คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 677 จมลงในบ่อน้ำ / ตอนที่ 678 ศัตรู
ตอนที่ 677 จมลงในบ่อน้ำ
สายตาเคียดแค้นของเจ้าใหญ่จ้องเขม็งไปยังไป๋จื่อ “นางเด็กน่าตาย เจ้าช่างดวงแข็งเสียจริง จากตะวันตกเฉียงเหนือตามมาจนถึงเมืองหลวง มีความกล้าไม่น้อยเลย”
ไป๋จื่อโยนห่อสมุนไพรในมือทิ้ง ยื่นมือไปคลำกระเป๋าที่แขนเสื้อ ทว่าในนั้นว่างเปล่า นางถึงนึกได้ว่าเพิ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะออกมาข้างนอก จึงทิ้งกระเป๋าเงินไว้ในเสื้อผ้า ที่เปลี่ยนทิ้ง
“ผิดแล้ว ข้าไม่ได้ตามพวกเจ้ามา ข้ามาที่แล้วถึงได้รู้ว่าพวกเจ้าก็อยู่ที่นี่เช่นกันต่างหาก”
เจ้าใหญ่โบกมือ “ข้าไม่สนใจหรอก หากเจ้าไม่มาที่เมืองหลวง เจ้าก็คงไม่มีจุดจบในวันนี้ แต่ในเมื่อเจ้ามาแล้ว ก็อย่ากล่าวโทษที่ข้าลงมืออย่างไม่ปราณีเลย”
เขาขยิบตาให้ไป๋ต้าเป่าที่อยู่ด้านหลังของไป๋จื่อ
ไม่รู้ว่าไป๋ต้าเป่าหยิบกระบองไม้มาจากที่ใด เขาฟาดมันลงที่ท้ายทอยของไป๋จื่อครั้งหนึ่ง แต่อาจจะเพราะเขาเพิ่งเคยตีคนเป็นครั้งแรก จึงเบามือไปบ้าง
ไป๋จื่อไม่ได้สลบไสลไม่ได้สติ เพียงแต่รู้สึกวิงเวียนศีรษะ พาให้หมดเรี่ยวแรงไปชั่วขณะ
นางรู้สึกว่าตนเองถูกพาเข้าไปในรถม้า ระหว่างทางรถม้าสั่นสะเทือนอยู่ตลอด ยิ่งโคลงเคลงเท่าไร นางก็ยิ่งรู้สึกได้สติมากขึ้นเท่านั้น แต่น่าเสียดายที่มีก้อนผ้าอุดปากนางเอาไว ว้อยู่ จึงส่งเสียงขอความช่วยเหลือไม่ได้ สองแขนและสองขาของนางก็ถูกมัดไว้เช่นกัน อยากจะกระโดดออกจากรถม้าก็ยิ่งทำไม่ได้
ฉับพลันนั้นนางนึกถึงคลิปวิดีโอแกะเชือกมัดตัวที่เคยเห็นบนอินเทอร์เน็ต นางพยายามรำลึกถึงเนื้อหาในนั้นอย่างสุดความสามารถ เมื่อลองทำตามรอบแล้วรอบเล่า ปรากฏว่าพบหนทางอยู บ้างจริงๆ ครั้นรถม้าหยุดลง นางคลายเชือกได้มากกว่าครึ่งหนึ่งแล้ว ขอเพียงพยายามมากกว่านี้สักหน่อย ก็จะหลุดออกจากพันธนาการโดยสิ้นเชิง
บัดนี้ม่านรถม้าถูกเปิดออก นางหลับตาทำเป็นสบลไสล เจ้าใหญ่จับขาทั้งสองข้างของนางไว้ ก่อนจะลากนางออกมาอย่างป่าเถื่อน
สีหน้าของไป๋ต้าเป่าซีดขาวมาก บนหน้าผากมีเหงื่อกาฬเย็นเยียบผุดออกมาไม่ขาดสาย เมื่อเห็นบิดาลากไป๋จื่อออกมา เขาก็รีบถามว่า “ท่านพ่อ ฆ่าคนถือว่าผิดกฎหมาย หากคนของทางการจั บได้ พวกเราต้องตายแน่”
เจ้าใหญ่มองไปรอบๆ ท้องฟ้ามืดแล้ว และที่นี่ก็รกร้างไร้วี่แววของผู้คน ทิ้งเด็กสาวน่าตายไว้ที่นี่สักคน ให้นางตายไปโดยที่ไม่มีใครรู้ แล้วใครจะรู้ว่าพวกเขาเป็นคนฆ่านาง
“ใครบอกว่าพวกเราฆ่าคน พวกเราอยู่ในเมืองตลอดเวลา ไม่ได้ออกไปที่ไหนเลย เข้าใจหรือไม่”
ไป๋ต้าเป่าพยักหน้า กัดฟันพลางตัวสั่น
ไป๋จื่อลอบลืมตาขึ้นเป็นซอกเล็กๆ เห็นข้างทางมีบ่อน้ำอยู่แห่งหนึ่ง รอบข้างบ่อน้ำเต็มไปด้วยหญ้าแห้งและป่าทึบ นางจึงรีบออกแรงคลายเชือกที่มัดมือเพิ่มขึ้น
เจ้าใหญ่เห็นนางตื่นแล้วก็ไม่ได้พูดอะไร โยนนางลงไปในน้ำโดยตรง
