหยียนเอ๋อ อร์ของพวกข้ารู้จักกันอยู่แล้วหรือนี่ ต้องเป็นพรหมลิขิตแน่ๆ!”
หูเฟิงยิ้มเย็น “เป็นพรหมลิขิตจริงๆ นั่นแหละ ราวกับว่าสวรรค์กำหนดไว้อย่างไรอย่างนั้น” เขาจ้องไป๋เจินจู เอ่ยถาม มพร้อมรอยยิ้ม “ได้ยินมาว่าท่านย่าของเจ้าตายแล้ว เจ้ารู้หรือไม่ว่านางตายอย่างไร”