นางดำดิ่งลงไป สองเท้าถูกมัดไว้อยู่ อีกทั้งเชือกก็ยังไม่หลุดออกจากมือ น้ำเย็นยะเยือกเริ่มไหลเข้าตา หู และจมูกของนาง ความรู้สึกเช่นนี้ช่างทรมานเสียจริงๆ
โชคดีที่จมน้ำได้ไม่นานเท่าไรนัก นางก็คลายเชือกบนมือได้ และถือโอกาสนี้กลั้นหายใจ รีบคลายเชือกที่เท้าด้วยเช่นกัน
แต่ไหนแต่ไรนางไม่เคยรู้สึกดีใจที่ตนเองไว้ว่ายน้ำได้เช่นในตอนนี้มาก่อน หากไม่ใช่เพราะปีนั้นหลินหยางพยายามยุยงนาง นางก็คิดว่าไม่เห็นความจำเป็นต้องเรียนว่ายน้ำด้วย
ตอนนี้เจ้าใหญ่และไป๋ต้าเป่ายังคอยอยู่บนฝั่งแน่นอน นางจะโผล่หน้าออกไปตอนนี้ไม่ได้
นางกลั้นหายใจเฮือกสุดท้าย ดำดิ่งอยู่ใต้ผืนน้ำ ว่ายน้ำไปถึงท่ามกลางกอดอกบัวป่า ลอบผุดขึ้นมาสูดลมหายใจ แล้วค่อยดำน้ำลงไปอีกครั้ง
แม้เจ้าใหญ่และไป๋ต้าเป่าจะได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวที่กอดอกบัวป่าทางนั้น แต่กลับไม่มีคนลอยขึ้นมา จึงคิดว่าเป็นปลาในน้ำกำลังว่ายน้ำ และไม่ได้คิดมากอีก หลังจากรออยู่อีกค ครู่หนึ่ง เห็นแล้วว่าไป๋จื่อไม่ลอยขึ้นมาอีกเลย แม้กระทั่งไม่มีฟองอากาศด้วย ถึงได้หมุนกายขึ้นรถม้าจากไป
ไป๋จื่อลอยตัวขึ้นจากในบ่อน้ำที่เย็นเยียบ มองรถม้าที่ค่อยๆ หายไปในความมืดสลัว นางกัดฟันพร้อมตัวสั่นด้วยความหนาวเหน็บ “แค้นนี้หากไม่ได้ชำระ เช่นนั้นข้าก็ไม่ใช่สกุลไป๋”
……….
ตอนที่ 678 ศัตรู
ไป๋จื่อไม่ได้กลับมาที่จวน ทุกคนที่จวนจึงร้อนใจแทบแย่ สั่งให้คนรับใช้ในจวนออกไปตามหากันให้ควั่ก จนในที่สุดก็พบสาวใช้ที่ออกไปข้างนอกพร้อมกับไป๋จื่ออยู่ในตรอก นางยังคง งสลบไสลไม่ได้สติ
เหล่าคนรับใช้นำตัวสาวใช้กลับมาที่จวน ตงฟางมู่เห็นคนรับใช้นำเพียงสาวใช้ที่ถูกตีสลบกลับมาเพียงลำพัง ไร้ซึ่งวี่แววของไป๋จื่อ ก็พลันร้อนใจจนสาดน้ำชาเย็นเฉียบบนใบหน้าของ สาวใช้ทันที
สาวใช้ตื่นแล้ว นางมองทุกคนที่อยู่เบื้องหน้าด้วยสีหน้างุนงง “เหตุใดข้าถึงอยู่ที่นี่ ฟ้ามืดแล้วหรือ”
ตงฟางมู่รีบถาม “คุณหนูไป๋เล่า นางอยู่ที่ใด”
คราวนี้สาวใช้ถึงจะนึกขึ้นได้ รีบเล่าเรื่องในตอนนั้นเสียรอบหนึ่ง
“หมายความว่าเจ้ามองไม่เห็นเลย ว่าใครตีเจ้าสลบใช่หรือไม่” ตงฟางมู่ด้วยสีหน้าบึ้งตึง
สาวใช้รีบพยักหน้ารับ สีหน้าซีดเผือด นึกเสียใจขึ้นมาภายหลัง ตอนนั้นคุณหนูไป๋บอกนางว่าอย่าเข้าไป ทว่านางไม่รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น ราวกับถูกผีสิงก็ไม่ปาน คิดเพียงจะเข้าไป ประคองคนชราผู้นั้น แสดงความดีต่อหน้าคุณหนู ให้คุณหนูเกิดความรู้สึกดีๆ ต่อนาง
ใครจะไปรู้ว่าจะเกิดเรื่องทันทีที่เข้าไป ทั้งยังลำบากไปถึงคุณหนูไป๋ด้วย ตอนนี้จะทำเช่นไรดี
ตงฟางมู่ไม่ได้กล่าวโทษนาง เพราะเห็นได้ชัดว่ามีคนจงใจจัดฉาก ถึงจะไม่เกิดเรื่องขึ้นที่นั่น ก็อาจจะเป็นที่อื่น
จ้าวหลานตกใจจนขาอ่อน น้ำตาไหลพราก จับแขนเสื้อตงฟางมู่ไม่ยอมปล่อย “ต้องตามหาตัวจื่อเอ๋อร์ ต้องตามหานางให้พบ!”
ตงฟางหว่านเอ๋อร์ก็ร้อนใจไม่แพ้กัน นางคิดวิเคราะห์สถานการณ์อย่างละเอียด ทว่าในหัวสมองกลับวุ่นวายสับสน คิดอย่างไรก็คิดไม่ตก
บัดนี้มีข้ารับใช้รีบร้อนเข้ามารายงาน “นายใหญ่ จิ้นอ๋องมาแล้วขอรับ”
ก่อนหน้านี้ตงฟางมู่ส่งคนไปบอกกล่าวหูเฟิง คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะมาถึงเร็วเช่นนี้
หูเฟิงก้าวอาดๆ เข้ามาในห้องโถง ครั้นเห็นสถานการณ์ตรงหน้า หัวใจของเขาก็พลันดำดิ่ง “ยังไม่พบนางหรือขอรับ”
ตงฟางมู่ส่ายหน้า “สาวใช้ที่ไปด้วยกันกับนางถูกตีจนสลบ ถูกทิ้งร่างไว้ในตรอก มีเงินติดตัวอยู่ไม่น้อย ดูท่าทางเป้าหมายของพวกมันก็คือจื่อเอ๋อร์นี่แหละ”
ตงฟางหว่านเอ๋อร์ร้อนใจเป็นอย่างยิ่ง “จื่อเอ๋อร์เพิ่งมาที่เมืองหลวงเป็นครั้งแรก ยังไม่รู้จักใครเท่าไรนัก ยิ่งไม่มีศัตรูอะไร เป็นใครกันแน่ที่ทำร้ายนาง”
หูเฟิงกัดฟัน “ใครบอกเล่าว่านางไม่มีศัตรูในเมืองหลวง นางมีศัตรูขอรับ!”
“เป็นใครกัน” ตงฟางมู่รีบถาม
“ไป๋เจินจูสวมรอยเป็นไป๋จื่อ ครั้นนางรู้ว่าไป๋จื่อก็มาที่เมืองหลวงเช่นกัน ทั้งยังได้พักอยู่ในคฤหาสน์ตงฟาง นางจะอยากทำอะไรได้เล่า หากอยากรักษาตำแหน่งคุณหนูสกุลใหญ่เอา าไว้ นางจะต้องคิดหาวิธีกำจัดไป๋จื่อแน่ ไม่เช่นนั้นฐานะของนางก็สุ่มเสี่ยงถูกเปิดเผยได้ทุกเมื่อ”
จ้าวหลานพยักหน้าหงึกหงัก “ใช่ ครอบครัวของเจ้าใหญ่ร้ายการยิ่งนัก แม้แต่น้องชายและแม่แท้ๆ ของตนเองก็ลงมือได้ลงคอ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงจื่อเอ๋อร์ที่อาจจะคุกคามพวกเขาได้ในอนาคต ต้องเป็นพวกเขาแน่ พวกเขาเป็นคนทำแน่นอน”
หูเฟิงกล่าวกับตงฟางมู่ว่า “ท่านอาจารย์ อย่าได้แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป ข้าจะไปที่เรือนรับแขกของสกุลเผยก่อน ครอบครัวของเจ้าใหญ่พักอยู่ที่นั่นขอรับ”
ตงฟางมู่พยักหน้า “ได้ ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”
ชายหนุ่มไม่ได้อิดออด เดินทางไปยังเรือนรับแขกสกุลเผยร่วมกับตงฟางมู่ในทันที
…
เจ้าใหญ่ไป๋และไป๋ต้าเป่ากลับไปที่เรือนรับแขกสกุลเผย หลิวซื่อเตรียมอาหารเลิศรสให้พวกเขาเต็มโต๊ะ ครั้นทั้งสองคนกลับมา นางก็ก้าวเข้าไปเอ่ยถามทันทีว่า “เป็นอย่างไรบ้าง”
“เรียบร้อยแล้ว มีข้าเจ้าใหญ่ไป๋ออกโรง จะมีอะไรไม่สำเร็จไปได้เล่า” เจ้าใหญ่เอ่ยอย่างลำพองใจ
ส่วนไป๋ต้าเป่ายังคงสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เห็นอาหารเต็มโต๊ะก็ไม่รู้สึกอยากอาหาร จนถึงตอนนี้แล้วมือยังสั่นอยู่เลย